กรณีที่โครงการยังไม่ได้ก่อสร้าง ผู้ซื้อจะต้องไม่พลาดการพิจารณาเรื่องดังต่อไปนี้
1. ใบอนุญาตก่อสร้าง ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคารปี 2522 โดยผู้ซื้อสามารถสอบถามเกี่ยวกับใบอนุญาตก่อสร้างได้ว่าได้รับใบอนุญาตก่อสร้างแล้วหรือยัง
2. รายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) หากโครงการนั้นมีจำนวนห้องชุดตั้งแต่ 80 ยูนิตขึ้นไป หรือมีพื้นที่ก่อสร้างตั้งแต่ 4,000 ตร.ม. จะต้องได้รับอนุมัติรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม แม้ว่าจะมีการเปิดขายโครงการไปก่อน แต่ผู้ประกอบการอาจยังไม่ลงมือก่อสร้างหากยังไม่ได้รับอนุมัติรายงาน EIA เนื่องจากเกรงว่าจะเกิดความยุ่งยากหากก่อสร้างไปแล้วจะต้องถูกสั่งให้แก้ไข หรือเปลี่ยนแปลงแบบอาคาร
3. โฉนดที่ดิน และควรเป็นกรรมสิทธิ์ของเจ้าของโครงการหรือบริษัทผู้ดำเนินการ รวมทั้งจะต้องปลอดจากภาระผูกพันใดๆ ยกเว้นการจำนอง เนื่องจากหากที่ดินติดภาระผูกพันอย่างอื่นจะไม่สามารถจดทะเบียนอาคารชุดได้ หากต้องการความมั่นใจสามารถตรวจสอบโฉนดได้ที่สำนักงานที่ดินที่โครงการนั้นตั้งอยู่
4. เขตที่ดิน เพื่อดูว่าแปลงที่ดินนั้นมีทางเข้าออกหรือไม่และทางเข้าออกนั้นเป็นทาง สาธารณะหรือที่ส่วนบุคคล โดยเฉพาะหากทางเข้าออกเป็นที่ส่วนบุคคลจะต้องมีการจดภาระจำยอมให้ที่ดินแปลง ที่ตั้งโครงการสามารถใช้เป็นทางเข้าออกได้
5. ชื่อที่อยู่ของผู้ประกอบการ ผู้ประกอบการต้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงที่จะก่อสร้างคอนโดนั้น อาจเป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลก็ได้ ถ้าเป็นนิติบุคคลก็ต้องดูว่ามีการจดทะเบียนถูกต้องแล้วหรือยัง ทุนจดทะเบียนเท่าไร เหมาะสมกับมูลค่าของโครงการหรือไม่ ใครเป็นกรรมการผู้จัดการหรือกกรรมการผู้มีอำนาจลงาม สามารถตรวจสอบเรื่องเหล่านี้ได้ที่สำนักงานพาณิชย์จังหวัดหรือกรมทะเบียนการค้า นอกจากนี้ประวัติของผู้ประกอบการก็สำคัญ ประสบการณ์ ผลงานในอดีตเป็นอย่างไรชื่อเสียงหรือภาพพจน์ในวงการก็เป็นข้อมูลที่ต้องตรวจสอบด้วยเช่นกัน
ขอบคุณข้อมูลจาก : Home Buyers Guide Eastern
ภาพจาก : safetycodes