|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตะวันตกนิยมในวรรณกรรมเรื่องสี่แผ่นดิน
วรรณกรรมเรื่องสี่แผ่นดินเปรียบเสมือนจารึกทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัริย์ เรื่องราวได้รับการถ่ายทอดจากตัวละคร โดยเฉพาะ "แม่พลอย" ซึ่งเป็นตัวละครเอกของเรื่อง นอกจากนี้แล้ว วรรณกรรมเรื่องนี้ยังเป็นภาพสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสังคมไทยและระบอบการปกครองของประเทศสยาม ความสัมพันธ์กับชาติตะวันตกนั้นก็มีอิทธิพลต่อการเปลี่ยนแปลงนี้มิใช่น้อย เรื่องราวต่างๆถูกถ่ายทอดผ่านปลายปากกาของ มรว คึกฤทธิ์ ปราโมช ได้อย่างดีเยี่ยม สมแล้วกับการที่วรรณกรรมเรื่องสี่แผ่นดินจะเป็นวรรณกรรมร่วมสมัยที่ทำให้ผู้อ่านได้รับรู้ถึงสิ่งต่างๆตั้งแต่ในอดีตจนถึงปัจจุบัน
----------------------------------
« ตะวันตกนิยม » ในวรรณกรรมเรื่อง สี่แผ่นดิน
ผู้เขียนเข้าใจว่าคนไทยแทบจะทุกคนคงรู้จักวรรณกรรมเรื่อง สี่แผ่นดิน อยู่ไม่มากก็น้อย สี่แผ่นดินเป็นบทประพันธ์เอกของหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช ผู้ประพันธ์ได้สร้างตัวละครเอกขึ้นมาเพื่อใช้เป็นตัวแทนถ่ายทอดเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เกิดขึ้นในรัชสมัยของรัชกาลที่ 5 เรื่อยไปจนถึงรัชสมัยของรัชกาลที่ 8 แห่งราชวงศ์จักรี เรื่อง สี่แผ่นดิน นี้จึงจัดเป็นงานวรรณกรรมร่วมสมัยที่สามารถถ่ายทอดเหตุการณ์สำคัญๆทางประวัติศาสตร์ของประเทศไทยได้อย่างงดงามและสมบูรณ์แบบมากที่สุดเรื่องหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องความจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ การเปลี่ยนแปลงการปกครอง การพัฒนาประเทศ ตลอดจนขนบธรรมเนียมที่ดีงามของชีวิตชาววัง เป็นต้น นอกจากเรื่องราวต่างๆเหล่านี้แล้ว แก่นเรื่อง « ตะวันตกนิยม » ยังเป็นจุดที่โดดเด่นมาก ฉะนั้น ผู้เขียนจึงขอนำเสนอบทวิเคราะห์ทางด้านนี้ เพื่อที่ผู้อ่านจะเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นว่า อารยธรรมตะวันตก นั้นได้เข้ามามีส่วนสำคัญต่อประวัติศาสตร์ของประเทศเราได้อย่างไร โดยอาศัยการ วิเคราะห์ผ่านปลายปากกาของหม่อมราชวงศ์ คึกฤทธิ์ ปราโมช
อิทธิพลของตะวันตกนั้นได้เข้ามามีบททบาทอย่างมากต่อการพัฒนาประเทศไทยเรา รวมไปถึงต่อวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนในสมัยก่อนมาก ในเรื่อง สี่แผ่นดิน นั้น อิทธิพลของตะวันตกดูจะเริ่มแผ่เข้ามาในประเทศสยามตอนต้นรัชกาลที่ 5 เพราะก่อนหน้านี้ ชาติตะวันตกเช่น โปรตุเกส และฮฮลลันดาก็ได้เริ่มเข้ามาทำการค้าขายกับสยามตั้งแต่ รัชการที่ 3 แล้ว ต่อมาในรัชกาลที่ 4 เรื่อยต่อมาถึงรัชกาลที่ 5 เป็นยุคแห่งระบอบจักรวรรดิ์นิยมเรืองอำนาจ การล่าอาณานิคมของสองประเทศมหาอำนาจในขณะนั้นคือ อังกฤษและฝรั่งเศส ได้แผ่อิทธิพลเข้ามาถึงแหลมอินโดจีน รัชกาลที่ 5 ทรงใช้กุสโลบายเพื่อรักษาประเทศสยามส่วนมากเอาไว้ให้พ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของประเทศตะวันตก