พบปะ พูดคุย แลกเปลี่ยน
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2554
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
17 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
เรื่องเศร้าจากหญิงชราคนหนึ่ง


สวัสดีครับชาวน้ำเงิน เหลือง

อยากให้ทุกคนมีดวงตางดงาม รักแม่นะ ลองอ่านดูนะ

เรื่องเกิดที่บ้านพักคนชราที่ผมไปเยี่ยมเยืยนมาหลังวันเกิดในเดือนที่แล้ว เป็นอาคารไม้ชั้นเดียวไม่ใหญ่โตนัก ที่นี่เป็นส่วนหนึ่งของวัดเล็ก ๆ ที่ สมภารเจ้าอาวาสอดีตนักเรียนโรงเรียนเดียวกับผม ท่านเอาเงินที่ญาติโยมศรัทธาถวายท่าน มาปลูกสร้างเพื่อให้ผู้เฒ่าผู้ชราได้มาพักอาศัยยามเมื่อขาดที่พึ่งพิง มีโยมผู้หญิงวัยกลางคนไร้ญาติและสิ่งเกาะเกี่ยวทางโลกมาบำเพ็ญธรรมโดยไม่บวช ชี ท่วงท่าเจรจาพาทีดูสำรวมราบเรียบ พร้อมเด็กวัดลูกชาวบ้านแถบนั้นแวะเวียนผลัดเปลี่ยนกันเป็นผู้ดูแล ผู้ชราทั้งหญิงชายที่ถูกทอดทิ้งรวม 13 ชีวิต ค่าจ้างคนดูแล น้ำไฟ เสื้อผ้ายารักษาโรค ข้าวปลาอาหาร สมภารใจดีอดีตนักเรียนช่างกลที่รอดตายมาจากเหตุการณ์ 14 ตุลาคม 2516 เหมาจ่ายคนเดียว โดยไม่เคยพิมพ์ฏีกาเรี่ยไรใคร
พูดคุยกับท่านหลาย เรื่องจนตอนจะลากลับผมควักเงิน500 บาท ใส่ซองถวายท่านเป็นค่าใช้จ่าย ท่านจึงนึกอะไรขึ้นมาได้ ชวนผมเดินลงจากศาลาไปที่บ้านพักคนชราแห่งนั้น เปิดนรกบนดินอีกขุมหนึ่งให้คนบาปอย่างผมมีดวงตาเห็นธรรม โดยไม่ต้องฟังเทศน์เทียบชาดกบทใด ๆ

หญิงชรารูปร่างเล็กผิวสองสีบอบ บาง ทอดกายเหยียดตรงบนเตียงเล็กๆ แต่สะอาด มีผ้าห่มผืนบางๆ ห่มปิดทรวงอกที่ยังกระเพื่อมเบา ๆ ราวเครื่องยนต์ใกล้ดับอย่างเหนื่อยหน่าย แม่เฒ่าพยายามยกขึ้นประนมไหว้ เมื่อท่านสมภารพาผมมานั่งอยู่ข้างขอบเตียง น้ำเสียงแห่งพุทธบุตรผู้เมตตาเปล่งวาจาถามไถ่อาการและให้ศีลให้พรเบาๆ แต่เข้มขลังศักดิ์สิทธิ์หยาดน้ำตาแห่งความปิติ ท่วมท้นดวงตาสีขาวขุ่น แล้วค่อย ๆ ซึมเซาะรินไหลไปตามร่องขอบตา ที่เหี่ยวย่นบนใบหน้าเวทนาบังเกิดจนผมต้องเบือนหน้าหนี

ผู้เฒ่าอายุ 91 ปี อาวุโสสูงสุดในจำนวน 13 คนชราของที่นี่ เรื่องราวทั้งหลายในอดีตยังเจิดจ้าอยู่ในความทรงจำ เหมือนเพิ่งเกิดเมื่อวาน.......

