KEEP WALKING
Group Blog
 
<<
เมษายน 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
3 เมษายน 2551
 
All Blogs
 
กว่านิยายจะออกมาเป็นเล่ม

***ใครสนใจเรื่องการรีไรต์งานลองอ่านดู***


เลิกเขียนบอกเล่าสไตล์การเขียนนิยายของตัวเองไป ตั้งแต่เกิดความหวาดระแวง และกังขากับคำว่ามิตรภาพในวงการ ใครจะว่าหยิ่งยโสหรือมองโลกแง่ร้ายก็แล้วแต่จะคิดล่ะ เพราะผมว่าควรระมัดระวังและหวงแหนมันสมองตัวเอง ดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลัง

ได้คุยกับเพื่อนร่วมวงการหลายคน ได้สาระมาเขียนบล็อก เรื่องเรตติ้ง Missed Call แล้วเกิดดวงตาเห็นธรรมขึ้นมา คนเขียนนิยายเหมือนกันท่านหนึ่ง บอกว่านิยาย Robinhood หนักขึ้นทุกทีแล้วนะ ทั้ง Missed Call ทั้ง เงาในใจ คนอ่านรู้สึกเครียดจัง เขาว่างั้น เพราะคนอ่านหลายคนบอก ตัวละครต่างมีปม มีอารมณ์เครียดขึ้ง ทุกข์ใจ เศร้าใจ มากกว่าสุข...คนเขียนใจร้าย ว่าไปโน่น (เพิ่งรู้เรอะ)

ธรรมชาติคนเราไม่ชอบอะไรที่หนักอึ้ง เครียด เศร้า ทรมานความรู้สึก นิยายของ Robinhood ดำเนินไปค่อนเรื่องแล้วยังไม่มีฉากหวานให้ชื่นใจเลย เป็นธรรมดาที่คนอ่านขอบาย ไปอ่านเรื่องที่เบาสมอง ไม่ต้องคิดมากดีกว่า แต่ผมกลับเห็นด้วยนะฮะ ถ้าไม่ไหว หนักเกินไปก็วาง เป็นผม ๆ ก็จะทำแบบนั้นเหมือนกัน 555

แต่ถ้าถามว่าแล้วยังจะแต่งนิยายแนวนี้อีกไหม แต่งสิฮะ ผมนับถือนักเขียนที่เขียนเรื่องหนักอึ้ง เวลาอ่านต้องคิดตาม มีสาระแง่คิดซ่อนอยู่ มีบางอย่างที่ล้ำลึกกว่าแค่ตัวอักษร อ่านแล้วต้องตีโจทย์หรือแก่นของเรื่องให้ออก อ่านแล้วต้องครุ่นคิดว่าคนเขียนจะสื่ออะไร อ่านแล้วทำหน้านิ่วคิ้วขมวด...ในความคิดของผม คนที่เขียนอะไรออกมาแบบนี้ได้นี่ มันช่างน่านับถือและดูเจ๋งสำหรับผมเสียเหลือเกิน แถมผมไม่นิยมอ่านนิยายรัก ไม่มีอะไรหวาน ๆ แทรกเข้ามาในสมอง ดังนั้น งานเขียนของผมอาจเป็นสิ่งที่สะท้อนจากการเลือกอ่านของผมนั่นเอง เลยออกมาหนักสมองเกินกำลังคนอ่านที่คาดหวังว่าจะได้อ่านนิยายรักที่หวานฉ่ำ ถึงตัวละครเผชิญปัญหา ก็เป็นปัญหาพื้น ๆ เกี่ยวกับเรื่องรัก หรืออย่างมากก็โยงไปยุ่งเกี่ยวกับครอบครัว อาชญากรรม ตามแต่คนเขียนจะสร้างปมขึ้นมา แต่เน้นให้พระนางได้มีปฏิสัมพันธ์กันไว้ ฉากหวานฉากหวิวอะไรใส่ไว้เป็นน้ำหล่อเลี้ยงใจคนอ่าน...จะได้ติดตามอ่านไปได้ตลอด และชื่นชอบงานของตนต่อไป...