สิ่งหนึ่งที่รัชกาลที่ 5 ทรงใช้ก็คือ การเร่งปรับปรุงประเทศสยามให้ทันสมัยทั้งในด้าน การศึกษา การเมืองการปกครอง เป็นต้น ในเรื่อง สี่แผ่นดิน กล่าวไว้อย่างชัดเจนเลยว่า เมื่อครั้นที่องค์พระพุทธเจ้าหลวงเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์นั้น ได้สร้างความแปลกใจให้กับเหล่าข้าราชสำนักและราษฏรเป็นอย่างมาก เพราะไม่เคยมีพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใหนเสด็จพระราชดำเนินประพาสไกลถึงเพียงนี้มาก่อน อย่างมากก็แค่เมืองสิงคโปร์ มาลายู หรือเมืองแขกอินเดียเท่านั้น ในการเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปในครั้งนี้ คุณเปรม ซึ่งในขณะนั้นทำหน้าที่เป็นมหาดเล็ก ได้ตามเสด็จด้วย จุดประสงค์หลักในการเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปนั้นก็เพื่อไปดูวิทยาการต่างๆที่ก้าวหน้า แล้วก็นำกลับมาพัฒนาประเทศสยามให้เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาอารยะประเทศอื่นๆ
เมื่อครั้งคุณเปรมได้ตามเสด็จพระราชดำเนินประพาสยุโรปนั้น ก็ได้เห็นความเจริญรุ่งเรืองมากมาย เมื่อกลับมาถึงยังพระนคร คุณเปรมก็ได้นำสิ่งที่ได้รู้ได้เห็นมาใช้ในชีวิตประจำวัน เช่น การดื่มเหล่าฝรั่ง การใช้กล้องสูบยาเส้น การสวมหมวก หรือการขี่ม้า เป็นต้น การเลียนแบบวัฒนธรรมของชาติตะวันตกของคุณเปรมนั้นเป็นสิ่งที่แปลกตาสำหรับผู้คนทั่วไปในสมัยนั้น แม้แต่ พลอย ภรรยาของคุณเปรม ยังกับถึงเอ่ยปากถามและต้องใช้เวลาปรับตัวให้ชินกับ « พฤติกรรมเลียนแบบฝรั่ง » ของสามีตนเองอยู่พักใหญ่ แต่ความแปลกตานี้ไม่ได้เป็นสิ่งที่เลวร้ายในสายตาของชาวสยาม ทั้งนี้เนื่องจาก การเลียนแบบฝรั่งนั้นเป็นการทำตาม « พระราชนิยม » เสียมากกว่า กล่าวคือ ในสมัยก่อนนั้น เขตพระราชวังเปรียบเสมือน ศูยน์กลางของอำนาจการปกครองสูงสุด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนมีต้นกำเนิดมาจากในวังแทบทั้งสิ้น ในเมื่อคุณเปรมทำหน้าที่เป็นมหาดเล็กรับใช้เบื้องพระยุคลบาทของล้นเกล้า การที่เจ้านายทรงนิยมอย่างไร ก็ถือเป็นการสมควรที่ข้าหลวงทุกคนในราชสำนักทุกคนควรทำตาม นอกจากนั้น ในสายตาของคนไทยในขณะนั้น ประเพณีแบบตะวันตกนั้นยึงถือว่าเป็นเรื่องของความศิวิไลซ์ ความเจริญรุ่งเรือง และการเข้าสังคมอีกด้วย ในจุดนี้เราจะเห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่า ความเป็น « ตะวันตกนิยม » นั้นเริ่มจากในพระราชสำนักก่อน
เมื่อราษฏรต้องสนอง « พระราชนิยม » ก็ทำให้วัฒนธรรมตะวันตกนั้นได้แพร่เข้าไปสู่สังคมของสามัญชนคนธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งชนชั้นขุนนาง ดังที่จะเห็นได้ว่า ในเรื่อง สี่แผ่นดิน นั้น คุณเปรมถึงกับขอร้องให้พลอยสนองพระราชนิยมเช่นเดียวกับตนเอง โดยการไว้ผมยาวแทนการเกล้าผมหรือผมสั้น คุณเปรมนั้นได้กล่าวอย่างชัดเจนว่า ขณะนี้ ในวังนั้น