==>>มนุษย์ถูกสร้างให้มีหูและตาอย่างละสอง แต่มีปากเพียงหนึ่ง เพื่อให้เรา 'มอง' และ 'ฟัง' มากกว่า 'พูด'<<==
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2559
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 มีนาคม 2559
 
All Blogs
 

[ญี่ปุ่น 11 วัน หิมะ&ซากุระ] วันที่ 9 เจอซากุระที่คาวาซุ





วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2559


เช้านี้เราตื่นกันเร็วหน่อยคือประมาณ 7 โมง เพื่อนบางคนตื่นกันตั้งแต่6 โมงแล้ว ตื่นมาอาบน้ำ แต่งหน้า แล้วกลับไปนอนต่อ Smileyส่วนเราไม่มีปัญหา กันแดดกับแป้งเด็กก็อยู่ได้แล้ว 5555


อาบน้ำอะไรแล้วก็ต้องหาอะไรรองท้อง 

ขนมนี้เราซื้อมาตั้งแต่เมื่อคืนกินคู่กับชานม แบบอุ่น ๆ รสชาติก็พอกินได้ ขนมไม่ค่อยหวาน โอเคเลย 




จากนั้นก็เดินทางออกจากที่พักกันตอน 8 โมงกว่าๆ เพราะรอบรถไฟจะออกตอน 9 โมงเกือบครึ่ง ไปก่อนเพราะไม่อยากเร่งมาก เดี๋ยวลน





จอง LTD. exp super view นะคะ ส่วนขบวนต้นไม่ต้องจองค่ะ

คิดว่าไม่มีอะไรผิดพลาดแต่แล้วก็มีจนได้ เพราะรอบรถ 9.24 น. ไม่มีในตารางเดินรถ Smiley ตอนที่รอ เราก็มองป้ายไฟไปเรื่อยๆ แล้วมันก็เวลานาทีนี้ไป กลายเป็นรอบต่อไปคือ 9.3x เราก็เฮ้ย! อะไรอ่ะ รอบ .24 มันไปไหน นี่เรามาขึ้นถูกนะ แทรก 10 ไง มองหาเจ้าหน้าที่ เขาก็ชี้ว่าตรงนี้แหละถูกแล้ว จนเลยเวลาที่เราจะขึ้น ก็เห็นเจ้าหน้าที่เดินผ่านมา เราก็เอาตารางไปให้เขาดูอีก เขาก็มองๆ แล้วหันไปดูในใบตาราง แล้วบอกว่าตรงนี้ ขึ้นขบวนต่อไปได้เลยเพราะไปโยโกฮาม่าเหมือนกัน เราก็แบบอะไรว้า Smiley ไปขึ้นอีกขบวนไม่ทันแน่ๆ ทำไมเปลี่ยนขบวนแบบนี้ ทำไมเจ้าหน้าที่คนแรกไม่บอกว่ารอบนี้ไม่มี 




รอบใหม่ที่เราขึ้น เราไม่ได้ลงที่โยโกฮาม่านะคะ แต่นั่งยาวไปลงที่ Atami เลย เพราะดูจาก Timetable แล้วมันไปถึงโน่นได้ ไม่ต้องต่อหลายเที่ยว แทบจะหลับยาวเลยทีเดียว

จากนั้นก็ต่ออีกขบวน ตอนแรกคิดว่าไม่ทันแล้ว เพราะมีเวลาแค่ 10 นาที แล้วตอนนั้นก็ปวดเข้าห้องน้ำด้วย แต่โชคดีที่ขบวนจอดใกล้ๆ กัน คือพอจอดปุปก็เดินลงมาแล้วขึ้นไปบันไดใกล้ๆ กัน เหมือนว่าขบวนจอดที่แทรก 3 เราก็เดินลงแล้วไปขึ้นที่แทรก 2 อะไรแบบนั้นแล้วตอนนั้นเรารีบเดินไปห้องน้ำด้วย รอคิว 2-3 คน จากนั้นก็รีบวิ่งขึ้นบันได เหลืออีก 2-3 นาที ทันพอดี 

รถก็ขับไปเรื่อยๆ ที่เห็นในตารางว่าเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีชมพู อันนั้นไม่ต้องเปลี่ยนขบวนนะคะ นั่งยาวๆไปเลย ช่วง Ito ไป kawazu รถขับรถมาก หูอื้อเป็นพักๆ ตลอดทางจะเป็นอุโมงค์ส่วนใหญ่ มองแล้วเหมือนระเบิดภูเขาเพื่อทำทาง ฝั่งหนึ่งเป็นป่า อีกฝั่งเป็นทะเล บรรยากาศดีมาก คนในรถไม่เยอะ นั่งกันแบบสบายๆ

