นิธิ วิพากษ์ "อวสานทางการเมืองของคุณทักษิณ"
โดย นิธิ เอียวศรีวงศ มติชน ออนไลน์
น้ำหนักทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เบาลงไปถนัด ในขณะที่กลายเป็นภาระทางการเมืองที่ยิ่งหนักมากขึ้น แก่ผู้ต้องการจะแบก
ทั้งนี้ ไม่ใช่เพราะคุณทักษิณจนลงเพราะถูกยึดทรัพย์ไปส่วนหนึ่ง แต่คำพิพากษาทำให้เกิดความมัวหมองทางการเมืองแก่คุณทักษิณอย่างยากที่จะลบล้างไปได้ คำพิพากษาในครั้งนี้เป็นภาระทางการเมืองแก่คุณทักษิณและพรรคพวก ยิ่งไปกว่าคำพิพากษาให้จำคุกในกรณีที่ดินรัชดาฯ เสียอีก โทษจำคุกทำให้คุณทักษิณไม่อาจอยู่ในประเทศไทยได้เท่านั้น แต่ก็มีข้อแก้ตัวที่ "ฟังขึ้น" แก่คนจำนวนไม่น้อยว่า เกิดจากอำนาจทางการเมืองที่ไม่สุจริต (คือทำรัฐประหาร) หรือแม้แต่จะแก้ตัวว่า เกิดจากการละเมิดกฎหมายโดย สุจริต ดังกรณีซุกหุ้นก็ยังได้ เพราะไม่ได้เกิดความเสียหายแก่รัฐแต่อย่างไร
ผิดจากคำพิพากษาครั้งนี้ การกระทำที่ "ไม่สมควร" ทั้งหลาย ไม่ได้เกิดจากความผิดพลาดหละหลวม แต่เห็นได้ชัดในคำพิพากษาว่า ต้องเตรียมการ และดำเนินการโดยมีเจตนาจะหาประโยชน์อย่างแน่นอน อีกทั้งอาจคำนวณความเสียหายที่เกิดแก่รัฐจากการกระทำที่ "ไม่สมควร"นี้ได้ มีมูลค่าสูงกว่าทรัพย์ที่ถูกยึดอีกหลายเท่าด้วย
คำพิพากษาจึงเป็นจุดเริ่มต้นของคดีอาญาและคดีแพ่งที่จะตามมาอีกหลายคดี
จนกระทั่งอาจกล่าวได้ว่า คำพิพากษาครั้งนี้ปิดฝาโลงทางการเมือง สำหรับคุณทักษิณให้แน่นขึ้นไปกว่าเก่า แม้ว่าคุณทักษิณซึ่งได้รับ ความนิยมอย่างกว้างขวางจากประชาชนในประเทศ อาจมีบทบาท ทางการเมืองผ่านผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านอยู่ต่อไป โดยไม่มีฝ่ายใด คิดว่าคุณทักษิณจะกลับมามีอำนาจทางการเมืองได้จริงสักฝ่ายเดียว ฝ่ายหนึ่ง ใช้ชื่อคุณทักษิณเพื่อระดมผู้คนที่ชื่นชอบคุณทักษิณมาเป็นเครื่องมือทางการเมือง อีกฝ่ายหนึ่ง ใช้ชื่อคุณทักษิณเพื่อระดมผู้คนที่รังเกียจคุณทักษิณมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองเหมือนกัน
ในแง่นี้ คุณทักษิณจึงมีฐานะทางการเมืองคล้ายๆ พคท.ในสมัยหนึ่ง พคท.นั้นแม้เป็นภัยคุกคามทางการเมืองอยู่บ้าง แต่ภัยคุกคามนั้นไม่ใหญ่โตสั่นคลอนเท่ากับคำโฆษณาของเผด็จการทหาร ส่วนใหญ่ของผู้สนับสนุน พคท.นับตั้งแต่ประชาชนในชนบทบางแห่ง (ซึ่งถูกเรียกว่าแนวร่วม) ไปจนถึงนักศึกษาจำนวนมากที่เข้าป่า เป็นคอมมิวนิสต์น้อยกว่าต้องการประท้วงต่อต้านอำนาจรัฐที่ไม่เป็นธรรม ในขณะที่รัฐใช้ภัยคุกคามของ พคท.เพื่อให้ความ ชอบธรรมแก่การกระทำที่ไม่เป็นธรรมของตนเอง พคท.จึงใหญ่กว่าตัว พคท.เอง
คุณทักษิณก็เป็นแค่นี้แหละ ถูกทุกฝ่ายใช้ประโยชน์เพื่อเป้าหมายทางการเมืองของตนเอง อันไม่จำเป็นว่าจะตรงกับเป้าหมายทางการเมืองของคุณทักษิณ
และที่คล้าย พคท.อีกอย่างหนึ่งก็คือ หนทางที่คุณทักษิณจะกลับสู่อำนาจทางการเมืองได้อีกครั้งนั้น ยิ่งนับวันก็ถูกบีบให้ต้องกลายเป็นหนทางของการปฏิวัติ แทนที่จะบีบตรงนั้นนิด กดตรงนั้นหน่อย จนกระทั่งระบบการเมืองเก่ายอมเปิดให้คุณทักษิณกลับเข้าสู่อำนาจทางการเมือง เหนือระบบการเมืองเก่าที่คุณทักษิณคุ้นเคยและมีฝีมือในการจัดองค์กร
