ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดในพื้นที่ จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมาด้วยว่า ตนติดตามสถานกาณ์ใกล้ชิดได้ข้อยุติว่ามีระเบิด 8 แห่งเป็นระเบิดเพลิง ดูแลได้ 4แห่ง อีก 4 แห่งดูแลไม่ได้ ล่าสุดช่วงเที่ยงมีระเบิดบริเวณหอนาฬิกาจ.ปัตตานี ส่วนเหตุที่เกิดจะนำไปสู่การประกาศเคอร์ฟิวหรือไม่ตนอยู่ในฝ่ายการเมืองคงไม่พูดแล้ว ขอให้ฝ่ายราชการประจำเป็นบอกมาว่าต้องการเคอร์ฟิวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ในวันที่18 ก.พ.เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องจะเข้ามาหารือกับตน ทั้งเสนาธิการกองทัพภาคที่ 4 รวมถึงได้เชิญเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ ที่มอบหมายให้ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ อดีต รองผบ.ทบ.ซึ่งเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์แก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) ที่เคยทำงานด้านนี้ มาร่วมหารือ ขณะที่ตนมีแนวคิดว่า " อย่าชนะคนด้วยการรบ ต้องชนะโดยไม่ต้องรบ "
และหากจะเอา พ.ร.บ.ความมั่นคงภายในราชอาณาจักรมาใช้ กองทัพจะต้องเสนอมา ขณะที่ถ้าใครสมัครใจเข้ามาบูรณาการ ตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ฯ เจ้าหน้าที่เขาจะดูแล และหากมีการมอบตัวก็จะใช้ช่องทางตาม พ.ร.บ.ความมั่นคง ฯ มาตรา 21 และ มาตรา 15 ยืนยันว่าจะไม่ใช้ความรุนแรงต้องเจรจา และเมื่อติดตามจากข่าว ภรรยาที่มีสามีเป็นผู้ปฏิบัติการมีจุดเริ่มต้นจากเหตุการณ์ตากใบ อันนี้คุยกันได้แต่ไม่ได้คุยกัน
ส่วนพ่อของอีกคนก็บอกว่า ลูกคิดอย่างนี้ พ่อแม่พี่น้อง ไม่เห็นด้วย ตนจึงคิดว่าลองเยียวยากับเขาได้หรือไม่ แต่ไม่ใช้เป็นการจ่ายเงิน เพราะงานนี้ปฏิบัติการมันชัดเจนเข้าฐานปฏิบัติการของทางราชการ จะเอาเงินทองมาให้ไม่ได้แต่ตนก็ได้ให้นโยบายว่าพยายามพูดคุยกับครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิต เพื่อให้เข้าใจว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเนื่องจากความเข้าใจผิด ซึ่งก็มีผู้ออกมาค้านเป็นจำนวนมาก
เมื่อถามว่า พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ จะช่วยลงมาดูการชันสูตรพลิกศพ เพราะจะสามารถช่วยงานต้านความมั่นคง ฯ ได้ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ก็ไปผ่านทางกระทรวงยุติธรรม ท่านไม่ได้ขึ้นกับตน เพราะตนใช้กองพิสูจน์หลักฐาน และนิติวิทยาศาสตร์ของตำรวจ ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็นก้าวล่วง