บ่ายโมง! เราก็มาถึงคาวาซุจนได้ ช้ากว่าเวลาเดิมไป 1 ชม.เต็ม




ตอนที่ออกจากสถานี เนื่องจากเราใช้ JR Pass ซึ่งสายนี้ JR จะไม่ครอบคลุมนะคะ ตอนที่ออกก็ยื่น JR ให้เขาดู แล้วเขาก็จะถามว่ากี่คน จริงๆ ไม่ได้ถามหรอก แค่ทำมือวนๆ ว่าแค่นี้ใช่ไหม เราก็บอกว่า 5 คน เขาก็จิ้มเครื่องคิดเลขเพื่อจ่ายค่าส่วนต่าง คนละ 1,370Y แพงนะ Smiley แต่ถ้านั่ง LTD. exp super view ต้องจ่ายเพิ่ม 1,880Y (มั้ง) อันนี้เท่าที่หาข้อมูล จะมีเจ้าหน้าที่มาเดินตรวจตั๋วบนรถและเก็บเงินบนรถเลย ข้อมูลอันนี้เราไม่ชัวร์นะคะ แต่คิดว่าน่าจะเป็นแบบนี้ เพื่อจะได้ไม่ปนกันว่าผู้โดยสาารมาขบวนไหนกันแน่  ส่วนขบวนธรรมดาก็จะเก็บส่วนต่างก่อนออกจากสถานี 

แต่ถึงยังไงก็เตรียมเงินส่วนต่างไว้แล้วกันค่ะ ถ้านั่งแบบขบวนจองก็ 1,880Y แต่ถ้าเป็นขบวนธรรมดาก็ 1,370Y

เอาล่ะ บ่ายแล้วเนอะ หาอะไรกินกันก่อนดีกว่า เดินหายากมาก เวียนไปวนมาอยู่หลายรอบ ในที่สุดก็เจอซุปเปอร์มาร์เกต 








รสชาติโอเคค่ะ ราคาไม่แพงเกินไป

เราทึ่งถังขยะที่นี่มาก คือเราก็รู้อยู่แล้วเนอะว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่แยกขยะได้อย่างดีเยี่ยม แต่ที่นี่ดีกว่า เพราะขยะรีไซเคิลต้องล้างและตากให้แห้งก่อนเอามาทิ้ง! ตอนแรกเราไม่รู้ ก็ไปเปิดดู ตอนนั้นเห็นว่าเป็นจานโฟม เราก็ใส่แก้วกระดาษที่ได้จากร้านชิมฟรีลงไป เพื่อนทักว่า สะอาดยันขยะเลยประเทศนี้ 5555

ตอนหลังกินข้าวเสร็จ เพื่อนจะเอาไปทิ้งอีก คือจะทิ้งพวกกล่องโฟมลงไป เขามาห้ามแล้วอธิบายให้ฟังว่าต้องเอาไปล้างก่อน Smiley กรรม! เมื่อกี้เราทิ้งแก้วกระดาษลงไปแล้ว ขอโทษด้วยค่ะ เราไม่รู้จริงๆ Smiley เห็นแค่คำว่ารีไซเคิลและรูปถ้วยชาม เลยคิดว่าทิ้งได้


วันหลังจะดูให้ละเอียดมากกว่านี้ค่ะ 


กลับมาที่การเที่ยวของเราต่อ ก่อนจากสถานีเอาแผนที่มาแล้ว ก็เดินตามทางเลย ก่อนจะถึงจุดชมซากุระ จะมีซุ้มขายของ พวกขนมโมจิใส้ต่างๆ 




ระยะทางจากสถานีไปจุดชมซากุระที่อยู่เลียบคลอง ค่อนข้างไกลกัน แต่ไม่เป็นไรค่ะ อากาศกำลังดี มีแดดแต่ไม่ร้อนก็เดินกันได้ สบายๆ
















บางต้นก็เตี้ยๆ สามารถยื่นหน้าเข้าไปถ่ายได้





เดินไปเรื่อยๆ ชักหนักๆ มึนๆ หัว เพิ่งนึกออกว่ายังไม่ได้กินกาแฟ คือเราต้องกินกาแฟตอนเช้า  ไม่งั้นจะปวดหัว มึนหัว ไมแกรนขึ้น ก็เริ่มรู้สึกไม่สบายตัวเพราะปวดต้นคอและปวดบ่ามาก แวะตู้กดน้ำด่วนๆ ได้กาแฟร้อนมา 1 กระป๋อง