แม่เฒ่ามีลูกชายสองคนและหญิงหนึ่งคน 60 ปีที่ผ่านมาครอบครัวแม่เฒ่าจัดอยู่ในระดับผู้มีอันจะกินของจังหวัด สามีของแม่เฒ่ามีอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ก่อร่างสร้างตัวจากกรรมกรกินค่าแรงรายวัน โดยแม่เฒ่ารับจ้างทอผ้าอยู่ในโรงงงานแห่งหนึ่ง อดออมสะสมจนฐานะดีขึ้นสามารถสร้างหลักฐานจนมีที่ดินบ้านช่องสมฐานะ แต่สามีก็ยังทำงานหนักไม่ยอมพักหวังจะฟูมฟักลูก 3 คน ให้อยู่อุ่นกินอิ่มโดยไม่ต้องลำบาก ช่วงนั้นแม่เฒ่าเลิกทอผ้าแล้วอยู่บ้านเลี้ยงลูก 3 คนที่อยู่ในวัยซวนไล่เรียงตามลำดับ

เช้าวันหนึ่งเมื่อลูกชายคนโตอายุ ได้ 6 ขวบ สามีของแม่เฒ่าก็หลับไปไม่ตื่นมาร่ำลา หมอที่โรงพยาบาลบอกว่าสามีตับแข็งตายทั้ง ๆ ที่ไม่เคยแตะเหล้าซักหยด
แม่เฒ่าเปลี่ยนสภาพบ้านพักเปิดเป็นร้านค้าโชห่วยขายของสารพัดชนิดอดทนอดออมเลี้ยงลูกทั้ง 3 คน ให้ร่ำเรียนจนจบปริญญา

ครอบ ครัวอบอุ่นพี่น้องรักใคร่กันดี ไม่มีเค้าลางว่าจะแตกหัก ดั่งหนึ่งคนละสายเลือด ลูกชายคนโตแต่งงานไปกับลูกสาวเจ้าของร้านขายทองในตลาด ในชีวิตของแม่เฒ่าไม่เคยมีความสุขครั้งไหน เหมือนวันที่ลูกชายแต่งงาน สมบัติที่มีแม่เฒ่าจัดแบ่งเป็นสามส่วนให้ลูกชายคนโต เปิดร้านขายทองตามที่สะใภ้ต้องการ

ปีต่อมาลูกคนที่สองแต่งสาวเข้า บ้านอีกคน แม่เฒ่ายกบ้าน และที่ดินที่เปิดร้านขายของสองคูหาสามชั้นให้เป็นสมบัติของลูกด้วยความยินดี โดยที่แม่เฒ่าขอสิทธิ์แค่อยู่อาศัย

สองปีถัดมาลูกสาวคนสุดท้องแต่ง กับข้าราชการระดับหัวหน้ากองในจังหวัดแม่เฒ่า ยกที่ดินและเงินสดก้อนสุดท้ายของแม่เฒ่า รับขวัญลูกเขยด้วยความปรีดา

สัตว์โลกทั้งหลายล้วนเวียนว่ายก่อเกิดเพื่อมาชดใช้กรรมเก่า สะใภ้คนที่สองเริ่มจุดประกายแห่งการแตกหัก ตั้งแต่แต่งเข้าบ้านไม่เคยแม้แต่เสียบปลั๊กหม้อหุงข้าว แม่เฒ่ากลายเป็นทาสในเรือน ซักผ้า ทำกับข้าว จัดสำรับคับค้อนตั้งโต๊ะคอยท่าสองผัวเมียกินก่อนจนอิ่ม แม่เฒ่าจึงมีโอกาสได้กินของเหลือก่อนจะเก็บกวาดถ้วยชามไปล้าง กวาดเช็ดบ้านช่องเรียบร้อยแล้วจึงได้พักผ่อนด้วยการเดินออกไปคุยกับเพื่อน บ้านในวัยไล่เลี่ยกัน สะใภ้สองเข้มงวดแม้แต่ของสดทุกชนิดที่ซื้อมาทำ กับข้าว ต้องถามราคาแล้วยกไปชั่งน้ำหนักราคาสินค้ากับเงินทอนที่เหลือต้องตรงกับเงิน ที่ให้ไปตลาด แต่แม่เฒ่าก็ไม่เคยเก็บมาเป็นอารมณ์

วันหนึ่งสะใภ้สอง ก็จัดระเบียบการกินใหม่ หล่อนไปสั่งผูกปิ่นโต เพื่อนกินกันแค่สองผัวเมียแล้วสั่งให้ผัวจ่ายเงินให้แม่เฒ่าแค่วันล่ะยี่สิบ บาทไปหากินเอาเองด้วยเหตุผลโง่ ๆ คือต้องการประหยัด แต่ลึก ๆ ในใจไม่ต้องการให้แม่ผัวเม้นส่วนเกิน
แม่เฒ่าคิดเอาเองว่าลูก ๆ คงไม่อยากให้แม่เหนื่อย จึงน้อมรับประกาศิตลูกสะใภ้ด้วยดุษฎี สองสามวันต่อมาแม่เฒ่าก็ลืมสิ้นเพราะความรักลูก