ถามว่าผมเขียนไม่เป็นหรือ ฉากหวานฉากหวิวน่ะ 555 คนที่เขียนนิยายพอได้น่ะ ก็ต้องเขียนฉากพวกนี้เป็นกันทั้งนั้นแหละฮะ ต่างแต่ว่าใครจะใช้ภาษาได้สวยงาม ไม่ออกมาทุเรศลามก คนอ่านจะอ่านแล้วใจเต้น หน้าแดง หรือเกินกว่านั้นก็ขึ้นอยู่กับคนเขียน เบื้องหลังคือเจตนา ว่าใส่เพราะอยากชี้ให้เห็นความรักกันปานจะกลืนของตัวละคร หรือใส่ไว้เพื่อเรียกความสนใจของคนอ่านกันแน่ คนเขียนเท่านั้นที่รู้...

แต่สำหรับผม ฉากพวกนี้จะมีหรือไม่มีในนิยายผมก็ได้ ผมเป็นคนเขียน แน่นอนว่าผมก็ต้องเป็นคนเลือกว่าจะใส่หรือไม่ใส่ ถ้าใส่ จะใส่มากหรือน้อย โอ๊ย มันขึ้นอยู่กับเราฮะ ถ้าอยากให้คนสนใจนิยายเราเพราะฉากพวกนั้น ผมก็คงแต่งนิยายที่มีแต่ฉากแบบนั้นไปแล้ว และต้องใส่ไว้ตลอดเรื่อง และทุกเรื่องที่แต่ง ชิมิ

คนอ่านคงมองเห็นลาง ๆ ละว่าถ้าจะติดตามงานกันจริง ก็ต้องยอมรับว่านิยายบางเรื่องของ Robinhood จะต้องพาคุณเครียดและหดหู่ เช่นเดียวกับผมที่ยอมรับว่าคนอ่านเรื่องแนวนี้ต้องมีน้อย แต่ผมก็ยืนยันว่าถ้าสติปัญญาถึง ผมก็จะแต่งเรื่องรักหนักอึ้งออกมาอีกเรื่อย ๆ มันเป็นเหมือนการฝึกฝนฝีมือของตัวเอง ซึ่งเรานี่แหละที่ตัดสินใจจะทำเอง ดังนั้นก็ต้องตัดเรื่องเรตติ้ง หรือความรู้สึกของคนอ่านออกไป

มันคือการเติบโตของคนเขียนนิยายคนหนึ่ง แค่นั้นเอง

เกริ่นมาเสียยาว ว่าจะเล่าเรื่องขั้นตอนการรีไรต์นิยาย กว่าจะออกมาเป็นเล่มให้คนอ่านจับต้องได้ นิยายเรื่องหนึ่ง ๆ ผ่านอะไรมาบ้าง ซึ่งขอบอกเล่าเฉพาะส่วนของ Robinhood นะฮะ เพราะเท่าที่คุย ๆ กับคนร่วมวงการมา มีคำถามถามผมพร้อมอาการแปลกใจเสมอ ว่าทำไมนิยายแต่ละเล่มของ Robinhood ถึงอืดเป็นยางมะตูม เอ้ย ยางมะตอย กว่าจะหยดทีละหยด ช่างแสนนาน (รู้ไหมว่าถ้าเอายางมะตอยใส่กรวย เพื่อให้มันหยดลงมา คุณต้องรอถึง 6 ปี มันถึงจะหยดลงมาสักแหมะหนึ่ง : ข้อมูลจาก Reader’s digest เป็นงานวิจัยที่ผมอ่านแล้วหัวเราะก๊าก เพราะรู้สึกว่ามันเป็นการวิจัยที่พิลึกพิลั่น)

สาเหตุแรก คือคนเขียนเอง ที่งานเยอะท่วมหัวท่วมหู ไม่สามารถปลีกเวลาและสร้างอารมณ์มารีไรต์งานให้สนพ.ได้ เมื่อคนเขียนไม่พร้อม ต่อให้เอาช้างมาลาก เอางวงรัดก้านอ้อยตีกระหน่ำ คุณก็ไม่สามารถทำให้คนเขียนรีไรต์นิยายได้หรอก ถ้าเป็นคุณ งานประจำเยอะ งานพิเศษ จ็อบต่าง ๆ ทุกอย่างล้วนเป็นงานแลกเงินเพื่อเลี้ยงปากท้อง คุณยังจะมีอารมณ์สุนทรีเขียนนิยายหรือ นั่นคือสาเหตุว่าทำไมปีกลาย ถึงมีแต่นิยายสั้น ๆ จากผม

และเมื่อเราไม่สามารถรีไรต์นิยายได้ สนพ.ก็ต้องรอต่อไป ยิ่งสำหรับคนเขียนอย่างผมที่มองว่าเรื่องนิยายเป็นเรื่องท้าย ๆ ของรายการที่ต้องทำ งานนี้คนอ่านคงต้องหันมาเคืองผมแล้วล่ะ อย่าไปลงที่สนพ.

