เมื่อเขาควาย
มาแทงใจฉัน ตอน 4 (ตุ้ม ปกากะญอ)
เมื่อหัวความมาแทงใจฉัน บทที่ 4 "ยุคใบตองครองเมือง"
ใกล้ปีใหม่อีกปีแล้วสินะ เตรียมตัวต้อนรับปี 2528 กันทุกผู้ทุกคน ปลายๆเดือนธันวาอากาศเย็นสบายๆ อาจจะมีลมหนาวพริ้วมากระทบใบหน้าแห้งๆบ้างในบางครั้ง มันเป็นบรรยากาศที่น่าสนุก เพราะเป็นช่วงฤดูเทศการณ์ต่างๆ มากมาย เริ่มต้นจากลอยกระทง คริสมาส และรอส่งท้ายปีเก่า ลาก่อนปี 2527
ผมนั่งเล่นอยู่หัวสะพานชายคลองบางปะแก้ว รอเพื่อนอีก 4-5 คนมา แกะเพลงกันที่บ้าน เหตุผลที่ต้องมาแกะเพลงรวมกัน ไม่แบ่งไปแกะบ้านใครบ้านมันก็คือ อุปกรณ์ในการแกะเพลงมันไม่มีกันสักคน วิทยุเทป ดีดี สักเครื่องมันช่างหายากหาเย็นในสมัยนั้นเหลือเกิน ต้องอาศัย ไอ้โหนก มือโซโล่ประจำวงแบกมา เพราะที่บ้านมันมีฐานะดีที่สุด แต่ก็นั่นแหละ มันก็ยังไม่ใช่วิทยุเทปของมันอยู่ดี ต้อง แอบย่องไปหยิบยืมมาจากห้องของพี่ชายที่ทำงานมีเงินแล้ว (ไม่ต้องถามถึงวิทยุเครื่องเล็กของไอ้วิทย์นะครับ เพราะมันพังไปเมื่อ 2-3เดือนก่อนหน้านี้แล้ว) เหตุผลที่ผมตั้งชื่อเรื่องนี้ว่าใบตองครองเมืองนั้น มันย่อมมีที่มาแน่นอน ในช่วงนั้น เมดอิน ไทยแลนด์ ออกมาพอดี ออกมาเพื่อส่งท้ายปีเก่ากับเค้าด้วยจากหัวสะพานบ้านผม รัศมีห่างออกไปประมาณ 500 เมตร ก็จะมีบ้านของเพื่อนบ้านอีก 5-6 หลัง เรียงรายเรียบตามคลอง และตอนที่ผมนั่งรอเพื่อนอยู่นั่นเอง ทุก ๆ บ้านก็พร้อมเพียงกันประโคมเสียงเพลง คาราบาว ออกมาอย่างไม่ได้นัดหมาย
บ้านไหนมีฐานะดีหน่อย เสียงเพลงก็จะดังกว่าชาวบ้านเค้า เพราะอยากแสดงแสนยานุภาพของสเตอริโอที่แสนแพงในยุคนั้น หน้าตามันช่างคลาสสิคเอาเสียเหลือเกิน ไม่มีหรอกครับไอ้ปุ่มกดแบบดิจิตอลแบบสมัยนี้หนะ มีแต่สวิต ดันขึ้นดันลงและก็ ตัวหมุนๆ เพิ่มเสียง หน้ากากของมันก็สีบรอนซ์ๆ ตัวเครื่องก็ลายไม้ สุดจะคลาสสิคแท้ ส่วนบ้านไหนเป็นชนชั้นกลางก็พยายามจะเร่งเสียงจากวิทยุเทปราคาพอควร เร่งให้มันดังจนลำโพงมันกระพือดัง แกร๊กๆๆๆๆๆๆ กะว่าขอให้เพลงนี้มันจบแบบสะใจ
ลำโพงจะพังช่างมัน แต่ขอให้กูได้เปิดเพลงสนับสนุนของไทยแบบเค้าบ้างเป็นพอมันก็น่าสนุกดี ปนกับอารม ขบขัน เพราะพอบ้านนี้เปิด เมดอิน ไทยแลนด์ อีกบ้านก็เปิด ราชาเงินผ่อน ยังฟังไม่จบดี อีกบ้านกระหึ่มแข่งมาด้วยเพลง บัวลอย สลับกันไปอย่างนี้ทั้งวัน ทิศตะวันตกเปิดนางงามตู้กระจก แล้วต่อด้วยเรฟูจี พอเพลงเรฟูจีทำท่าว่ากำลังจะจบ บ้านทางทิศเหนือก็ส่งเสียงเพลง นางงาม มาอีก ระรอกนึง สรุปว่าวันนั้นทั้งวัน พวกผมไม่ต้องแกะเพลงมันแล้วหละ เพราะไอ้เทปเครื่องที่ไอ้โหนกมันแบกมาดังแข่งกับเสียงรอบข้างไม่ไหว เลยตกลงกันว่าลงขันกันซื้อเหล้านั่งกินมันริมน้ำนั่นแหละ เพราะมีข้อแก้ตัวกันแบบฮาๆ ว่านั่งฟังมันทั้งวันอยู่อย่างงี้แหละ เดี๋ยวเพลงมันก็เข้าหูไปเอง ไม่ต้องมานั่งแกะให้ปวดหัว
เดี๋ยวตอนเย็นเข้าห้องซ้อมเล่นกันสดๆไปเลย เรียกเสียงฮาจากหมู่คณะได้พอควรเรามาพูดถึงเพลงกันบ้างดีกว่านะครับ เดี๋ยวจะดูว่า เป็นชีวประวัติส่วนตัวไปสะชิบ
เมดอินไทยแลนด์ เพลงแรกของอัลบั้มนี้ เป็นเพลงโปรโมท ซึ่งผมมารู้ทีหลังว่าเป็นเพลงที่แต่งกันสดๆในห้องอัดและเป็นเพลงสุดท้ายด้วย เล่นเอาผมนิ่งไปพักใหญ่เลย
เนื้อหานั้นรู้ๆ กันอยู่ว่ายอดเยี่ยมขนาดไหน ไอ้ที่ผมสนใจนี่สิ มันคือการพัฒนาของเสียงดนตรี ที่แตกตัวออกมาอย่างน่าตะลึง เสียงกลองไฟฟ้าก้ได้นำมาใช้ในชุดนี้ชุดแรกเลย (ซึ่งสมัยนั้นนิยมอย่างมากที่จะใช้ เสียงกลองไฟฟ้ากัน เพราะง่ายต่อการเข้าห้องอัด ไม่เสียงเวลามาก เสียงออกมาชัดเจนทุกใบ<)เสียงขลุ่ย ที่ไพเราะเอามากๆ จากสมาชิกหน้าใหม่ซึ่งมีบทบาทอยู่เบื้องหลังมานาน ถึงเวลาที่อาจารย์ธนิสต์แกได้เอาวิชาของแกมาระเบิดโลกหัวควายของพวกเราแล้ว อ้าว! นั่นพี่อ๊อด วงเพลสสิเด้นนี่หว่า ลงมาเล่นเบสเต็มตัวแล้วเหรอ และที่น่าตกใจที่สุดของผมก็คือ นักร้องคนนึงที่ผมชอบ น่าตาฝาหรั่งๆ ที่เมื่อก่อนร้องเพลงเมื่อวานช้ำ วันนี้จำ พรุ่งนี้ก็ลืม พี่เทียรี่ มาไงว๊ะเนี่ย เออๆๆๆ มันส์หละงานนี้..เล่นโซโล่ประสานกับพี่เล็กได้เนียนจริงๆ เลิกใส่สูทรแล้วก็ไม่บอก อยากเป็นตะหานแต่แรกแล้วอ่ะดิ เห็นใส่มาเต็มยศเลย
ซีรี่ย์สั้นๆ 2 ตอนจบ ต้องยกนิ้วให้กับ ลูกหิน กับ ลูกแก้ว แสดงความแตกต่างที่ลงตัวมากๆ ทุกวันนี้พอฟังต่อกันทั้ง 2 เพลง ยังแอบนึกเล่นๆเลยว่า พี่เล็ก อ่ะเป็นคนดี ส่วนพี่แอ๊ดหนะ ใจแตกตั้งแต่เด็ก ฮ่าๆๆๆ คิดเล่นๆนะครับ
มหาลัย เพลงจังหวะโซล ที่ยังมีกลิ่นไอของความเป็นคาราบาวยุคก่อน มีอยู่ในช่วงอินโทร ด้วยเสียงกีร์ต้า สายเอ็น ที่ออกมาในแนวโฟล์ค ตามถนัด ปนกันเสียงกีต้าร์ไฟฟ้าที่โซโล่ท่อนกลาง มันเข้ากันได้สนิทชิดเชื้อมากๆ
เรฟูจีทำนองต่างประเทศก็จริง แต่เราก็ทำใจมองข้ามตรงนั้นไป เอาใจเข้าข้างคาราบาวอย่างเต็มใจ ว่าเพลงนี้ทำออกมาดีมากๆ
สองเฒ่าผู้ยิ่งใหญ่ ยังมีจังหวะ เร๊กเก้ มาเล่นให้ ตึ๊กๆ ตั๊กๆ ในชุดนี่อีก
นางงามตู้กระจก เสียงแหบๆที่ทีเสน่ห์ ชวนให้ฟังแล้วเคลิ้มตาม
หำเทียม-ราชาเงินผ่อน สามช่า ขวัญใจเท้าไฟก็มีให้สนุกสนานกัน
บัวลอย มหากาพย์ ฉากที่ 5 ได้ครุกรุ่น บอกเล่าความอัปยศ ของสังคมและระบอบนายทุน ขยายความให้เด่นชัดขึ้นมา เน้นให้เราเจ็บช้ำไปพร้อมกันกับชีวิตของ
มะโหนก โลกนี้ไม่สมประกอบเพราะบางคนชอบเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน (นี่ขนาดบัวลอยเป็นแค่เพื่อนของมะโหนกนะเนี่ย ยังโดนขนาดนี้เลย แอบคิดๆๆ ) จังหวะของ เพลงดุดันในแบบของ ดิสโก้ ถ้าไม่คิดมากหละก็ วัยรุ่นมันจะบอกว่าเพลงนี้โคตรมันส์เลยพี่
