เทคนิคการลดต้นทุน : กับค่าเงินบาท
ปลายปีที่ผ่านมาใคร ๆ ก็รู้ว่าค่าเงินบาทแข็งเสียจนผู้ส่งออกแย่ไปตาม ๆ กัน อ้าวแล้วทำไมวันนี้ถึงมาเขียนเรื่อง เทคนิคการลดต้นทุน : กับค่าเงินบาท ล่ะ ก็เพราะว่า โอกาสเช่นนี้มิได้มีกันบ่อย ๆ หลายคนยิ่งฟังยิ่งงง มาเฉลยกันดีกว่าค่ะ ปลายปี 2553 เงินบาทเมื่อเทียบกับ EUR และ US$ แข็งค่าประมาณกว่า 12% นั่นหมายถึงผู้ซื้อในประเทศไทยจ่ายเงินน้อยลงเท่ากับ % ที่เงินบาทแข็งค่า แน่นอนว่าผู้นำเข้าโดยตรงยิ้มไปตาม ๆ กัน เพราะประหยัดเงินได้เยอะมาก โดยเฉพาะเครื่องจักรที่ราคาหลาย ๆ ล้าน แล้วผู้ซื้อที่ไม่ได้นำเข้าโดยตรงล่ะ จะได้อะไร? ข้อนี้ง่าย ๆ ค่ะ ในเมื่อความเป็นจริงต้นทุนสินค้าถูกลงก็ต้องตั้งโต๊ะเจรจากับบรรดาบริษัทตัวแทนที่นำเข้าทั้งหลายว่าจะต้องลดราคาให้กับเราให้สมเหตุสมผลกับค่าเงินหน่อยนะ จะขายราคาเดิมไม่ได้แล้วนะ คือถ้าเป็นซื้อสินค้าแบบครั้งต่อครั้งนี่ยิ่งง่ายค่ะ ต่อแล้วได้ราคาที่ลดแล้วก็จบกัน แต่ถ้าเป็นการซื้อต่อเนื่องก็อาจจะต้องคุยกันให้ชัดเจนว่าแล้วถ้าเกิดาวันใดเงินอ่อนจะคิดราคากันอย่างไร พูดง่าย ๆ ว่าการเจรจาที่ดีเราต้องรู้จักรับและให้เช่นกัน อย่าคิดแต่ได้รับแต่เพียงฝ่ายเดียว ถ้าเราใช้เงื่อนไขที่กลาง ๆ ก็จะทำให้การเจราจาสำเร็จง่ายขึ้น สมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เราก็ไม่ถูกเขาเอาเปรียบในยามที่เราควรจะได้ของถูก และเช่นเดียวกันเราก็ต้องใจกว้างว่าถ้าค่าเงินเปลี่ยนเราก็ยินดีรับฟังหากเขาจะขึ้นราคาบ้าง (อันนี้อยู่ที่ฝีปากในการเจรจาแล้วล่ะคะว่าจะยื้อกันได้ขนาดไหน :)) แบบนี้จะ win win ทั้งคู่ แล้วอย่าลืมไปลดต้นทุนในธุรกิจของคุณด้วยวิธีง่าย ๆ แบบที่เล่ามาให้ฟังกันล่ะคะ ไม่ต้องลงทุนอะไร แต่คิดสักนิด สำรวจสักหน่อยว่าวันนี้คุณมีสินค้าอะไรบ้างที่นำเข้าจากยุโรปหรืออเมริกา ส่วนถ้านำเข้าจากญี่ปุ่นตอนนี้คุณต้องคิดหนักหน่อยเพราะอาจจะโดนขอขึ้นราคาบ้าง เพราะเงินเยนยังค่อนข้างแข็งอยู่ ขอให้ประสบความสำเร็จกับเทคนิคการลดต้นทุน ตัวอย่างแรกที่นำมาฝากกันนะคะ ได้ผลอย่างไรมาเล่าให้กันฟังก็คงจะดีนะคะ แล้วจะนำเทคนิคอื่น ๆ มาฝากกันอีกค่ะ
Create Date : 05 มกราคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 5 มกราคม 2554 22:31:14 น. |
Counter : 1069 Pageviews. |
|
|