หลายครั้งที่แม่เฒ่า คิดถึงลูกชายคนโตที่เปิดร้านขายทองในตลาด แม่เฒ่าจะเจียดเงินที่เก็บออมไว้ ซื้อผลไม้ที่ลูกชอบติดมือไปด้วย แต่ทุกครั้งที่แม่เฒ่าเดินเข้าไปในบ้านสะใภ้ใหญ่จะมองอย่างเหยียด ๆ แล้วเดินหนีเข้าห้องแอร์ปิดประตูนอนดูโทรทัศน์ สั่งคนใช้ให้คอยสอดส่องเดินตามแม่เฒ่า เธอกลัวแม่ผัวขโมยของในบ้าน จะ คุยกับลูกชายไอ้นั่นก็ออกอาการไม่ว่าง ถามคำตอบคำเหมือนหนามตำโดนโคนลิ้นจน อ้าปากลำบากลำบน อึดอัดแม่เกรงใจเมีย แกล้งถอดสร้อยคอทองคำเส้นโตที่ห้อยแขวนพระเครื่องราคาแพงในกรอบทองฝังเพชร พวงใหญ่ขึ้นมาส่องทีละองค์ด้วยความเลื่อมใส และไม่แม้แต่จะชายตามองแม่เฒ่าที่นั่งซึมอยู่ข้างตู้ทองอย่างเดียวดาย แม่เฒ่านั่งเก้ ๆ กัง ๆ อยู่พักใหญ่ ก็เดินออกจากบ้านลูกชายคนโตอย่างเหงา ๆ โดยมีคนใช้ของลูกหิ้วถุงผลไม้ตามมายัดคืนใส่มือ ระหว่างทางก็แวะทักทายคนรู้จักเพื่อรักษามารยาท แต่ในใจของแม่เฒ่ามันวังเวงจนจำไม่ได้ว่าพูดคุยกับใครไปบ้างระหว่างทาง

ลูก สาวคนเล็กที่แม่เฒ่าทั้งรักทั้งหวงนั่นแทบไม่ต้องพูดถึง เธอยื่นคำขาดกับแม่เฒ่าตั้งแต่ครั้งแรกที่ไปเยี่ยม ว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องไปหาเพราะบ้านเธอมีแขกที่เป็นลูกน้องของผัวและพ่อ ค้าวานิช เข้าพบผัวของเธอ เพื่อขออำนวยความสะดวกในทางธุรกิจบ่อย ๆ และ ผัวของหล่อนก็ค่อนข้างเจ้ายศเจ้าอย่าง ถ้าแม่เฒ่ารักลูกก็ควรจะต้องรักษาเกียรติรักษาหน้าตาของผัวลูกด้วย แม่เฒ่าไม่เข้าใจว่าการรักษาหน้าตาของลูกเขยนั้นต้องทำอย่างไร แม่เฒ่ายังเคยปลื้มกับคำชมของเพื่อนบ้าน เขาว่าแม่เฒ่าวาสนาดีลูกเขยเป็นเจ้าคนนายคน แม่เฒ่าก็ได้แต่แอบปลื้มทั้งๆ ที่ไม่เข้าใจว่าทำไมการเป็นเจ้าคนนายคน จึงเหมือนกำแพงชนชั้นปิดกั้นระหว่างความเป็นแม่ลูกจนหนักหนาสาหัสขนาดนั้น

ร้าน สะดวกซื้อและห้างสรรพสินค้าขนาดยักษ์โผล่ขึ้นมารายรอบร้านค้าของลูกชาย คนที่สอง กระทบธุรกิจของสองผัวเมียจนทรวด เซ ของขายไม่ได้มากเหมือนเก่าที่เอาอะไรมาวางก็ขายหมดปัญหาและวิกฤติการเงินใน บ้านส่งสัญญาณถึงขาลง สองผัวเมียเริ่มมีปากเสียงกันบ่อยครั้ง และแทบทุกครั้งลูกสะใภ้ก็จะฉวยโอกาสด่ากระทบแม่ผัวเป็นของแถมโดยไม่มีเหตุผล โดยที่ลูกชายก็ไม่ออกอาการปกป้องแม่เฒ่าแต่อย่างใด...