เส้นทางปฏิวัติเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างช้าๆ นับตั้งแต่เกิดรัฐประหารในปี 2549 และน่าสงสัยด้วยว่า คุณทักษิณก็ไม่ได้มีเจตนาจะเดินไปบนเส้นทางนี้มาแต่แรก จนแม้แต่เมื่อพรรค ทรท.ถูกยุบแล้ว คุณทักษิณก็ยังคิดว่า จะค่อยๆ กลับคืนสู่อำนาจโดยผ่านสนามเลือกตั้ง ผ่านพรรคพลังประชาชน ดังนั้น คุณทักษิณจึงกลับมากราบแผ่นดินที่สนามบินสุวรรณภูมิ
อย่างไรก็ตาม การต่อสู้ทางการเมือง ทั้งเพื่อสนับสนุนคุณทักษิณ และต่อต้านคุณทักษิณ ไม่ได้อาศัยสนามเลือกตั้งเป็นตัวตัดสิน หากอาศัยการเมืองของฝูงชนบนท้องถนน ธรรมชาติของการเมืองฝูงชนมักจะควงสว่านไปสู่อะไรที่ถอนรากถอนโคน (radicalized) มากขึ้นตามลำดับ เพื่อบรรลุเป้าหมายที่อาจไม่ถอนรากถอนโคนเท่าไรนัก พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ การกระทำแบบถอนรากถอนโคนเป็นยุทธวิธี เพื่อบรรลุยุทธศาสตร์หรือเป้าหมาย ที่อาจไม่ได้มีลักษณะถอนรากถอนโคนเท่ากับยุทธวิธี
แต่ยุทธวิธีและยุทธศาสตร์ในความเป็นจริง ไม่อาจแยกออกจากกันได้ ยุทธวิธีถอนรากถอนโคนจึงแปรเปลี่ยนยุทธศาสตร์ให้โน้มเอียงไปทางถอนรากถอนโคนมากขึ้นตามลำดับ
คำพิพากษากรณีที่ดินรัชดาฯ ทำให้คุณทักษิณต้องหลบไปอยู่ต่างประเทศ และบีบให้คุณทักษิณต้องเดินตามกระแสเสื้อแดงมากขึ้น แม้เป็นกระแสที่ถอนรากถอนโคนก็ตาม ปิดหนทางที่จะประนีประนอมกับคณะรัฐประหาร และอำนาจที่อยู่เบื้องหลังการรัฐประหาร ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้คุณทักษิณต้องก้าวล่วงไปเป็นอริกับอำนาจตุลาการด้วย เพราะคุณทักษิณประกาศว่า โทษที่ตนได้รับนั้นเป็น "การเมือง"
ทั้งกองทัพและตุลาการนั้นเป็นองค์กรที่มีความสัมพันธ์สลับซับซ้อน ทั้งภายในองค์กรและเกี่ยวโยงไปถึงอำนาจอื่นๆ นอกองค์กร ขอยกตัวอย่างเพียงกองทัพในฐานะองค์กร หากคุณทักษิณกลับมามีอำนาจ (โดยตนเองหรือนอมินีก็ตาม) ย่อมหมายถึงการเปลี่ยนสายอำนาจภายในกองทัพ ซึ่งไม่ได้กระทบแต่นายทหารสี่ห้าคนที่ร่วมทำรัฐประหาร แต่หมายถึงเส้นทางอาชีพนายทหารอีกจำนวนมาก ใช่แต่เพียงเท่านั้น เส้นทางอาชีพของนายทหารยังเกาะเกี่ยวไปถึงอิทธิพลจากภายนอกหลายซับหลายซ้อน การเปลี่ยนสายอาชีพในกองทัพจึงสั่นสะเทือนไปทั้งในกองทัพและนอกกองทัพด้วย
ในทำนองเดียวกัน องค์กรอื่นๆ ที่สถานการณ์พลิกผันให้คุณทักษิณต้องเข้าไป "จัดการ" หากกลับมาถืออำนาจบ้านเมืองได้อีก ก็ยิ่งมากขึ้นตามลำดับ ใช่แต่องค์กรกองทัพและตุลาการ ยังรวมไปถึงตลาดหลักทรัพย์, มหาดไทย,วงการธุรกิจ และการลงทุนซึ่งนับวันก็เป็นอริกับกลุ่มเสื้อแดงมากขึ้น, วงการวิชาการ ซึ่งโดยตัวของวงการเองก็เข้าไปเกี่ยวกับองค์กรอื่นๆ อีกมากหลาย นับตั้งแต่องค์กรที่ให้ทุนไปจนถึงธุรกิจ, ราชการ และองค์กรอิสระอีกมาก ทั้งนี้ ไม่เว้นแม้แต่บางส่วนของสถาบันพระมหากษัตริย์ เช่น บุคคลในคณะองคมนตรี เป็นต้น