พอสักครึ่งชม. อาการปวดหัวค่อยดีขึ้นหน่อย Smiley









เราเริ่มเดินตั้งแต่บ่าย 3 กว่าๆ พอ 5 โมง ร้านค้าเริ่มปิดแล้ว เรายังเดินไม่ถึงครึ่งทางเลย คนก็ทยอยกับกลับแล้ว จากตอนแรกที่เดินๆ เบียดๆ ก็กลายเป็นร้าง นานๆ จะเดินผ่านมาสักคน








เรารอจนถึง 6 โมง เพราะเขาจะเปิดไฟตอน 6 โมงถึง 3 ทุ่ม




เห็นแล้วค่อนข้างผิดหวัง Smileyเพราะมันมีแค่นิดเดียว ไม่เหมือนในรูปและไม่เหมือนที่ตั้งความหวังไว้ เพื่อนบอกว่าโคมไฟถนนยังสว่างกว่าอีก 5555 แต่เมื่อนั่งรอแล้วก็ต้องดูเสียหน่อย จุดที่เปิดไฟมีย่อมเดียวและไกลจากสถานีมาก Smiley เพื่อนที่มีกล้องเดินลงไปถ่ายด้านล่าง ส่วนเรากับเพื่อนคนอื่นนั่งรออยู่ที่บันได พอสัก 6 โมงกว่าๆ ก็เดินกลับ ตอนนั้นก็มืดแล้วล่ะ ไม่มีนักท่องเที่ยวเลย เขาคงบอกต่อๆ กันมาแล้วมั้งว่าช่วงเปิดไฟไม่ได้สวยเหมือนในรูป ก็เดินๆ หยุดๆ กลับไปที่สถานี

จริงๆ รอบที่เราจะกลับคือ 3 ทุ่มกว่า คือกะว่าจะอยู่จนปิดไฟเลย แต่พอไม่เป็นไปตามแผนก็กลับเร็วแล้วกัน ตอนนั้นก็ประมาณทุ่ม ซื้อตั๋วที่ตู้แล้วผ่านประตูเข้าไปเลย เหลืออีกไม่ถึง 5 นาที รถไฟจะออกแล้ว 5555 แบบว่าต้องให้ลุ้นตลอด เวลามีทับเถก็มัวแต่รีๆ รอๆ อยู่ได้ ดูสิ ต้องวิ่งอีกแล้ว เพราะถ้าพลาดรอบ 1 ทุ่มก็ต้องรอตอน 2 ทุ่มเลย แล้วเมืองนี้ก็เงียบมาก ไม่มีอะไรให้กินเลย


มีเรื่องประทับใจที่เมืองนี้อีกแล้ว อย่างที่รู้ๆ กัน ที่ญี่ปุ่นจะเคร่งเรื่องการข้ามถนนมาก ตอนนั้นเราจะข้าม เราหันหน้าไปทางถนน คือยังไม่ได้จะข้ามนะ หันตัวไปรอเฉยๆ เพราะเพื่อนอีก 3 คนกำลังเดินตามหลังมา กะว่าจะข้ามพร้อมกัน แล้วตอนนั้นก็มีรถคันหนึ่ง ขับมาอย่างเร็ว เปิดเสียงเพลงดังลั่นถนนเลย แต่พอเราหันหน้าไปที่ถนน รถคันนั้นก็ชะลอ นึกภาพดู ขับมาอย่างเร็ว แล้วก็ชะลออย่างไว เราอยู่อีกฝั่ง คือถ้าเขาจะขับไปก็ได้นะ แต่เขาเลือกที่จะจอด ทั้งๆ ที่เราเพิ่งจะหันหน้าไปที่ถนนเอง พอเขาจอด เรากับเพื่อนเลยต้องข้าม ก็ผงกหัวขอบคุณเขา พอเราถึงฟุตบาธ เขาก็เหยียบคันเร่งเสียงดังแล้วขับไปเลย แบบว่าประทับใจมาก แว๊นซ์ขนาดนี้ยังมีมารยาทจอดให้คนข้ามอีก Smiley


