|
|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
31 | |
|
|
|
|
|
|
|
|
รู้ลึกรู้จริงกับกฎหมายแรงงานวันละ ๓ มาตรา ( ตอนที่1 )
คงไม่มีนักบริหารงานทรัพยากรบุคคลท่านใด ปฏิเสธที่จะศึกษาและทำความเข้าใจในรายละเอียดของ กฎหมายแรงงาน กฎหมายซึ่งมีความจำเป็นในการบริหารงานทรัพยากรบุคคลในองค์กร และสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างนายจ้างและลูกจ้างนะครับ ผมเป็นผู้หนึ่งที่ให้ความสำคัญและศึกษาความเป็นมาและวิวัฒนาการของกฎหมายแรงงานมาโดยตลอด เพราะโดยอาชีพนักบริหารงานทรัพยากรบุคคล ที่ปรึกษาและวิทยากรที่ต้องบรรยายและให้คำปรึกษาเกี่ยวกับ กฎหมายแรงงาน มากว่า 16 ปี จึงอยากจะแบ่งปันและสร้างเสริมความเข้าใจในเจตนารมณ์ของกฎหมายแรงงาน ให้กับนักบริหารงานทรัพยากรบุคคล ได้นำไปสร้างคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ และสร้างความเป็นธรรมในสังคมและความสงบสุขให้กับองค์กรของท่านครับ
เพื่อไม่เป็นการเสียเวลา ผมขอเริ่มแบ่งปันความรู้ด้านกฎหมายแรงงานกันเลยนะครับ โดยขอเจาะประเด็นที่สำคัญๆ ของกฎหมายแรงงานวันละ ๓ มาตรา และมีสรุปหลักเกณฑ์โดยย่อและตัวอย่างฎีกาที่เกี่ยวข้องประกอบด้วยครับ เพื่อให้ทุกท่านได้เข้าใจกฎหมายแรงงาน อย่างลึกซึ้งและถ่องแท้ครับ แต่หากท่านใดมีข้อสงสัยหรือต้องการสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ก็สามารถสอบถามมาได้ที่ somchailak@hotmail.com หรือที่อาจารย์สมชาย หลักคงคา หมายเลขโทรศัพท์ 084-9273249 ครับ
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ (แก้ไขเพิ่มเติมใหม่ ๒๕๕๑ )
มาตรา ๑ พระราชบัญญัตินี้เรียกว่า พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑
มาตรา ๒ พระราชบัญญัตินี้ให้ใช้บังคับเมื่อพ้นกำหนดหนึ่งร้อยแปดสิบวันนับแต่วัน ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป มีผลบังคับใช้ในวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๔๑ มาตรา ๓ ให้ยกเลิก
(๑) ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๐๓ ลงวันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๑๕
(๒) พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๐๓ ลง วันที่ ๑๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๑๕ ( ฉบับที่ ๑ ) พ.ศ.๒๕๓๓ บรรดากฎหมาย กฎ และข้อบังคับอื่นในส่วนที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ หรือซึ่งขัดหรือแย้งกับบทแห่งพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน
ต่อไปนี้เป็นคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานมาตรา ๑, มาตรา ๒และมาตรา ๓
หลักเกณฑ์โดยย่อ
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน เป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน หากกฎหมาย กฎ ข้อบังคับ หรือข้อตกลงใดขัดกับกฎหมายนี้ ย่อมตกเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๕๐
มาตรา ๑๕๐ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดไว้ว่า การใดมีวัตถุประสงค์เป็นการต้องห้ามชัดแจ้งโดยกฎหมาย เป็นการพ้นวิสัยหรือเป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน การนั้นเป็นโมฆะ
กฎหมาย กฎ หรือข้อบังคับที่มีบัญญัติไว้แล้วในพระราชบัญญัตินี้ ให้ใช้พระราชบัญญัตินี้แทน เช่น พระราชบัญญัตินี้นำหลักเกณฑ์การบอกเลิกสัญญาจ้างตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๕๘๒ มาบัญญัติไว้ในมาตรา ๑๗ จึงต้องใช้หลักเกณฑ์ ตามมาตรา ๑๗ แทน
ฎีกาสำคัญ ฎีกาที่ ๑๓๙๔/๒๕๔๗
พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้การใช้แรงงานเป็นไปอย่างเป็นธรรมและคุ้มครองลูกจ้างไม่ให้ถูกเอาเปรียบ เป็นกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ข้อตกลงระหว่างโจทก์และ ส ตามสัญญาจ้างพนักงานต้อนรับบนเครื่อง เอกสารหมายเลข จล.๑ หมายเลข ๖ ข้อ ๖.๑ ที่กำหนดว่า ภายในระยะเวลา ๒ ปี นับแต่วันเริ่มสัญญา หาก ส ตั้งครรภ์ ให้ถือว่า ส ได้บอกเลิกสัญญานั้น มีข้อความต่อไปอีกด้วยว่า โดยให้สัญญาสิ้นสุดลงตั้งแต่วันที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งวินิจฉัยหรือเมื่อเห็นได้ชัดว่า ส ตั้งครรภ์ จึงเห็นได้ว่าข้อตกลงข้อ ๖.๑ เป็นข้อตกลงที่มีวัตถุประสงค์เพื่อให้มีผลเป็นการเลิกจ้างเพราะ ส มีครรภ์ อันขัดต่อพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ มาตรา ๔๓ ซึ่งเป็นกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงเป็นโมฆะ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา ๑๕๐
มาตรา ๑๗ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ ระบุไว้ว่า สัญญาจ้างย่อมสิ้นสุดลงเมื่อครบกำหนดระยะเวลาในสัญญาจ้างโดยมิต้องบอกกล่าวล่วงหน้า
ในกรณีที่สัญญาจ้างไม่มีกำหนดระยะเวลา นายจ้างหรือลูกจ้างอาจบอกเลิกสัญญาจ้างโดยบอกกล่าวล่วงหน้าเป็นหนังสือให้อีกฝ่ายหนึ่งทราบในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างคราวหนึ่งคราวใด เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึง กำหนดจ่ายค่าจ้างคราวถัดไปข้างหน้าก็ได้ แต่ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเกินสามเดือน ทั้งนี้ ให้ถือว่าสัญญาจ้างทดลองงานเป็นสัญญาจ้างที่ไม่มีกำหนดระยะเวลาด้วย
การบอกเลิกสัญญาจ้างตามวรรคสอง นายจ้างอาจจ่ายค่าจ้างให้ตามจำนวนที่จะต้องจ่ายจนถึงเวลาเลิกสัญญาตามกำหนดที่บอกกล่าวและให้ลูกจ้างออกจากงานทันทีได้
การบอกกล่าวล่วงหน้าตามมาตรานี้ไม่ใช้บังคับแก่การเลิกจ้างตามมาตรา ๑๑๙ แห่งพระราชบัญญัตินี้ และมาตรา ๕๘๓ แห่งประมาลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
มาตรา ๔๓ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ ระบุไว้ว่าห้ามมิให้ นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงเพราะเหตุมีครรภ์
มาตรา ๑๑๙ แห่งพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ ระบุไว้ว่า นายจ้างไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังต่อไปนี้
(๑) ทุจริตต่อหน้าที่หรือกระทำความผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
(๒) จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
(๓) ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
(๔) ฝ่าฝืนข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน ระเบียบ หรือคำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายและเป็นธรรมและนายจ้างได้ตักเตือนเป็นหนังสือแล้ว เว้นแต่กรณีที่ร้ายแรง นายจ้างไม่จำเป็นต้องตักเตือน
(๕) ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลาสามวันทำงานติดต่อกันไม่ว่าจะมีวันหยุดคั่นหรือไม่ก็ตามโดยไม่มีเหตุอันสมควร
(๖) ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุกในกรณี (๖) ถ้าเป็นความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิด ลหุโทษต้องเป็นกรณีที่เป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหาย การเลิกจ้างโดยไม่จ่ายค่าชดเชยตามวรรคหนึ่ง ถ้านายจ้างไม่ได้ระบุ ข้อเท็จจริงอันเป็นเหตุที่เลิกจ้างไว้ในหนังสือบอกเลิกสัญญาจ้างหรือไม่ได้แจ้ง เหตุที่เลิกจ้างให้ลูกจ้างทราบในขณะที่เลิกจ้างนายจ้างจะยกเหตุนั้นขึ้นอ้างในภายหลังไม่ได้