12 มิถุนายน 2530 ประมาณ 3 ทุ่มของคืนโลกาวินาศ ท้องฟ้ามืดครึ้มไปด้วยพยับเมฆสลับกับเสียงฟ้าร้องดังกึกก้องเป็นระยะๆ ครู่ ใหญ่ ๆ ต่อมาสายฝนจึงโปรยปรายชุ่มฉ่ำน้ำนองไปทั่วเมือง ลูกชายลูกสะใภ้ออกไปกินข้าวนอกบ้านยังไม่กลับปล่อยแม่เฒ่าเฝ้าร้านค้าคน เดียว แม่เฒ่าจำได้ว่าวัยรุ่นสองคนขี่รถเครื่องฝ่าสายฝนมาจอดหน้าร้าน ขอซื้อเบียร์หนึ่งขวด แม่เฒ่ารับเงินแล้วเดินเข้าไปเก็บในลิ้นชักโดยไม่ระแวงว่า สองวัยรุ่นแอบยกลังใส่บุหรี่ที่ลูกชายสั่งมายังไม่แกะกล่อง ช่วยกันแบกขึ้นรถขี่หายไปกับความมืด
ก่อนสี่ทุ่มเล็กน้อยสองผัวเมีย จึงขับรถกลับเข้าถึงบ้านช่วยกันเก็บของเข้า ร้าน วางของทุกชิ้นเข้าที่ ๆ เคยวางเมื่อไม่เห็นลังบุหรี่จึงหันไปตะโกนถามแม่เฒ่าที่กำลังจุดธูปไหว้รูป สามีบนหิ้ง เพียงคำตอบที่แม่เฒ่าตอบว่า ไม่เห็นก่อนปักธูปลงกระถาง เสียง สบถด้วยคำหยาบของลูกชายก็ดังสวนสนั่นบ้าน ครู่เดียวทั้งลูกสะใภ้กับลูกชาย ก็สลับปากจิกหัวด่าแม่ กึกก้องประสานเสียงกับสายลมนอกบ้าน ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถไปโรงพักแจ้งจับแม่ลักทรัพย์

ตำรวจพาแม่เฒ่าไป นั่งอยู่หน้าโต๊ะร้อยเวร แม่เฒ่าให้การไม่รู้ด้วยซื่อบริสุทธิ์โดยไม่ตัดพ้อต่อว่าลูกชายแม้แต่คำ เดียวกว่าชั่วโมงในห้องแอร์เย็นเฉียบ แต่ในอกในใจของร้อยเวรหนุ่มร้อนรุ่มเหมือนถูกไฟนรกแผดเผา ที่ต้องวิงวอนสองผัวเมีย ให้เห็นบาปบุญคุณโทษ แต่สองผัวเมียกลับโยนภาระตอกย้ำให้ตำรวจอบรมแม่เฒ่า ก่อนที่จะสะบัดก้นกลับไปบ้านโดยไม่ใส่ใจแม่เฒ่าที่เปียกฝนนั่งสั่นสะท้าน ด้วยความหนาวเหน็บ สายฝนยงสาดซัดกระหน่ำหนักเหมือนฟ้าแตก ตำรวจ ยศนายดาบขับรถร้อยเวรมาส่งแม่เฒ่าที่บ้านบ้านซึ่งประตูเหล็กถูกปิดสนิท แม่เฒ่าลงจากรถเดินฝ่าฝนถึงหน้าบ้าน แล้วแม่เฒ่าก็ตกใจสุดขีดกับภาพเบื้องหน้าที่พื้นหน้าบ้าน เสื้อผ้าเก่า ๆ ยัดแน่นอยู่ในถุง ถูกโยนออกมากองเรี่ยราดเหมือนขยะบนกองเสื้อผ้าของแม่เฒ่า กระถางธูปและรูปถ่ายของสามีแตกกระจายเกลื่อนกราด หยาดฝนสาดซัดรูปถ่ายขาวดำของสามีจนเปียกปอนขาดวิ่น แม่เฒ่าก้มลงหยิบรูปของสามีมากอดแนบอก น้ำตาแห่งความรันทดทะลักล้นปนน้ำฝน ปวดร้าวเหมือนถูกฟ้าผ่าเข้ากลางใจ แม่เฒ่ากอดรูปนั้นไว้เหมือนจะปกป้องจากสายฝนสุดชีวิต สองเท้าออกก้าวช้าๆ เหมือนร่างไร้วิญญาณเข้าตลาดไป หยุดนิ่งอยู่หน้าร้านขายทองของลูกชาย คนโต เหมือนเป็นการบอกลา แล้วลัดเลาะฝ่าความมืดและสายฝน ไปยืนอยู่หน้าบ้านลูกสาวคนเล็ก เก็บภาพแห่งความรักความทรงจำสุดท้ายเป็นครู่ใหญ่ จึงเดินจากไปท่ามกลางเสียงกึกก้องของฟ้าร้องระงม สลับกับเสียงฟ้าผ่าแน่นหนักเป็นระยะ