ยิ่งนับวันคุณทักษิณก็ยิ่งตกอยู่ภายใต้กระแสถอนรากถอนโคนของการเมืองฝูงชนในกลุ่มเสื้อแดงมากขึ้น ในการเคลื่อนไหว "เผด็จศึก" ของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันสงกรานต์ 2552 คุณทักษิณถึงกับประกาศว่า หากเสื้อแดงสามารถเคลื่อนได้เต็มแผ่นดิน คุณทักษิณก็จะเล็ดลอดเข้าอีสานเพื่อร่วมในการเคลื่อนไหวด้วย
คุณทักษิณกำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนั้นไม่ทราบได้ คุณทักษิณเพียงแต่ต้องการให้กำลังใจ หรือคุณทักษิณวาดภาพตนเองเป็นฟิเดล คาสโตร ที่ชูกำปั้นนำฝูงชนเข้ายึดกรุงเทพฯ
ไม่ว่าจินตนาการของคุณทักษิณจะเป็นอย่างไร เส้นทางกลับสู่อำนาจกลายเป็นเส้นทางแห่งการถอนรากถอนโคน เส้นทางนี้อาจจะดีก็ได้ แต่เป็นเส้นทางอันตราย เพราะหากคุณทักษิณใช้เส้นทางนี้โดยไม่อาจแยกแยะศัตรูของตนได้ชัดเจน
กลุ่มคนที่คุณทักษิณระแวงสงสัยจะมีมากเหลือคณานับ จะถอดเขี้ยวถอดเล็บคนที่ยังไม่น่าไว้วางใจนี้ได้อย่างไร พลพตใช้วิธีถอดเขี้ยวถอดเล็บโดยการเกณฑ์ชาวกรุงพนมเปญทั้งหมดออกไปทำนา และควบคุมด้วยวิธีโหดร้าย แต่เด็ดขาด คุณทักษิณอาจไม่ต้องทำถึงขั้นนั้น แต่ต้องเปลี่ยนระบบการเมืองไปอย่างพลิกฝ่ามือ ทั้งเพื่อตอบสนองต่อแนวโน้มถอนรากถอนโคนของผู้สนับสนุนตน และเพื่อประกันว่าศัตรูของตนจะไม่แฝงตัวเข้ามาในระบบการเมืองใหม่ที่สถาปนาขึ้น
ระบบการเมืองใหม่นั้น เป็นระบบที่คุณทักษิณเองไม่คุ้นเคย ฉะนั้น แม้จะดำรงอยู่ในอำนาจได้ ก็อาจไม่นานนัก เพราะตัวคุณทักษิณเองนั่นแหละตามความเปลี่ยนแปลงไม่ทัน อย่าลืมว่าความสำเร็จของคุณทักษิณ ทั้งในฐานะนักธุรกิจและนักการเมืองนั้น เกิดขึ้นท่ามกลางระบบการเมืองที่ชนชั้นนำเกี้ยเซี้ยกันเอง (หรือที่บางคนเรียกว่าการเมืองน้ำเน่า) ปราศจากชนชั้นนำกระบินี้ทั้งกระบิ คุณทักษิณจะจัดองค์กรแห่งอำนาจของตนได้อย่างไร
ฉะนั้น การกลับคืนสู่อำนาจในลักษณะนี้ นอกจากไม่เป็นที่ต้องการของชนชั้นนำไทยทุกกลุ่มแล้ว คุณทักษิณเองก็ไม่น่าจะต้องการด้วยเช่นกัน แต่เส้นทางปฏิวัติดังกล่าวกลับเหลือเป็นเส้นทางเดียวที่คุณทักษิณสามารถใช้เพื่อกลับคืนสู่อำนาจได้
คำพิพากษายึดทรัพย์เมื่อเร็วๆ นี้ ยิ่งตอกย้ำให้ไม่เหลือเส้นทางอื่นๆ แก่คุณทักษิณอีกเลย
ไม่มีช่องอะไรเหลืออยู่สำหรับการ "สมานฉันท์" ระหว่างคุณทักษิณ กับ "ระบบ" ที่มีอยู่ในเมืองไทย จากจุดเริ่มต้นที่ไม่อาจ "สมานฉันท์" กับบุคคลบางคนได้ ค่อยๆ คลี่คลายมาสู่ความไม่สามารถอย่างสิ้นเชิงที่จะ "สมานฉันท์" กับระบบ
แม้ว่าชื่อคุณทักษิณยังจะถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองต่อไปอีกนาน ทั้งโดยกลุ่มที่อ้างว่าสนับสนุนคุณทักษิณ และกลุ่มที่ต่อต้านคุณทักษิณ
//www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1268037787&catid=02
Create Date : 10 มีนาคม 2553 |
|
5 comments |
Last Update : 10 มีนาคม 2553 1:56:43 น. |
Counter : 1305 Pageviews. |
|
|
|