ไม่ว่าจะเพลงอะไรๆ มันก็ฟังแล้วเพราะไปทั้งชุด ยากมากที่อัลบั้มนึง เพลงจะดังได้ทุกเพลง มันเป็น ประวัติศาสตร์จริงๆ ปีใหม่ปีนั้น เป็นปีใหม่ที่สนุกสนาน อีกปีนึงหละ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ปกใบตองคนนี้ก็ถือ คนนั้นก็หยิบ คนไหนๆ ก็ฟังกันทั้งประเทศ
เล่ามานานแล้ว พอดีน้ำแข็งกับโซดาหมดพอดี ไอ้โหนกชวนผมออกไปซื้อที่ร้านขายของชำหน้าบ้าน กะว่าจะติดแหนมมาด้วยอีกสัก 2-3 ห่อ เฮียๆๆๆ เอาโซดา 4 น้ำแข็ง 1 แหนมด้วย 3 ห่อ ได้ๆๆ แป็บนะ...เมก อิง ไปแลง แดงดิงไทเลา จ้ากกกกกกกกกกกก เพลง เมดอินไทยแลนด์ ตามมาดังที่ข้างหูถึงร้านเฮียหงษ์ เลยรึว๊ะเนี่ย แล้วเราก็หัวเราะกัน ยุคใบตองครองเมืองจริงๆ
ยอมรับเลย สำหรับบทความของพี่ตุ้ม เหล่านี้ผ่านมาถึงบทที่ 4 แล้ว ทุกบทก็ได้อ่านหลายรอบ ก่อนที่จะได้โพสลงในเว็ปไซด์ ฅนคาราบาวด๊อทเน็ทเมื่อ 2 ปีก่อน บทนี้เป็นบทพี่ตุ้มได้วิจารณ์วิเคราะห์ ถึงบทเพลงในอัลบั้ม เมดอินไทยแลนด์ ได้อย่างชัดเจนในยุคนั้น ขอบคุณแรงบันดาลใจจากพี่ตุ้ม ขอบคุณที่อนุญาตให้เก็บบทความเหล่านี้ไว้ในนี้
โปรดติดตามตอนต่อไปของพวกเรากลุ่มฅนคาราบาว... หากหัวใจยังรักควาย...ขอได้รับความขอบคุณจาก ป้อง กัวร์ราช่า ค่ะ
Create Date : 16 ธันวาคม 2550 |
|
11 comments |
Last Update : 17 ธันวาคม 2550 8:03:57 น. |
Counter : 896 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: แม้นๆ IP: 202.142.217.130 16 ธันวาคม 2550 17:42:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 18 ธันวาคม 2550 20:28:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: basbas 19 ธันวาคม 2550 6:00:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 21 ธันวาคม 2550 22:40:54 น. |
|
|
|
| |
โดย: พงพนา IP: 125.26.239.2 24 ธันวาคม 2550 7:24:25 น. |
|
|
|
| |
โดย: มิสแม้นวาด (KhunnongOrn ) 25 ธันวาคม 2550 1:56:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 25 ธันวาคม 2550 14:03:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอ็มมี่ 26 ธันวาคม 2550 10:13:53 น. |
|
|
|
| |
โดย: เอ็มมี่ 26 ธันวาคม 2550 14:29:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ป้อง.... (แอนไต้ฝุ่น ) 26 ธันวาคม 2550 23:23:39 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
สมุทรปราการ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
เหมือนสายลมผ่านไป ในท้องทุ่ง............... เหมือนน้ำค้างย่ำรุ่ง อุทาหรณ์................ ว่าสัญญาสายัณห์ ตะวันรอน.......... พอตื่นนอนก็ไร้เงา พวกเจ้านาย........
|
|
|
|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
คิดถึงเจ๊จ้า แวะมาส่งเสียง เรื่องกินกัน ถ้าว่าง ไม่ติดไม่ขัด หล่ะไม่พลาดแน่ค่า
รักษาสุขภาพ