|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ดัชนีร้านขายหนังสือ
วันนี้เพิ่งจะอ่านหนังสือ มอง CEO โลก ของคุณวิกรม กรมดิษฐ์จบทำให้รู้สึกอยากจะเขียน อยากจะบันทึกสิ่งที่คิดออกมา ถ้าไม่เขียนไม่บันทึกหรือไม่พิมพ์เอาไว้ เวลาผ่านไปไม่กี่วันก็ทำให้เราลืมความคิดของตัวเอง บางทีอ่านอะไรจบไปสักอย่างแล้วเกิดไฟขึ้นมา แต่สักพักก็มอดไปอีก วันนี้เลยตัดสินใจว่ามีอะไรจะบันทึกลง blog จะได้กลับมาอ่านได้อีก
ว่าจะเขียนเรื่องนี้หลายทีแล้วแต่ก็ขี้เกียจทุกทีไป ก็เลยเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องเริ่มต้นเลย เป็นเรื่องเกี่ยวกับร้านขายหนังสือ เพราะบังเอิญไปเปิดไฟล์รูปเก่าๆที่ถ่ายไว้ดู เห็นร้านหนังสือ Waterstones ที่ Oxford จำได้ว่ามันมีประมาณ 6-7 ชั้น แต่ละชั้นบรรจุหนังสือไว้เพียบ หนังสือแต่ละประเภทก็มีมาก อีกหัวมุมนึงที่ห่างไปแค่ถนน 5-6 เมตรกั้นก็เป็นร้านขายหนังสืออีกร้านที่เล็กกว่าหน่อย แต่ก็ยังมี 4 ชั้น ที่เมือง Oxford มีร้านหนังสือขนาดใหญ่มากกว่า 10 ร้าน ไม่รวมแผงเล็กๆที่ขายตาม store เล็กๆแบบเดียวกับ 7-eleven นั่น ที่ร้านหนังสือถือว่าเยอะมาก เพราะว่าใจกลางเมือง Oxford ซึ่งเป็นที่ๆเราสามารถหาซื้อของได้นั้นจะมีขนาดประมาณสนามหลวงเอง
(ร้านขายหนังสือ Waterstones หัวมุมถนนที่เมือง Oxford)
สาเหตุที่ร้านหนังสือมีเยอะมากขนาดนั้นน่าจะมาจากความต้องการในการอ่านหนังสือ ถ้าจะเอาหลักเศรษฐศาสตร์มาอธิบายก็คือ เพราะอุปสงค์ต่อหนังสือ(คนต้องการหนังสือมาอ่าน)เยอะทำให้ต้องมีอุปทานเยอะตามไปด้วย ร้านหนังสือก็คืออุปทานที่ตอบสนองต่ออุปสงค์ของคนใน Oxford ซึ่งสะท้อนว่าคนในเมืองนั้นนิยมที่จะอ่านหนังสือมากนั่นเอง
สอดคล้องกับสิ่งที่ได้พบได้เห็นมา ก็คือคนอังกฤษเป็นคนช่างอ่าน ไม่ว่าจะในรถไฟ รถโคช รถเมล์ รถไฟใต้ดิน เวลาทานอาหารในร้าน ร้านกาแฟ ฯลฯ ก็จะเห็นคนเอาหนังสือมานั่งอ่านไปด้วย เขาจะไม่ปล่อยเวลาให้ว่างไปโดยเปล่าประโยชน์เลย ดังนั้นเมื่อคนชอบอ่านหนังสือมากก็จะทำให้คนรู้มากขึ้น ประเทศพัฒนาไปได้เร็ว
กลับมาที่บ้านเรา จำได้ว่าตอนที่เรียนอยู่ ม.ปลาย(ปี 37-39) ร้านหนังสือไม่ค่อยเยอะเลย จะซื้อหนังสือทีก็ต้องไปห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ที่หาง่ายในตอนนั้นก็เป็นร้านหนังสือดอกหญ้า อยู่ในห้างหน้าปากซอยบ้านเลยแต่ก็ยังมีหนังสือไม่มากเท่าไหร่ ทำให้ส่วนใหญ่เวลาจะอ่านหนังสือก็จะยืมจากห้องสมุดของโรงเรียนเพราะว่ามีเยอะแถมไม่ต้องเสียตังค์อีก พอหลังจากหนังสือเรื่อง Harry Potter ของ J.K.Rowling ออกมา ก็เหมือนเป็นการกระตุ้นให้คนในบ้านเราอ่านหนังสือมากขึ้น ร้านหนังสือเยอะขึ้น มีหนังสือมากขึ้น ในห้างสรรพสินค้าแห่งเดียวยังมีหลายแห่งเลย ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะว่าคนไทยจะได้อ่านมากขึ้น ตอนนี้เวลาจะหาหนังสืออ่าน ผมก็สามารถหาได้ง่ายขึ้น ปกติก็จะเดินที่ B2S SE-ED แพร่พิทยา อยากหาหนังสือเล่มไหนหายังไงก็เจอ ถ้าหนังสือเล่มนั้นไม่เก่าเกินไปหรือเลิกพิมพ์ไปแล้วนะ
อีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้จากหนังสือของคุณวิกรมคือ บรรดาผู้ที่เป็นบุคคลสำคัญของโลกนั้น ส่วนใหญ่จะมีความลำบากในวัยเด็ก แต่ด้วยความอดทนและหมั่นศึกษาอ่านหนังสือ ทำให้คนเหล่านั้นมาเป็นบุคคลที่สำคัญและเปลี่ยนโลกให้เป็นอย่างในทุกวันนี้ได้ ผมมีความหวังว่าจากจำนวนร้านหนังสือที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของบ้านเรา จะทำให้อัตราการอ่านหนังสือเฉลี่ยต่อวันของคนไทยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจะได้เติบโตอย่างคนปกติ ไม่ได้โตช้าอย่างที่เป็นอยู่จนประเทศเพื่อนบ้านที่เคยล้าหลังจะแซงเราไปกันหมด
เอารูปห้องสมุดของมหาวิทยาลัยที่เรียนตอนป.ตรีมาฝากครับ ดูขลังและมีบรรยากาศของการอ่านดีจริงๆ
(มุมมองจากทางด้านขวาของห้องสมุด)
Create Date : 15 ธันวาคม 2550 |
Last Update : 4 กรกฎาคม 2551 13:53:16 น. |
|
1 comments
|
Counter : 550 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ยามะ (yamara-tee ) วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:16:59:27 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
สงวนลิขสิทธิ์ ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539 ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน Blog นี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร จะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด
|
|
|
|
|
|
|