ดั่งเจ้ากรรมนายเวรกำลังเร่งรีบกรีดนิ้วกัปนาท บรรเลงเพลงกรรมในอดีตชาติ ติดตามมาทวงคืนให้แม่เฒ่าต้องชดใช้อย่างบอบช้ำยับเยิน รถ กระบะเก่า ๆ คันนั้นวิ่งฝ่าสายฝนมาจอดสงบนิ่งอยู่หน้ากุฏิพระของสมภารเจ้าวัดตอนตีสาม เศษๆ คนขับรถพบแม่เฒ่าเดินโซซัดโซเซอยู่ข้างถนนเปล่าเปลี่ยวเดียวดายด้วยใจเมตตา เมื่อแม่เฒ่าต้องการมาที่นี่ จึงขับรถมาส่งด้วยความสังเวช แม่เฒ่ามักคุ้นกับสมภารวัดนี้มานานแล้วตั้งแต่เจ้าอาวาสองค์เก่ายังอยู่ นาทีสุดท้ายของการตัดสินใจครั้งใหญ่ของชีวิตจึงไม่มีที่ไหนอบอุ่นให้พึ่งพิง เหมือนร่มเงาฉัตรแก้วกงธรรมแห่งรัตนะทั้งสาม ฟ้า เริ่มขมุกขมัวใกล้ค่ำลงทุกขณะ ผมจำเป็นต้องบอกลาท่านสมภารและแม่เฒ่าเจ้าของเรื่องราวน่าสลด นับแต่นาทีแรกที่แม่เฒ่ามาถึงที่นี่จนวันนี้ แม่เฒ่าไม่เคยออกไปนอกวัดเหมือนๆ กับที่ทรพีทั้งสามคนก็ไม่เคยออกติดตามถามหา จะรู้หรือไม่ก็แล้วแต่ว่าแม่ซมซานมาอยู่วัด แต่ก็ไม่เคยปรากฏแม้แต่เงาของสามเนรคุณ

ผมจากลาออกมาทั้งที่น้ำตาเปื้อนหน้า ประโยคสุดท้ายของแม่เฒ่าที่ฝากมา..
"แม่ จำลูกได้ทุกอย่างตั้งแต่เกิดจนโต จะทุกข์ จะสุข ก็คือลูกของแม่ แม่ให้โดยไม่เคยวาดหวังจะได้จากลูกทุกคนเป็นการตอบแทน ลูกเอ๋ย...เมื่อลูกยังเป็นทารกทุกครั้งที่แนบอกดูดดื่มน้ำนมจากเต้า สองมือน้อย ๆ ของเจ้าไขว่คว้าอยู่ไหว ๆ วันนี้แม่สิ้นแรงแทบสิ้นใจจะมีมือของลูกคนไหนเอื้อมมาปิดตาให้แม่ก่อนสิ้น ลม..



Create Date : 17 สิงหาคม 2554
Last Update : 24 สิงหาคม 2554 11:58:50 น. 8 comments
Counter : 808 Pageviews.

 
ใครทำแบบไหนก็จะได้รับสิ่งนั้นนะคะ เชื่อว่ากรรมมีจริงค่ะ เราปล่อยให้บุญหรือกรรมดำเนินกับคนแต่ละคน
(บ่นไรนี่เรา)


โดย: สัญญาลมปาก วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:16:21:16 น.  

 


โดย: papisong วันที่: 17 สิงหาคม 2554 เวลา:20:55:58 น.  

 
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีดีคะ อ่านแล้วรักคุณแม่ขึ้นอีกเยอะเลย


โดย: ลิน IP: 180.214.209.55 วันที่: 18 สิงหาคม 2554 เวลา:23:47:21 น.  