สาเหตุต่อมา ที่เพื่อนร่วมวงการปุจฉา ว่าทำไมนิยายผมใช้เวลานานกว่าจะคลอด ในกรณีที่ส่งต้นฉบับไปแล้ว ผมขอออกตัวก่อนนะว่า ความคิดเห็นผมอาจจะตรงไปนิด คนที่มีหนังสือออกมาแล้วอาจโกรธ แต่ถ้าอ่านไปเรื่อย ๆ จะรู้เองว่าผมหมายความว่ายังไง

มาตรฐานของการเลือกสรรงาน การพิจารณางาน และความละเอียดรอบคอบในการรีไรต์งาน ของแต่ละสนพ.นั้นแตกต่างกัน คุณกล้ายอมรับไหมล่ะ คุณเคยไหมที่อ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ๆ แล้วนึกสงสัยว่ามันได้ตีพิมพ์ออกมาได้ยังไง

นั่นแหละ คำวิจารณ์ของคนอ่าน คือกระจกสะท้อนมาตรฐานของสนพ.นั้น ๆ

แต่สมัยนี้ มันก็ใช้วัดไม่ค่อยได้เสียแล้วสิ เพราะคนอ่านบางคนก็ bias บางคนก็เจอพวกมากลากไป...

สิ่งเดียวที่จะสะท้อนคุณภาพของงานเราได้ คือตัวเรานี่แหละ อย่างที่ผมเคยบอกไว้ในตอนก่อน ๆ ว่าคนเขียนบางคนก็รู้ตัวว่าเขียนได้ไม่ดี แต่พอมีคนชมว่าดี หรือคิดว่าอย่างน้อยก็ดีกว่าคนอื่น ๆ ล่ะวะ ก็เลยหลงไปกับสิ่งเหล่านั้น ลอยตัวออกจากคำวิจารณ์ใจแง่ลบ หรือคำติติงแนะนำจากคนอ่านที่มองด้วยใจเป็นกลางจริง ๆ (จะว่าไปก็หายาก คนอ่านที่วิจารณ์งานเก่งน่ะ มีแต่ยกยอเกินไปเสียมากกว่า)

ถามว่าทำไมผมถึงดูหยิ่ง เพราะผมไม่ได้หลงว่านิยายตัวเองสนุก ดี มีคุณภาพอย่างที่หลาย ๆ คนอ้างอิงสรรพคุณเวลาจะขายของ เอ้ย โปรโมตงานน่ะสิ ใครตามผมมานานจะรู้ว่าเวลาหนังสือออก ผมเคยใช้คำพูดว่า เชิญอ่านนิยายคุณภาพ สนุก ดี อะไรทำนองนั้นหรือเปล่าล่ะ หลาย ๆ คนว่าผมหยิ่ง แต่ผมไม่เคยใช้คำพวกนั้นเวลาหนังสือวางแผงหรอกนะ กระดาก...คิดดูแล้วกัน หยิ่งกับหลงตัวเอง มันแตกต่างนะ...

ผมหยิ่งเพราะกว่าจะเขียนนิยายออกมาเรื่องหนึ่งจนจบเรื่อง ผมต้องคิด เค้นพล็อต เค้นสำนวนการบรรยาย สาระแทรก แก่นที่จะสื่อออกมา โอ๊ย ใครจะบอกว่าก็อยากหาเรื่องเดือดร้อนเองนี่...มันเป็นธรรมชาติของผมน่ะ ผมอาจเครียดถ้าเขียนเรื่องเครียด ๆ แต่มันก็ต้องเป็นอย่างนั้น เหมือนนักดนตรีที่พอเล่นทำนองหนักเร้าอารมณ์ก็ต้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวดคลอไปกับเพลง ประมาณนั้น คือหยิ่งในความเป็นศิลปินของตัวเอง ผลงานที่ออกมาเราประเมินแล้วว่าพอใจ ยิ่งไร้ที่ตินี่ยิ่งโคตรพอใจ (แต่คงต้องฝึกฝนอีกนาน)