ความผิดลหุโทษ หมายถึง ความผิดที่มีโทษจำคุกไม่เกิน ๑ เดือน หรือปรับ ไม่เกิน ๑,๐๐๐ บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
มาตรา ๕๘๒ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ระบุไว้ว่า ถ้าคู่สัญญาไม่ได้กำหนดลงไว้ในสัญญาว่าจะจ้างกันนานเท่าไร ท่านว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเลิกสัญญาด้วยการบอกกล่าวล่วงหน้าในเมื่อถึงหรือก่อนจะถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวใดคราวหนึ่ง เพื่อให้เป็นผลเลิกสัญญากันเมื่อถึงกำหนดจ่ายสินจ้างคราวถัดไปข้างหน้า ก็อาจทำได้ แต่ไม่จำต้องบอกกล่าวล่วงหน้ากว่าสามเดือน
มาตรา ๕๘๓ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ระบุไว้ว่า ถ้าลูกจ้างจงใจขัด คำสั่งของนายจ้างอันชอบด้วยกฎหมายก็ดี หรือละเลยไม่นำพาต่อคำสั่งเช่นว่านั้นเป็นอาจิณก็ดี ละทิ้งการงานไปเสียก็ดี กระทำความผิดอย่างร้ายแรงก็ดี หรือทำประการอื่นอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริตก็ดี ท่านว่านายจ้างจะไล่ออกโดยมิพักต้องบอกกล่าวล่วงหน้าหรือให้สินไหม ทดแทนก็ได้
ข้อสังเกต
๑.มาตรา ๔๓ เป็นบทบัญญัติห้ามเด็ดขาด ไม่มีข้อยกเว้น
๒. นายจ้างจะเลี่ยงไปทำสัญญากับลูกจ้างหญิงว่ามีครรภ์ให้ลาออกหรือยอมให้เลิกจ้าง ไม่มีผลบังคับ
๓. แม้ลูกจ้างหญิงรับรองว่าตนไม่มีครรภ์ นายจ้างหลงเชื่อรับเข้าทำงานแล้ว ปรากฎความจริงในภายหลัง ก็เลิกจ้างไม่ได้
๔. แม้งานบางอย่าง หญิงมีครรภ์ทำไม่ได้หรือไม่เหมาะที่จะทำ นายจ้างก็เลิกจ้างไม่ได้ นายจ้างชอบที่จะเปลี่ยนงานหรือถ้าไม่มีงานจะเปลี่ยนให้ทำก็ต้องรอให้ลูกจ้างหญิงคลอดบุตรก่อนจึงให้มาทำงาน
๕. กฎกระทรวง ฉบับที่ ๗ ( พ.ศ.๒๕๔๑ ) ออกตามความในพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.๒๕๔๑ ข้อ ๕ ระบุไว้ว่า นายจ้างอาจให้ลูกจ้างซึ่งเป็นหญิงมีครรภ์ที่ทำงานในตำแหน่งในตำแหน่งผู้บริหารงานวิชาการ งานธุรการ รวมทั้งงานเกี่ยวกับการเงินหรือบัญชี ทำงานล่วงเวลาในวันทำงานได้โดยได้รับความยินยอมจากลูกจ้างนั้น
เขียนโดย....อ.สมชาย หลักคงคา somchailak1@hotmail.com 081-6529843
Create Date : 15 กรกฎาคม 2554 |
|
0 comments |
Last Update : 1 มีนาคม 2556 12:14:50 น. |
Counter : 2575 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]
|
| | | | สวัสดีครับ blog ที่คุณอ่านนี้มีวัตถุประสงค์ ก็เพื่อแนะนำตัวเราซึ่งมีประสบการณ์เป็นที่ปรึกษา และวิทยากร เกี่ยวกับงานด้าน HRM และ HRD และอีกด้านหนึ่งคืองานด้านMKTหากท่านใดสนใจในงานHR & MKT เช่นเดียวกับเรา ก็ขอเชิญมาแลกเปลี่ยน ความรู้และประสบการณ์ ร่วมกันจะยินดีมากขอขอบคุณทุกท่านที่แวะมาอ่าน ความรู้และประสบการณ์ของเรา Somchai Lakkongka. 081-6529843 somchailak1@hotmail.com | | | | |
|
|
สวัสดีครับ ผมอาจารย์ สมชาย หลักคงคา เป็นวิทยากรที่ปรึกษาให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการวางแผนกลยุทธ์ในการบริหารงานฝึกอบรม ให้สอดคล้องกับกลยุทธ์ขององค์กร ให้คำปรึกษาแนะนำเกี่ยวกับการวิเคราะห์หาความจำเป็นในการฝึกอบรม การออกแบบหลักสูตรการฝึกอบรม ดำเนินการจัดอบรม และประเมินผลงานการฝึกอบรม โดยจะมุ่งเน้นผลสำเร็จด้วยกระบวนการ Training & Coaching ซึ่งเป็นการให้บริการฝึกอบรมแบบครบวงจร ตั้งแต่การค้นหาความจำเป็นในการฝึกอบรม การวางแผนการพัฒนารายบุคคล การออกแบบหลักสูตรให้ตรงกับธุรกิจ และลักษณะขององค์กร
อ.สมชาย หลักคงคา
somchailak1@hotmail.com
081-6529843
|
|
|
|
|
|
|
|