 
หากเรื่องที่อ่านมีมูลแห่งความจริงแม้เพียงเสี้ยวเดียวก็ซึ้งพอที่จะต้องประนาม การตอบแทนของนรชาตบุครทั้งสาม
ที่หลง ยึดติดกับ วัตถุ สังคม สี่งสมมุติบนโลกแห่งทุนนิยมสามาร ที่ใช้แต้เพียงตัวเลขทางเศรษฐกีจเป็นเครื่องชี้วัดความรำรวย ฐานะ ที่เมื่อตายไปก็นำติดตัวไปไม่ได้ ขอให้ผลแห่งกรรมจงบังเกิดขึ้นจริงเป็นทวีคูณ สาธุ
ปล. ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆอยากให้ ใครก็ได้ที่มีเรื่องดีๆแบบนี้ ช่วยนำมาลงเผยแพร่มากๆ
เพื่อผลักดันให้คนดี คืนสู่สังคมมากขึ้น
( สังคมจะเลวทรามลง เมื่อคนดีเริ่ม ท้อแท้) คนดีแล้วต้องใจสู้ด้วย ที่สำคัญต้องช่วยกันโคลนนี่ง มนุษย์พันธ์นี้มากๆ


โดย: 4308 IP: 58.9.74.134 วันที่: 21 สิงหาคม 2554 เวลา:11:51:53 น.  

 
เอ้า..ลูกๆแม่เฒ่าเตรียมตัวไปทัวร์เมืองนรกแล้วยัง?รถทัวร์เค้ามารอแล้ว,.ไปๆ


โดย: สุพจน์(อัพ) IP: 223.24.26.35 วันที่: 30 สิงหาคม 2554 เวลา:21:28:51 น.  

 
สลดและหดหู่ใจ ไม่น่าเกิดขึ้นในสังคมไทยเลยนะ ถ้าลูกๆจะฉุกคิดบ้างว่าวันหนึ่งข้างหน้าเราก็ต้องแก่(และอาจจะเจอสภาพอย่างนั้น)so....เริ่มที่ตัวเรา ทำตัวอย่างให้ลูกเห็น พูดให้ลูกฟัง ทุกวัน ทุกวัน จะได้มีแต่เรื่องดีๆมาเล่าให้ฟังกัน จนยิ้ม..ยิ้ม..ยิ้มแล้วก็ยิ้มจนน้ำตาไหลแทนด้วยความปิติ


โดย: เล็ก7ก IP: 58.11.228.2 วันที่: 9 กันยายน 2554 เวลา:12:04:24 น.  

 
แวะมาเยี่ยมชมครับ


โดย: BoonsermLover วันที่: 15 ตุลาคม 2554 เวลา:13:56:25 น.  

 
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องที่นำมาลงมีประโยชน์และสามารถนำไปถ่ายทอดเป็นอุทาหรณ์ให้แง่คิดกับรุ่นลูกหลาน


โดย: ปานรดา IP: 110.49.240.180 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา:22:43:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สหคุณ 2521
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




วัน เวลา ผ่านพ้นมาจนถึงวัยให้คิดถึงอดีตที่มีทั้งรอยยิ้มคราบน้ำตา เสียงคุณครูและเสียงใส ๆ อีกมากมาย
ความคิดได้หยุดลงในขณะที่ปัจจุบันพวกเรายังมีความรับผิดชอบต่อภาระ หน้าที่ ตลอดจนครอบครัว ทำให้การพบปะเป็นเรื่องยาก อย่างไรก็ตามไม่อาจกีดกั้นความรู้สึกคิดถึงกันในวัยเยาว์ อยากให้ที่ตรงนี้เป็นเหมือนโรงเรียนของพวกเราในอดีตที่จะมาพบเจอกัน และพูดคุยกัน หวังอย่างยิ่งจะเป็นสถานที่ทำลายกำแพงการกีดกั้นในการพบปะของพวกเราทุกคน ไม่มีความรวย ความจน มีแต่คำว่า เพื่อนเราในเยาว์วัย
ตอนนี้เพื่อน ๆ สามารถติดตามข่าวสารได้อีกหนึ่งช่องทางที่ http://www.facebook.com/?sk=ff&ap=1 หรือเข้าไปที่ http://www.facebook.com แล้วพิมพ์หา saha2521@gmail.com ช่วยกันมาเยี่ยมเยอะ ๆ นะ
Friends' blogs
[Add สหคุณ 2521's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.