เสร็จแล้ว ก็ส่งให้สนพ.ที่รออยู่ ซึ่งทางนั้นก็จะจัดบก.เล่มให้เรา บก.เล่มคือคนดูแลนิยายเรื่องนั้น ๆ แรกเริ่มเขาก็อ่านงานเรา อาจถึงกับเวียนกันอ่านเป็นทีมเลยก็ได้ เพื่อหาข้อติติง จับผิดนิยายเราให้มากที่สุด แล้วส่งเมนท์ให้เรา

ถามว่าตอนนั้นผมทำอะไร เหอะ ๆ ผมก็คอมเมนท์นิยายตัวเองเหมือนกัน พอได้รับเมนท์จากบก. ก็นำมาเปรียบเทียบกับเมนท์เรา ส่วนใหญ่จะตรงหลายข้อฮะ ผมว่าคนเขียนนิยายต้องรู้ว่านิยายเรามีอะไรสะดุดใจหรือผิดสังเกต นอกเสียจากว่าจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของบก.ไปหมด หรือชะล่าใจว่าตัวเองเขียนดีไร้ที่ติ อย่าคิดว่าคนแบบนี้ไม่มี...

ต่อมาก็คุยกัน ระหว่างเรากับบก.เล่ม ว่าตรงไหนที่ต้องปรับเปลี่ยน ตรงไหนต้องแก้ไข ลด ละ เลิก อะไรก็ว่าไป บก.ก็จะแบ่งงานออกเป็นส่วน ๆ เช่น บทนำถึงตอนที่ 5 นะคะ...เสร็จแล้วเป็นตอนที่ 6-10 นะคะ...ส่งวันนี้ ๆ นะคะ...เราก็ก้มหน้าก้มตารีไรต์ไป คนอื่นผมไม่รู้ แต่สำหรับผม ไม่ห่วงเรื่องพล็อตและเนื้อหา แต่สไตล์กับสำนวนต้องคงเส้นคงวา ก็จะมีบ้างที่ต้องแย้งหรือขอไว้ เช่น การใช้คำพูด การบรรยาย หรือจุดไหนที่เราอยากคงไว้เพราะเราตั้งใจ ก็จะบอกบก.ไป ซึ่งบก.ส่วนใหญ่ก็คงเหมือน ๆ กันคือไม่ขัดข้อง ไม่มีบก.คนไหนคิดอยากให้คนเขียนเปลี่ยนแนวหรือสไตล์ของตนเองหรอก ถ้างานคุณไม่ใช่แนวเขา เขาปฏิเสธงานคุณตั้งแต่แรกแล้วฮะ

ปัญหาของนิยาย Robinhood ที่พบบ่อยในการีไรต์ คือลำดับเหตุการณ์สถานที่ และการใช้สรรพนาม ยิ่งเขียนเรื่องยาว ปัญหาพวกนี้ก็จะตามมา โดยเฉพาะคนที่พล็อตยาวและเนื้อหาซับซ้อน ตัวละครเยอะ จะเข้าใจตรงจุดนี้ดีเลยล่ะ ผมแต่งนิยายเพราะอยากแต่ง ไม่ได้ขัดเกลาอยู่ตลอดเพื่อส่งสนพ. ข้อบกพร่องจึงเยอะเพราะเราโพสแล้วก็แล้ว ไม่ได้ย้อนดูอีก ดังนั้น จึงมีคนเขียนนิยายหลาย ๆ คนที่เลือกเขียนนิยายง่าย ๆ ขายจุดอื่นดีกว่าตะกายทำให้มันยาก ว่างั้นเถอะ นี่แหละ คือความแตกต่างที่ผมพูดถึงตอนเริ่มเล่าละ ในเมื่อเนื้องานแตกต่างกัน มาตรฐานของบก.ต่างกัน นิยายที่ออกมาเป็นรูปเล่ม ก็ย่อมมีความแตกต่างกัน แต่ตรงไหนบ้าง ถ้าบอกไปคงจี้ใจดำคนที่ไม่ยอมรับความจริงเรื่องฝีมือตัวเอง เอาเถอะ ผ่านไปละกัน

