ลูกสอนอะไรที่ดีหลายๆอย่างให้แก่คนเป็นแม่ + Positive Thinking
สวัสดีค่ะ ด่อนอื่นต้องขอโทษที่ห่างหายไปนานพอสมควร วันนี้แวะมาสวัสดีทักทายและส่งความรักความคิดถึงให้ค่ะ และนำสิ่งดีๆมาให้ได้อ่านกันเหมือนเคยนะคะในตอนท้าย
แวะมาแปะรูปว่าเด็กๆโตไปถึงไหนแล้ว ช่วงนี้กิจกรรมเยอะมากด้วยค่ะ เด็กๆเริ่มโต ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาตามบลอค หรือไดได้เร็วเหมือนเก่า เรียกได้ว่าตัวเป็นเกลียวหัวเป็นนอตเลยจริงๆ
พี่จัสตอนนี้เกือบจะหกขวบแล้วค่ะ ปลายเดือนหน้านี้แล้ว แกโตขึ้นเยอะ จะเป็นหนุ่มแล้วน๊า
ส่วนน้องเจก็สองขวบสามเดือนแล้วนะคะ เวลาช่างผ่านไปรวดเร็วจริงๆ เลี้ยงเองกับมือค่ะ ภูมิใจและดีใจที่ได้มีโอกาสดีๆแบบนี้ ถ้าหากอยู่เมืองไทยก็คงจะทำงานแบบเต็มๆแล้วให้คนอื่นเลี้ยง เพราะแม่ก็มี ญาติๆก็เยอะ
อยู่ที่นี่เลือกที่จะเลี้ยงเองค่ะ จึงคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้ทำในสิ่งที่คิดว่าเป็นการสอนให้ตัวเองรู้จักคำว่าอดทน ใจเย็น และการเสียสละ ดีใจที่ได้มีส่วนร่วมในการแบ่งปัน ปสก ให้กับเพื่อนๆที่รู้จักและออนไลน์ที่บลอคแกงค์แห่งนี้นะคะ ของคุณเพื่อนๆเช่นกันสำหรับแนวคิด คำแนะนำต่างๆ และกำลังใจจากทุกๆคนค่ะ
John Milton ( พ.ศ. 2151-2217 ) กวีเอกชาวอังกฤษ กล่าวว่า "จิตมนุษย์ทำให้นรกเป็นสวรรค์ ก็สามารถทำสวรรค์ให้เป็นนรกได้"
.
เป็นการสอนให้เรารู้ว่ามนุษย์มี 2 จำพวก พวกหนึ่งมองโลกในแง่ดี แง่บวก มองว่าทุกปัญหามีหนทางแก้ไขได้ ส่วนอีกพวกหนึ่งมองโลกแง่ลบ หมดหวัง ท้อแท้ เบื่อหน่าย คล้ายกับว่าทุกหนทางมีปัญหา
.
ท่านที่ผ่านชีวิตมาพอสมควร คงจะสังเกตุความจริงเหล่านี้ได้ และพิจารณาดูชีวิตของเราเอง เราก็คงจะบอกได้ว่าเราเป็นคนประเภทใด หรือมีส่วนประสมของสองลักษณะเข้าด้วยกัน
.
บางช่วงก็มองโลกในแง่ดีมีความหวังมาก แต่พอประสบความผิดหวังในบางเรื่อง ก็พาลจะท้อแท้ยอมแพ้เอาง่าย ๆ และพาให้เริ่มมองโลกในแง่ลบไป.. จนกระทั่งมีคนเตือนสติหรืออ่านข้อคิดของคนบางคน ที่ตกในที่นั่งลำบากกว่าเราเขายังฮึดสู้ จนพบความสำเร็จในที่สุด
มีคำกลอนของ หลวงวิจิตร วาทการ กล่าวไว้ดังนี้
เป็นการง่าย ยิ้มได้ไม่ต้องฝืน เมือชีพชื่นเหมือนบรรเลงเพลงสวรรค์ แต่คนที่ควรชม นิยมกัน ต้องใจมั่น ยิ้มได้เมื่อภัยมา
.
คนที่จะมั่นใจ ยิ้มได้เมื่อภัยมานั้น.. ต้องฝึกหัดตัวเอง ให้คุ้นเคยกับความจริงของชีวิต .. ว่าทุกอย่างมีขึ้นมีลง ไม่เที่ยง เราจึงไม่ควรยึดมั่นกับสภาวะใด สภาวะหนึ่ง แต่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ตีโพยตีพาย ตีตัวไปก่อนไข้ แต่พยายามมีสติ รู้เท่าทันอยู่เสมอ ทำใจให้นิ่ง แล้วรวบรวมสติปัญญา เพื่อแก้ปัญหาที่ประสบอยู่ให้บรรเทาเบาบางลงหรือหมดไป
มีเรื่องจริง.. ที่เกิดขึ้นในอเมริกา สมัยสงครามกลางเมือง มีเจ้าของฟาร์มอยู่ในชนบท เลี้ยงม้าที่สวยงามไว้หลายตัว
.