บรรดาเหล่าสตรีฝ่ายในได้ต่างพากันไว้ผมยาวกันทั้งนั้นตามแบบสมเด็จในพระพุทธเจ้าหลวง ซึ่งการไว้ผมยาวนี้ก็ได้รับอิทธิพลมาจากตะวันตก นอกจากนั้น ความเป็นตะวันตกนิยมยังได้แทรกซึมเข้าไปถึงเรื่องของการดำเนินชีวิตของผู้คนด้วย แม้แต่ พลอย ก็ไม่อาจหนีกระแสนิยมนี้ไปได้ ยกตัวอย่างเช่น การแต่งกาย ผู้ชายนั้นจะต้องแต่งสากลยามออกงาน และฝ่ายหญิงควรเปลี่ยนจากการนุ่งโจงกระเบนเป็นการสวมกระโปรงแทนตามแบบตะวันตก นอกจากนั้น ยามออกจากบ้านควรสวมหมวก การแต่งหน้าเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นต่อหญิงสาว ประไพ ลูกสาวคนสุดท้องของคุณเปรมและพลอย เป็นตัวแทนของสาวรุ่นที่นิยมเลียนแบบตะวันตกได้เป็นอย่างดี เมื่อตอนที่ อั้น ลูกชายคนรอง กลับจากฝรั่งเศส ได้พาภรรยาชาวฝรั่งเศสที่ชื่อว่า ลูซิล กลับมาอยู่ที่พระนครด้วย ในแง่การวิเคราะห์แนว « Sémiotique » นั้น ฉากที่ลูซิลเข้ามาอาศัยอยู่ในบ้านของพลอยนั้นเป็นจุดเด่นมาก เพราะแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า กระแสตะวันตกได้เข้ามาหาพลอยและผู้คนในบ้านถึงหน้าประตูเลยทีเดียว
การเข้ามาของลูซิลนั้นได้สร้างความเปลี่ยนแปลงต่อการดำเนินชีวิตของคนในบ้านครั้งใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกินหรือแม้กระทั่งเรื่องกริยามารยาทที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง มื้อเช้า คนในบ้านก็ต้องเปลี่ยนมารับประทาน ขนมปัง เนยและกาแฟแทนการตั้งโต๊ะอาหารแบบไทยๆที่มีข้าวและกับข้าวเป็นอาหารหลัก เมื่อครั้นพลอยไม่เข้าใจว่าทำไมจึงทานอาหารเช้าน้อยเพียงนี้ อั้น ลูกชายคนรอง ก็ได้อธิบายไว้อย่างชัดเจนว่า ในฝรั่งเศสนั้น เขาก็ทานกันอย่างนี้และแค่นี้ก็อยู่ท้องแล้ว เมื่อวิเคราะห์ผ่านตัวละครเรื่อง สี่แผ่นดิน นี้แล้ว เราจะเห็นว่าอิทธิพลของตะวันตกได้แผ่ขยายจากในวังออกมาสู่ชาวบ้านนอกวังอย่างชัดเจน แม้แต่การถ่ายรูป หรือในสมัยก่อนเรียกว่า การชักภาพ สี่แผ่นดินได้ชี้ให้เราเห็นว่า ความคิดของคนไทยแต่ดั้งเดิมในเรื่องการถ่ายรูปได้เปลี่ยนแปลงไป กล่าวคือ ในสมัยก่อนนั้น คนไทยไม่นิยมถ่ายภาพเพราะเชื่อว่าจะเป็นลางร้าย อาจถึงแก่ชีวิตได้ แต่อิทธิพลตะวันตกรวมถึงพระราชนิยมได้ทำให้คนไทยกล้าที่จะถ่ายรูปมากขึ้น โดยไม่สนใจว่า การถ่ายรูปนั้นจะเป็นลางร้ายหรือไม่ เพราะในเมื่อพระมหากษัตริย์ที่เป็นศูนย์กลางของชีวิตของชาวไทยทุกคนยังทรงกล้าถ่ายภาพ แล้วนับประสาอะไรกับคนธรรมดาสามัญอย่างคุณเปรม พลอย และลูกๆที่จะถ่ายไม่ได้
ความเป็น « ตะวันตกนิยม » ยังแสดงออกมาให้เห็นผ่านทางการศึกษา อั้นและอ๊อด ลูกชายคนรองและคนเล็กของคุณเปรมและพลอย ได้ออกเดินทางไปศึกษาหาความรู้ตั้งแต่ยังเล็ก ณ ประเทศอังกฤษและฝรั่งเศส ก่อนออกเดินทาง คุณเปรมได้กล่าวกับพลอยว่า เมื่อถึงเวลาอันควร ตาอั้นและตาอ๊อดควรเดินทางไปยุโรปเพื่อไปศึกษาหาความรู้ แล้วนำกลับมาพัฒนาประเทศเราให้เจริญทัดเทียมกับประเทศในยุโรป อั้นเลือกไปศึกษาต่อทางด้านกฏหมาย ณ มหาวิทยาลัยซอร์บอนน์ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ส่วนอ๊อดเลือกศึกษาทางด้านวรรณคดีที่มหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ดที่มีชื่อเสียงของอังกฤษ การที่บรรดาเหล่าขุนนางนิยมส่งลูกหลานไปเรียนที่ยุโรปนั้นอาจเป็นเพราะต้องการสนองพระราชนิยมก็เป็นได้ เนื่องจากว่า หลังการเสด็จพระราชดำเนินกลับจากการประพาสยุโรปของรัชกาลที่ 5 พระองค์ทรงเล็งเห็นแล้วว่า ประเทศสยามควรที่จะมีการเรียนการสอนในระดับอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาชาวสยามให้มีความรู้และเจริญทัดเทียมชาวตะวันตก สิ่งนี้เองจึงเป็นที่มาของพระราชดำริในการก่อตั้งโรงเรียนมหาดเล็กขึ้น และต่อมาก็ได้สถาปนาเป็น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในรัชกาลที่ 6 แห่งราชวงศ์จักรี ในแผ่นดินของล้นเกล้ารัชกาลที่ 5 นั้น เป็นเสมือนพระราชนิยมในการส่งพระบรมวงศานุวงศ์ให้ไปทรงทำการศึกษาขั้นสูงในยุโรป ดังจะเห็นว่ามีเจ้านายหลายพระองค์ที่ทรงจบจากอังกฤษและฝรั่งเศส
กระแส « ตะวันตกนิยม » ที่มองผ่านวรรณกรรมเรื่อง สี่แผ่นดิน นั้น ทำให้เราเห็นว่า วัฒนธรรมตะวันตกได้แทรกเข้ามาอยู่ในการดำเนินชีวิตของชาวไทยมาแต่ครั้นโบราณกาล กระแสนิยมนี้ยังได้แผ่ซึมและหยั่งรากลึกลงมาถึงคนรุ่นใหม่ในปัจจุบันนี้อย่างเห็นได้ชัด ความเป็น « ตะวันตกนิยม » นั้นก่อให้เกิดผลดีต่อบ้านเมืองของเรามากมาย อาทิเช่น ทำให้ประเทศสยามรอดพ้นจากการเป็นเมืองขึ้นของประเทศตะวันตก ทำให้เรามีระบบการศึกษาระดับอุดมศึกษา เป็นต้น แต่กระแส « ตะวันตกนิยม » นี้ก็เปรียบเสมือนกับดาบสองคม เพราะประเทศไทยพัฒนาไปตามแบบอย่างตะวันตก เราเห็นอะไรที่เป็นตะวันตก เราก็ว่าดีไปหมดทุกอย่าง เราเยินยอกับความเจริญของตะวันตกมากจนกระทั่งลืมความเป็นไทย ความเป็นตะวันตกนิยมได้ทำลายความภูมิใจในความเป็นไทย เพราะผู้คนเห็นว่า การแต่งสากลและการสวมกระโปรงเป็นเรื่องของความศิวิไลซ์มากกว่าการนุ่งโจงกระเบน การรับประทานอาหารฝรั่งดูเป็นความโก้หรูมากกว่ารับประทานอาหารไทย กระแสตะวันตกนิยมก็เปรียบเสมือนกับสายนำที่ย่อมใหลจากที่สูงลงมาสู่ที่ราบเสมอ ทำไม ลูซิล ซึ่งมาอยู่กินในเมืองไทยจึงไม่จำเป็นต้องปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมและสภาพความเป็นอยู่ของชาวไทย แต่กลับกลายเป็นว่าคนไทยต้องปรับตัวให้เข้ากับฝรั่งเพื่อความศิวิไลซ์และความทันสมัย สี่แผ่นดินได้สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่า เมื่อใดก็ตามที่กระแสตะวันตกนิยมฝังรากลึกในสังคมไทยมากขึ้นเท่าไร ความภาคภูมิใจในความเป็นไทยก็ลดน้อยลงมากไปเท่านั้น คำถามที่ผู้เขียนอยากจะทั้งท้ายไว้ก็คือว่า ประเทศไทยจะสามารถพัฒนาให้เจริญก้าวหน้าอย่างวิถีไทยๆได้หรือไม่ ในยุคโลกาภิวัฒน์นี้ ดูเหมือนว่า คนไทยนั้นจะเปิดรับและผูกติดกับคำว่า « ตะวันตกนิยม » มากจนลืมคำว่า « ไทยนิยม » ไปหมดแล้ว ผู้เขียนไม่มีเจตนาในการให้รักชาติมากจนไม่มองดูโลกภายนอก