ต่อมา เมื่อรีไรต์กลับไปมาระหว่างคนเขียนและบก.เล่ม จนเป็นที่พอใจทั้งสองฝ่าย นี่ในกรณีผมนะ คือผมก็ต้องพอใจด้วย ว่าเอาละ ไม่มีตรงไหนสะดุดใจอีกแล้วนะเรา ทีนี้ถือว่าหน้าที่ในการรีไรต์เฉพาะเรื่องนี้สิ้นสุดแล้ว เราว่าแค่นี้ แต่คนอ่านที่กำลังจะเปิดอ่าน อาจมองเห็นรูรั่วหรือข้อบกพร่องอื่น ๆ ที่เรามองไม่เห็น ก็ว่ากันไปตามใจใครใจมัน ออกมาเป็นคำวิจารณ์ในที่สุด ซึ่งนั่นเป็นเรื่องอนาคต

แต่แอบกระซิบนะ...บางทีคนอ่านก็วิจารณ์มาจากมุมมองของเขาเอง ซึ่งถ้าสิ่งที่เขาติง มันเป็นเจตนาของผมที่ตั้งใจเขียนออกมาแบบนั้น ผมก็จะเฉย ๆ หรือชี้แจง แต่ถ้าติงเรื่องที่ผมเห็นด้วย ยิ่งเป็นตอนที่กำลังโพส ผมก็จะน้อมรับทันทีฮะ ดีเสียอีกเจอคนตาแหลม เพราะบางทีเราไม่ได้กลับมาย้อนอ่านไง ซึ่งสิ่งที่คนอ่านติงนั้น กว่าผมจะมองเห็นก็ตอนรีไรต์ ผมถึงได้บอกว่าใครเห็นอะไรแปลก ๆ หรือสะดุดใจก็ติง ณ เวลานั้นเลย ไม่อย่างนั้นผมลืม มันจะมีประโยชน์เวลารีไรต์มาก คนเขียนที่เขียนเอาสนุกเรียกเรตติ้งไปวัน ๆ ปรารถนาแต่เมนท์เยอะ ๆ มีแต่คำชมนี่ จะไปหนักตอนรีไรต์ ถ้าเจอบก.คุณภาพคับแก้ว ใครไม่เจอก็โชคดีไป สบาย ๆ พายเรือในอ่างไปเรื่อย ๆ

ลำดับถัดมา ทางสนพ.เขาก็ทำปก บนปกต้องมีชื่อเรื่องถูกไหม อย่างนิยายผม ชื่อเรื่องเคยถูกเสนอให้เปลี่ยน อย่างหนุ่มม.ปลาย ผมก็ขอเอาไว้ฮะ ส่วนเรื่อง The Milky Way บก.บอกว่ามันดราม่านะ ชื่อ ทางรัก บนแสงดาว มันฟังดูโรแมนติกไปหรือเปล่า ทั้งที่เรื่องจริง ๆ มันหนัก (อีกแล้ว) ผมก็โอเคนะ จะเปลี่ยนก็ได้ คือจะเห็นว่าแม้ผมจะรั้น แต่อะไรที่หยวน ๆ ได้ก็จะหยวนไป

อย่างเรื่องหนุ่มม.ปลาย โดนติงเรื่องชื่อมาก แต่ผมรู้สึกเฉย ๆ อันไหนที่เป็นความตั้งใจของผม คำวิจารณ์หลังจากนั้นคือสายลม ฟังดูหยิ่งใช่ไหม...แต่นี่แหละ คือตัวเราล่ะฮะ คุณจะหยิบมาอ่านไหมล่ะ ถ้านิยายเรื่องนี้ชื่อ ‘รักต่างวัยหัวใจแอ็บแบ๊ว’ หรือ ‘รักใส ๆ หัวใจต่างขั้ว’ หรือซีเรียสหน่อยก็ ‘หวานใจยายโคแก่’ ‘หวานใจของนายละอ่อน’....555 เพ้อฝันไปมั้ง ไม่ใช่แนวผม เวลาตั้งชื่อเรื่องนี่พออ่านแล้วได้กลิ่นเน่า ๆ ตุ ๆ ผมก็เวียนหัวละ ทางรัก...บนแสงดาว ย้อนเวลาตามหาหัวใจ...คิดได้ไงวะ ถ้าเปลี่ยนได้ก็จะเปลี่ยน แต่ถ้าไม่ได้ก็ต้องปล่อยมันไปตามยถากรรม