วันหนึ่งม้าตัวโปรดหายไปในป่า ทั้งเจ้าของฟาร์มและบุตรชายก็รู้สึกเสียดายมาก ออกติดตามหาก็ไม่พบ แต่ผ่านไปประมาณ 4-5 วัน ม้าดังกล่าวก็กลับมาเอง พร้อมกับมีม้าป่าตามมาด้วยตัวหนึ่ง ทุกคนรู้สึกดีใจว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นดี
.
ลูกชายเจ้าของฟาร์มอยากจะลองขี่ม้าป่าที่ตามมา พยายามจะฝึก แต่ม้าป่าก็พยศมาก จนในที่สุดลูกชายเจ้าของฟาร์มก็ตกม้าขาหัก เข้าเฝือก และเดินกระเผกเสียความสง่างามไป ก็รู้สึกว่าโชคดี ก็กลับเป็นโชคร้ายอีก
.
แต่ไม่นานหลังจากขาหัก.. ก็มีการเกณฑ์เอาคนหนุ่มไปเป็นทหารออกรบในสงครามกลางเมือง แต่เนื่องจากขาหัก-พิการ จึงถูกยกเว้น ปรากฏว่าหารที่ไปออกรบเสียชีวิตหมด จึงรู้สึกว่าการตกม้าขาหักก็ทำให้กลายเป็นโชคดี ไม่ต้องไปรบ ซึ่งอาจทำให้เสียชีวิตเช่นทหารคนอื่น ๆ
เรื่องดังกล่าวข้างต้นสอนเราให้มองทุกอย่างว่ามี 2 ด้านปนกันเสมอ โชคดีก็มาพร้อมกับโชคร้าย และโชคร้ายก็อาจกลายเป็นโชคดีก็ได้ ดังนั้นเราจึงควรทำใจให้เป็นกลางๆ ยอมรับทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยใจเป็นกลาง
ไม่วิตกกังวลถึงอนาคต แต่ก็ไม่ประมาทและทำชีวิตวันนี้ให้ดีที่สุด เพื่อให้วันนี้กลายเป็นวันวานที่ดีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเราก็ได้สะสมวันวานที่ดีมากขึ้น บวกกับวันนี้ที่คิดดีทำดี มีความหวังเพิ่มขึ้นทุกวัน ก็จะเป็นแรงพลักดันไปสู่อนาคตที่ดีมีความสุขสมหวัง อย่างแน่นอน
กล่าวนำอรัมภบทมาพอสมควร แต่ก็ยังมีคนขี้สงสัย ตั้งคำถามว่า ทำไมต้องหัดคิดในทางบวก? ซึ่งพอจะตอบได้ดังนี้
1. ชีวิตคนเราสั้นนัก
ประมาณ 70-80 ปี โดยเฉลี่ย ถ้ากรรมพันธุ์อายุยืนยาว และเรียนรู้ดูแลสุขภาพกายและจิตดี ๆ ก็มีสิทธิที่จะอยู่ถึง 100 ปีได้ แต่ก็ด้วยความลำบากลำบนดังนั้นชีวิตที่มีอยู่ไม่ยาวนานนัก เฉพาะคิดแค่ด้านดีๆ ก็มีเวลาไม่มาก จึงไม่ควรเสียเวลาไปคิดสิ่งที่ร้ายๆ ทำให้เกิดความวิตกกังวลโดยไม่จำเป็น เป็นการลดคุณภาพของวันคืนที่เรามีเหลืออยู่ มีประโยคภาษาอังกฤษกล่าวสอนเราว่า.. "It's better to add life to your years than to add years to your life" แปลทำนองว่า เพิ่มคุณภาพให้ชีวิตดีกว่าเพิ่มปริมาณหรือจำนวนปีให้ชีวิต
.
2. คุณเป็นอย่างที่คุณคิด
คุณคิดว่ามีทางเป็นไปได้ คุณก็พยายามจนพบหนทาง แต่ถ้าเริ่มต้นก็บอกไว้ก่อนว่าเป็นไปไม่ได้ มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ( สำหรับคุณ ) คนจีนจึงมีคำพูดที่สอนลูกหลานว่า "ถ้าคุณเริ่มเดินไปก็เริ่มเห็นทางชัดเจนขึ้น" สมัยก่อนเวลาไปไหนใหม่ ๆ ก็เป็นป่ารก แต่พอคุณเริ่มเดินบ่อยเข้า ทางก็เริ่มเกิดแนวชัดเจนและขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ สุภาษิตสเปนก็สอนไว้ว่า.. "If you cannot build a castle in the air, you cannot build it any where" แปลทำนองว่า ถ้าคุณไม่กล้าคิดสร้างวิมานในอากาศก่อน คุณก็ไม่สามารถสร้างความสำเร็จที่ไหนได้เลย หมายความว่าคุณต้องกล้า คิดกล้าฝันก่อนว่าเป็นไปได้ จึงจะเป็นไปได้ในชีวิตจริง
.