หากแต่ต้องการให้บทความเรื่องนี้สะท้อนให้เห็นภาพของกระแสตะวันตกนิยมที่มีอิทธิพลต่อคนไทยมาตั้งแต่สมัยก่อน เริ่มตั้งแต่ในวังจนมาถึงนอกวัง « ตะวันตกนิยม » ได้ฝังรากลึกอยู่ในการพัฒนาประเทศและในความคิดของคนไทย ผู้เขียนขอทิ้งท้ายไว้ว่า เราไม่จำเป็นต้องเอาของตะวันตกมาทั้งหมด หากแต่เลือกนำเอาสิ่งดีๆกลับไปพัฒนาชาติของเราให้เจริญรุ่งเรืองทัดเทียมนานาประเทศ ถึงแม้ว่างานวรรณกรรมเรื่อง สี่แผ่นดิน จะมีอายุยาวนาน แต่คุณค่าของงานที่สะท้อนภาพวิถีชีวิตของคนไทยในสมัยก่อนนั้นยังไม่เลือนลางไปกับกาลเวลาเพราะแก่นเรื่อง « ตะวันตกนิยม » นั้นยังมีบทบาทต่อแนวคิดของคนไทยจวบจนถึงปัจจุบันนี้ สมแล้วกับการยกย่องให้เป็นวรรณกรรมร่วมสมัยที่มีคุณค่ามากที่สุดเรื่องหนึ่งที่เรา ในฐานะคนไทย จะพลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง
ซอร์บอนน์
"หนึ่งคำทักทายของท่าน คือล้านกำลังใจของเรา"
Create Date : 22 สิงหาคม 2550 |
|
17 comments |
Last Update : 5 กันยายน 2550 2:07:15 น. |
Counter : 3966 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 22 สิงหาคม 2550 3:46:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: janeko 22 สิงหาคม 2550 11:08:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: janeko 24 สิงหาคม 2550 9:26:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: biebie999 IP: 124.121.45.219 25 สิงหาคม 2550 18:45:57 น. |
|
|
|
| |
โดย: Sorbonne (ซอร์บอนน์ ) 26 สิงหาคม 2550 4:31:31 น. |
|
|
|
| |
โดย: Sorbonne (ซอร์บอนน์ ) 29 สิงหาคม 2550 5:33:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: care_kroocom IP: 203.113.62.5 29 สิงหาคม 2550 19:55:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: --- IP: 203.154.82.239 18 พฤศจิกายน 2550 20:38:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: ซอร์บอนน์ (ซอร์บอนน์ ) 19 พฤศจิกายน 2550 21:56:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: พลอย IP: 125.25.105.104 25 มีนาคม 2551 12:35:29 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตุ้มติ้ม IP: 222.123.212.160 7 มิถุนายน 2551 17:49:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนในบ้าน IP: 202.28.35.3 8 กันยายน 2551 23:11:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: หนุงหนิง IP: 222.123.49.63 6 กรกฎาคม 2552 15:57:11 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
Paris Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
ผมเป็นคนที่รักการแต่งบ้านและทำสวนเป็นชีวิตจิตใจ เพราะสิ่งเหล่านี้ทำให้เราคลายเหงาไปได้มาก ยามเมื่ออยู่ไกลบ้านและมีโอกาสได้ดูรูปภาพเหล่านี้ ก็ทำให้รู้สึกเหมือนได้อยู่บ้านอีกครั้ง ผมยังชอบเดินทางท่องเที่ยวเพื่อค้นหาประสบการณ์ใหม่ๆ ทำให้วิสัยทัศน์กว้างขึ้น
|
|
|
|
|
|
|