อย่าลืมสิว่า คนเขียนไม่นิยมอ่านนิยายรัก แค่ชื่อเรื่องก็ยากจะแหววแล้ว

ถัดมาก็เขียนคำนำ เนื่องจากล่าช้ากว่าใครเขาอยู่เรื่อย ก็ต้องเกริ่นที่มาของเรื่อง ตอนนี้เป็นเทรนด์ไปแล้วมั้ง ว่าต้องชิงเขียนบอกว่าแนวนี้ฉันเขียนก่อนนะ นี่เอกลักษณ์ของฉันนะ อะไรนั่นน่ะ ผมก็จะเบะปากนิด ๆ ประมาณว่า ‘ย่ะ...ไม่ต้องเสนอหน้าบอกหรอก นิยายแนวนี้มีคนเขียนก่อนหล่อนมาราว ๆ สามสิบปีแสงแล้วละ’...555 ล้อเล่นน่ะ ความจริงคือปกติต้องเขียนบอกแรงบันดาลใจใช่ไหม แต่ทีนี้พอมาเล่มที่สอง ชักรู้สึกเบื่อ ๆ ที่ต้องโกหก..เพราะความจริงไม่มีแรงบันดาลใจหรูหราอะไรกับเขาหรอก แต่จะให้คนอ่านเปิดเจอคำนำว่า

‘เขียนเพราะอยากเขียน...ขอบคุณแม่และแมวที่เป็นกำลังใจมาโดยตลอด...’

จบ...น่าเกลียดสิท่า ก็เลยต้องปรุงแต่งกันหน่อย แต่ตอนนี้รู้แล้วว่าจะเขียนคำนำยังไง ไม่อยากเหมือนคนอื่น แต่ไป ๆ มา ๆ แรงบันดาลใจเรื่องหลัง ๆ ก็ไม่ค่อยเหมือนคนอื่นอยู่แล้วนี่ เหอะ ๆ เดี๋ยวก็รู้...

พอทางสนพ.ทำปกเสร็จ ก็ส่งมาให้เลือก เราก็ติติงไปตามชอบ แต่ผมไม่ค่อยซีเรียสเรื่องปกเท่าคนซื้อนะ คือผมก็วาดรูปเหมือนกัน พอจะเข้าใจคนวาด เขาทำแบบไหนออกมาส่วนใหญ่ผมจะโอเคนะ ไม่ค่อยเรื่องมากหรอก ความสวยงามนี่ตัดไปเลย คนวาดว่าไงว่าตามกัน เขาว่าสวยผมก็ว่าตามเขา ยกเว้นรายละเอียดที่สอดคล้องกับนิยาย อย่างตอนแรกภาพนายเบสผมยาว ผมก็ติงไปว่าเรียนรด.นะ ผมน่าจะเกรียน...แค่นั้นแหละ เรื่องความสวยงาม องค์ประกอบ ผมยกให้คนทำกับสนพ. ยังไงก็ได้ฮะ (เหนื่อยแล้ว 555)

หลังจากนั้นก็เป็นเรื่องค่าตอบแทน ซึ่งจะเซ็นสัญญากันอย่างไรตอนไหนผมขอข้าม เพราะแต่ละที่ไม่เหมือนกัน สนพ.เขาจัดการเรื่องการตลาด กำหนดวางแผงอะไรไปตามเรื่องตามราว เราก็รอว่าจะได้หนังสือฟรีเมื่อไร เอามาแจกคนอ่านและบรรดาแร้งกา พอได้หนังสือมา ถามว่าผมเปิดอ่านไหม อ่านสิฮะ อย่างน้อย 1 ครั้งเชียวนะ เพื่อหาคำผิดไง แล้วก็เปรียบเทียบรูปเล่ม ตัวหนังสือ การจัดย่อหน้า...แล้วไงต่อน่ะรึ ก็ลืมไปเสีย...จบสิ้นไปอีกเรื่องหนึ่งแล้วนี่ พอกันที (ข้อเท็จจริง : อ่านยาใจ 2 รอบ และอ่านหนุ่มม.ปลาย 1 รอบ)

