You are what you read.
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2550
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
15 ธันวาคม 2550
 
All Blogs
 
ดัชนีร้านขายหนังสือ

วันนี้เพิ่งจะอ่านหนังสือ มอง CEO โลก ของคุณวิกรม กรมดิษฐ์จบทำให้รู้สึกอยากจะเขียน อยากจะบันทึกสิ่งที่คิดออกมา ถ้าไม่เขียนไม่บันทึกหรือไม่พิมพ์เอาไว้ เวลาผ่านไปไม่กี่วันก็ทำให้เราลืมความคิดของตัวเอง บางทีอ่านอะไรจบไปสักอย่างแล้วเกิดไฟขึ้นมา แต่สักพักก็มอดไปอีก วันนี้เลยตัดสินใจว่ามีอะไรจะบันทึกลง blog จะได้กลับมาอ่านได้อีก



ว่าจะเขียนเรื่องนี้หลายทีแล้วแต่ก็ขี้เกียจทุกทีไป ก็เลยเอาเรื่องนี้เป็นเรื่องเริ่มต้นเลย เป็นเรื่องเกี่ยวกับร้านขายหนังสือ เพราะบังเอิญไปเปิดไฟล์รูปเก่าๆที่ถ่ายไว้ดู เห็นร้านหนังสือ Waterstones ที่ Oxford จำได้ว่ามันมีประมาณ 6-7 ชั้น แต่ละชั้นบรรจุหนังสือไว้เพียบ หนังสือแต่ละประเภทก็มีมาก อีกหัวมุมนึงที่ห่างไปแค่ถนน 5-6 เมตรกั้นก็เป็นร้านขายหนังสืออีกร้านที่เล็กกว่าหน่อย แต่ก็ยังมี 4 ชั้น ที่เมือง Oxford มีร้านหนังสือขนาดใหญ่มากกว่า 10 ร้าน ไม่รวมแผงเล็กๆที่ขายตาม store เล็กๆแบบเดียวกับ 7-eleven นั่น ที่ร้านหนังสือถือว่าเยอะมาก เพราะว่าใจกลางเมือง Oxford ซึ่งเป็นที่ๆเราสามารถหาซื้อของได้นั้นจะมีขนาดประมาณสนามหลวงเอง



(ร้านขายหนังสือ Waterstones หัวมุมถนนที่เมือง Oxford)




สาเหตุที่ร้านหนังสือมีเยอะมากขนาดนั้นน่าจะมาจากความต้องการในการอ่านหนังสือ ถ้าจะเอาหลักเศรษฐศาสตร์มาอธิบายก็คือ เพราะอุปสงค์ต่อหนังสือ(คนต้องการหนังสือมาอ่าน)เยอะทำให้ต้องมีอุปทานเยอะตามไปด้วย ร้านหนังสือก็คืออุปทานที่ตอบสนองต่ออุปสงค์ของคนใน Oxford ซึ่งสะท้อนว่าคนในเมืองนั้นนิยมที่จะอ่านหนังสือมากนั่นเอง


สอดคล้องกับสิ่งที่ได้พบได้เห็นมา ก็คือคนอังกฤษเป็นคนช่างอ่าน ไม่ว่าจะในรถไฟ รถโคช รถเมล์ รถไฟใต้ดิน เวลาทานอาหารในร้าน ร้านกาแฟ ฯลฯ ก็จะเห็นคนเอาหนังสือมานั่งอ่านไปด้วย เขาจะไม่ปล่อยเวลาให้ว่างไปโดยเปล่าประโยชน์เลย ดังนั้นเมื่อคนชอบอ่านหนังสือมากก็จะทำให้คนรู้มากขึ้น ประเทศพัฒนาไปได้เร็ว




กลับมาที่บ้านเรา จำได้ว่าตอนที่เรียนอยู่ ม.ปลาย(ปี 37-39) ร้านหนังสือไม่ค่อยเยอะเลย จะซื้อหนังสือทีก็ต้องไปห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ที่หาง่ายในตอนนั้นก็เป็นร้านหนังสือดอกหญ้า อยู่ในห้างหน้าปากซอยบ้านเลยแต่ก็ยังมีหนังสือไม่มากเท่าไหร่ ทำให้ส่วนใหญ่เวลาจะอ่านหนังสือก็จะยืมจากห้องสมุดของโรงเรียนเพราะว่ามีเยอะแถมไม่ต้องเสียตังค์อีก พอหลังจากหนังสือเรื่อง Harry Potter ของ J.K.Rowling ออกมา ก็เหมือนเป็นการกระตุ้นให้คนในบ้านเราอ่านหนังสือมากขึ้น ร้านหนังสือเยอะขึ้น มีหนังสือมากขึ้น ในห้างสรรพสินค้าแห่งเดียวยังมีหลายแห่งเลย ผมมองว่าเป็นสิ่งที่ดีเพราะว่าคนไทยจะได้อ่านมากขึ้น ตอนนี้เวลาจะหาหนังสืออ่าน ผมก็สามารถหาได้ง่ายขึ้น ปกติก็จะเดินที่ B2S SE-ED แพร่พิทยา อยากหาหนังสือเล่มไหนหายังไงก็เจอ ถ้าหนังสือเล่มนั้นไม่เก่าเกินไปหรือเลิกพิมพ์ไปแล้วนะ





อีกสิ่งหนึ่งที่ผมได้จากหนังสือของคุณวิกรมคือ บรรดาผู้ที่เป็นบุคคลสำคัญของโลกนั้น ส่วนใหญ่จะมีความลำบากในวัยเด็ก แต่ด้วยความอดทนและหมั่นศึกษาอ่านหนังสือ ทำให้คนเหล่านั้นมาเป็นบุคคลที่สำคัญและเปลี่ยนโลกให้เป็นอย่างในทุกวันนี้ได้ ผมมีความหวังว่าจากจำนวนร้านหนังสือที่เพิ่มขึ้นอย่างมากของบ้านเรา จะทำให้อัตราการอ่านหนังสือเฉลี่ยต่อวันของคนไทยจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เราจะได้เติบโตอย่างคนปกติ ไม่ได้โตช้าอย่างที่เป็นอยู่จนประเทศเพื่อนบ้านที่เคยล้าหลังจะแซงเราไปกันหมด





เอารูปห้องสมุดของมหาวิทยาลัยที่เรียนตอนป.ตรีมาฝากครับ ดูขลังและมีบรรยากาศของการอ่านดีจริงๆ





(มุมมองจากทางด้านขวาของห้องสมุด)








Create Date : 15 ธันวาคม 2550
Last Update : 4 กรกฎาคม 2551 13:53:16 น. 1 comments
Counter : 550 Pageviews.

 
ในที่สุดท่านพี่เดียร์ก็อัพบล๊อกซะที 555555+


โดย: ยามะ (yamara-tee ) วันที่: 15 ธันวาคม 2550 เวลา:16:59:27 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

dia_rtn
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




สงวนลิขสิทธิ์
ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ. 2539
ห้ามผู้ใดละเมิด ไม่ว่าการลอกเลียน
หรือนำส่วนหนึ่งส่วนใดของข้อความใน Blog
นี้ไปใช้ ทั้งโดยเผยแพร่และเพื่อการอ้างอิง
โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร
จะถูกดำเนินคดีตามที่กฏหมายบัญญัติไว้สูงสุด



Friends' blogs
[Add dia_rtn's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.