3. การคิดในทางบวก เริ่มต้นที่การเข้าใจตนเอง เข้าใจผู้อื่นและธรรมชาติ
ทำให้เห็นความดีของตนเอง ของผู้อื่นและธรรมชาติที่แวดล้อมเรา ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทำให้สามารถชื่นชมสิ่งดีๆ มีความสุขใจมากกว่าทุกข์ใจ มีเพื่อนมากกว่ามีศัตรู มีสุขภาพดี มากกว่าโรคภัยไข้เจ็บ
ซึ่งปัจจุบันวิทยาศาสตร์สามารถอธิบายได้ชัดเจนขึ้นว่า คนที่มองโลกในแง่บวกจะสุขใจและมีอายุยืนยาวกว่าการที่มองโลกในแง่ลบ เพราะความสุขใจหรือความปิติที่เกิดขึ้นนั้นจะกระตุ้นสมองให้หลั่ง "สารแห่งความสุข" หรือ "Endorphine " ออกมา ทำให้แก้ปวด คลายเครียด เพิ่มภูมิต้านท่านโรคแก่ร่างกาย กินได้ นอนหลับดี สุขภาพโดยรวมก็ย่อมดีขึ้น ตรงกันข้ามคนที่เครียดตลอดเวลา จะหลั่ง "สารแห่งความทุกข์" คือ Adrenaline ออกมามาก ก็จะกระตุ้นให้ใจสั่น นอนไม่หลับ ท้องผูก เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย และมักจะเกิดโรคแทรก หรือโรคจิต ประสาทขึ้นมาได้ บางคนเกิดภาวะซึมเศร้า ถึงกับฆ่าตัวตายได้
หลวงจิจิตร วาทการ จึงสอนเราในโคลงกลอนอีกตอนหนึ่งว่า
สองคนยนตามช่อง คนหนึ่งมองเห็นโคลนตม อีกคนตาแหลมคม เห็นดวงดาวพราวแพรว
.
4. Positive Thinking เป็นของฟรี
แทบไม่ต้องลงทุนเลย แต่สามารถนำไปเพิ่มคุณค่าแก่ชีวิตทุกๆ ด้าน เพียงแต่เรา เราต้องเริ่มต้นและฝึกหัด จากสิ่งที่ใกล้ตัวเราในชีวิตประจำวัน เช่นการฝึกใช้คำพูดในทางบวก และมีความเชื่อมั่นเสมอ
เช่นแทนที่จะพูดว่า "ผมจะพยายามเลิกบุหรี่ให้ได้" เราควรพูดให้หนักแน่นว่า "ผมต้องเลิกบุหรี่ให้ได้"
ขณะเดียวกันเราต้องเลี่ยงคำพูดที่ดูถูกตนเอง เช่น "ผมเป็นแค่คนขายของชำ จะไปช่วยสังคมได้อย่างไร" เราอาจพูดว่า "ผมขายของชำ แต่ผมก็มีส่วนในการพัฒนาชุมชนของเรา" เมื่อฝึกบ่อย ๆ เข้า เราก็จะเห็นโอกาส และสิ่งดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ในตัวเรา ในคนข้างเคียง และในสิ่งแวดล้อมของเรา เช่นมีคนพูดว่า "ในน้ำเน่า ยังมีเงาจันทร์" หรือ "ศิลปินไม่หมิ่นศิลปะ กองขยะมองดี ๆ ยังมีศิลป์" ในภาษาอังกฤษมีประโยคที่มีความหมายคล้ายกันคือ Every cloud have a silver lining.
.
5. Positive Thinking เป็นปฏิกิริยายาลูกโซ่
ที่ทำให้คนข้างเคียงเกิดการเลียนแบบ.. มีผลต่อการพัฒนาตัวเราเองและคนข้างเคียงเกิดการเลียนแบบ และสังคมโดยรวม นอกจากนั้นยังมีผู้กล่าวว่า ความคิดของคนเราที่คิดด้วยความเชื่อมั่นในทางบวก เหมือนมีกระแสแม่เหล็กที่ถึงคนที่คิดในลักษณะเดียวกันให้เข้ามาหากัน เกิดเพิ่มกลุ่มแกนที่คิดในทางบวกมาเสริมกัน ทำให้มีพลังขับเคลื่อนสังคมไปในทางที่ดี
//positivethinking.exteen.com
--------------------------------------------------------------------------------
Create Date : 14 มิถุนายน 2552 |
|
26 comments |
Last Update : 16 กรกฎาคม 2552 2:39:34 น. |
Counter : 569 Pageviews. |
|
|
|