เป็นไงฮะ ขึ้นตอนการรีไรต์นิยายเรื่องหนึ่ง ๆ ยากไหม ยากไม่ยากอยู่ที่ตัวคนเขียนจริงไหม ผมยังนึกไม่ออกว่าถ้ามีเวลาให้นิยายมากขึ้น จะรีไรต์ได้ดีกว่าเดิมหรือเปล่า แต่ก็ตั้งเป้าไว้ว่าต้องดีกว่าสิวะ เขียนจบเรื่องถือปังตอรอไว้เลย สับนิยายตัวเองให้เละ แล้วรอคุยกับบก.เล่ม

นี่แหละ Robinhood ...เรื่องดีอกดีใจที่ได้พิมพ์ เรื่องค่าตอบแทน ความกระวนกระวายเรื่องวันเวลาวางแผง หรือการโปรโมต พับไปเลย คุณอยากเก่ง คุณต้องโฟกัสไปที่เนื้องาน และกล้าหาญที่จะส่งงานเข้าปากเสือ คือสนพ.ที่เป็นที่ยอมรับในวงกว้างว่ามีคุณภาพ (กระทบใครอีกละ ช่วยไม่ได้นิ) มองที่ตัวเองกับคำวิจารณ์ของมืออาชีพฮะ อย่ามองเรตติ้งหรือแค่คนอ่านกลุ่มน้อย กระจกเงาบางทีก็พร่ามัว อย่าหลอกตัวเองแล้วคุณจะรู้จักคำว่าพัฒนา

อ่อ...วกเข้าเรื่องนิยายนิดหนึ่ง เดี๋ยวคนอ่านจะหาว่าอะไรวะ เขียนบล็อกธรรมดายังหนักสมองอีก...555

ตอนนี้ผมกำลังดึงเบรกมืออัพนิยาย เพราะพอมาอยู่เชียงใหม่ ก็เสพย์งานแปลเข้าไปเสียจุก คือเช่ามาอ่านทุกวัน ถ้านับว่าอ่านเรื่องอะไรไปบ้าง อืม...ผมไม่เคยจดไว้ ว่าจะจดเพราะอยากรีวิว แต่ก็ลืมทุกที เอาเท่าที่จำได้นะฮะ

ฆาตกรรมระดับ 7, เหตุที่ฆ่า, เสียงกระซิบสังหาร, เครดิตมรณะ, คินดะอิจิ ตั้งแต่ตอน 1-10, ปริศนาคำสารภาพ, อุโมงค์, บันได 13 ขั้นจากแดนประหาร, โทรศัพท์สลับมิติ, เพื่อนทางจดหมาย, เขี้ยว, ฤดูร้อน ดอกไม้ไฟ และร่างไร้วิญญาณของฉัน, สถานีผีสิง, คนขุดสุสาน, สารลับจากความตาย, ริง คำสาปมรณะ, ผี...ดุ, Zoo, ปริศนาตลาดนัดราตรี ฯลฯ จำไม่ได้แล้วฮะ แต่เรื่องที่ยังไม่ได้อ่านก็มีนะ เช่น ปริศนาใต้บาดาล, ความลับ, ฉันหายไปในวันหยุด, คดีตัดข้อมือ, ฆาตกรรมในร้านหนังสือ ฯลฯ ซึ่งเหตุผลคือหาอ่าน (เช่า) ไม่ได้ และบางทีก็เข็ดนักเขียนจนไม่กล้าอ่านเรื่องต่อ ๆ ไปของเขาอีกฮะ 555

ในที่สุดก็ได้ ผีหลอก ของสรจักรมาครอบครองสมใจ ขอบคุณเพื่อนเลิฟ น่ายินดีที่มติชนพิมพ์งานล็อตนี้ของนักเขียนในดวงใจผมออกมาอีก (เพื่องานหนังสือหรือเปล่านะ ช่างเถอะ ดีแล้ว)

หนังสือที่เพิ่งอ่านจบไปคือ ‘เปรู...โซโล’ , ‘นางาซากิ : ยลเสน่ห์ล้ำ ย้ำอดีตลึก’ และ ‘สาวไทยระวัง! ฝรั่ง’

พออ่านแนวสืบสวนสอบสวนติด ๆ กันชักเครียดเลยหันมาอ่านเรื่องราวไกลตัว และที่หยิบมาอ่านบ่อย ๆ ก็การ์ตูนโดราเอมอน คลายเครียดได้ดีทีเดียวฮะ

บอกบก.ไปว่า ชอบอ่านหนังสือของ National Geographic ซึ่งเป็นสนพ.ในเครืออมรินทร์ด้วย (เรื่องของเรื่องคืออยากรู้ว่าเราจะมีสิทธิพิเศษอะไรไหม แบบว่าส่วนลด เพราะหนังสือของ National Geo นั้นแพงบาดใจทุกเล่มจริง ๆ) บก.ยิ้มมีเลศนัย และพูดเป็นนัย ๆ ด้วยว่า ก็มีนะ...ถ้าออกหนังสือกับเราหลาย ๆ เล่มละก็...อิอิอิ

รู้สึกว่าท่านบก.จะได้ข้อต่อรองที่คาดไม่ถึงกับเราแล้วล่ะ...555






Create Date : 03 เมษายน 2551
Last Update : 3 เมษายน 2551 12:00:17 น. 4 comments
Counter : 751 Pageviews.

 
ขอบคุณสำหรับข้อแนะนำฮะ


โดย: Kirasorn IP: 124.120.129.42 วันที่: 4 เมษายน 2551 เวลา:0:33:15 น.  

 
รู้อย่างงี้แล้ว เป็นคนอ่านต่อไปกดีกว่าค่ะ ทำงานเก็บเงินรอซื้อมานอนกลิ้งไปกลิ้งมาอ่านดีกว่า
เป็นกำลังใจให้ต่อไปค่ะ


โดย: ปิศาจสัญจร IP: 210.203.160.225 วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:16:07:47 น.  

 
อิอิ >X<
คุณโรบิ้นนี่ยังเหมือนเดิม ใช้ภาษาให้เราเห็นภาพดีเชียว พึ่งรู้น่ะค่ะเนี่ยว่า ทำไมการรีไรท์นิยายถึงสูบเอาพลังคนเชียนไปได้มากมาย สู้ๆๆๆ น่ะค่ะ

ปล. (ไม่ได้อยากทวงน่ะ แต่เค้าเป็นแฟนตัวจริงของเอียนกะทอป่านแหละ )


โดย: Kwanita IP: 58.8.157.203 วันที่: 9 เมษายน 2551 เวลา:19:52:19 น.  

 
แค่คิดตามก็เหนื่อยแล้วล่ะคะ

ส่วนตัวเรานะเราว่าบางครั้งการที่เราได้อ่านนิยายหนักๆ ได้เห็นอะไรต่อมิอะไรในเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับตัวละคร มันเป็นการทำให้สมองเราได้ทำงานและทำให้การอ่านนิยายเป็นเรื่องที่น่าสนุกและน่าติดตามกว่าการอ่านนิยายที่มีอยู่กลาดเกลื่อนตามหน้าเวบนะ จริงอยู่ว่าอาจจะสนุกสนานกับความกุ๊กกิ๊กของพระนาง แต่เรื่องแบบนี้อ่านไปมากๆมันก็เฝือแล้วก็ทำให้เรื่องไม่น่าติดตาม

ขอบคุณคุณเอ็กซ์นะคะที่เขียนเรื่องแบบนี้ให้ได้อ่านกัน


โดย: Na IP: 136.8.5.100 วันที่: 21 เมษายน 2551 เวลา:14:21:04 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

BAHAMAS
Location :
อุทัยธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




 "Robinhood : คนที่จับพลัดจับผลูมาเขียนนิยาย และมีอุ้งมืออบอุ่นของคนอ่านรองรับ  ไม่มีอะไรจะตอบแทน   นอกจากจะพยายามเขียนนิยายที่คนอ่านชอบไปเรื่อยๆ"


จำนวนผู้เข้าชม



Friends' blogs
[Add BAHAMAS's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.