กลับมาที่ขบวนรถกันต่อ เราก็นั่งไปเรื่อยๆ ไปลงที่สถานี Ito ตอนนั้นก็ดูเวลาไว้แล้วคือน่าจะถึงสัก 2ทุ่ม เราก็นั่งหลับไป จู่ๆ เพื่อนก็พูดว่าถึงแล้ว เราก็ลืมตาแล้วดูนาฬิกา เพิ่งจะหนึ่งทุ่มห้าสิบ เราก็เอ่อ ถึงเร็วดีเนอะ ก็เดินผ่านประตูออกไป แต่สายตาเหลือบไปเห็นป้ายสถานีบอกว่า Futo เฮ้ย ผิดสถานี ไม่ใช่ๆๆ กลับมาๆๆ ยังไม่ถึง Smiley เรียกเพื่อนกลับมาแทบไม่ทัน 5555 เพื่อนบอกว่าได้ยินอะไร โต้ๆ เราว่าอันนี้ ฟุโต้ แต่เราจะไปลงอิโต้ เฮือก โล่งใจ เกือบตกรถแล้วมั้ยล่ะ  Smiley

เอาล่ะ เวลาเป๊ะมาก ถึง Ito 2 ทุ่มนิดๆ ตอนนั้นเช็กเวลาแล้ว มีเวลา 1 นาที เพื่อจะต่อรถไปยัง Atami โชคดีที่อยู่ใกล้ๆ กันคือลงจากรถปุปก็เห็นรถอีกขบวนจอดอยู่เลย ป้ายไฟข้างรถบอกว่า For Atami ไม่ต้องคิดไรแล้ว ขึ้นไปเลย พอเช็กจาก Timetable เลยรู้ว่าคันนี้วิ่งยาวไปถึงโตเกียว เอาล่ะ ถึงช้าหน่อยก็ไม่เป็นไร เพราะเราเห็นเพื่อนเหนื่อยแล้ว ตอนที่นั่งคือหัวโคลงตาปรือหมดแล้ว ถ้าให้ไปต่อชินกันเซ็น วิ่งวุ่นหาชานชาลาและยังไม่รู้ว่าจะเป็นขบวน All Reserved เหมือนตอนที่กลับจากทากายาม่าหรือเปล่า เลยไม่อยากเสี่ยง คือถ้าลงที่ Atami และนั่งชินกันเซ็นจะถึงโตเกียวก่อน 4 ทุ่มแต่ถ้านั่งยาวก็จะถึงตอน 4 ทุ่มกว่าๆ เวลาต่างกันครึ่งชม.ก็ไม่เป็นไร นั่งยาวเลยดีกว่า


4 ทุ่มกว่าๆ ถึงโตเกียวแล้ว หิวๆๆๆ อีกแล้ว 555 เป็นทริปที่หิวตลอดเวลาจริงๆ ก็เดินไปที่ชั้นใต้ดินฝั่งห้างไดมารุ ร้านเริ่มปิดกันแล้ว เราหาร้านอาหารไม่เจอเลย (เพิ่งจะมาเจอวันกลับ เป็นโซนแถวตึก 1st ร้านอาหารเยอะมาก) เพือ่นก็หิวกันเลยตัดสินใจว่าออกไปหาอะไรกินด้านนอก รอบๆ สถานีน่าจะมี  แต่...คิดผิดอีกแล้ว เดินตามๆ กันไปไม่รู้เข้าซอยไหน น่าจะเป็นผับมากกว่า เพราะมีหนุ่มๆ ออกมาเรียกแขกด้วย แต่เขาไม่เรียกพวกเรานะ 55555 Smiley คงมองออกแหละว่าชะนีกลุ่มนี้มาหาข้าว ไม่ใช่ยอดข้าว 5555 แต่ในที่สุดเราก็เจอร้านค่ะ


เป็นร้านราเม็งข้างถนน บ้ามาก อากาศก็หนาวจะตายชัก ยังจะมานั่งกินร้านรถเข็นอีก 




คนขายเป็นลุงสูงอายุ เชื่อเถอะว่าคุยกันไม่รู้เรื่อง เรากับเพื่อนก็ไปยืนอยู่ที่หน้าร้าน ลุงไม่สนใจ มีเหลือบมองแล้วหันไปหั่นหมูต่อ Smiley ตอนนั้นก็มีแก๊งก๋งเหล้าคงเพิ่งออกจากร้าน แวะมากินอะไรร้อนๆ เขามาถึงก็สั่งๆๆ แล้วก็ไปนั่งเลย เราก็อ้าว แล้วพวกตูจะนั่งตรงไหนวะ เพื่อนเห็นเขาใส่สูทก็คิดว่าน่าจะพูดอังกฤษได้ เลยให้เขาช่วยสั่งให้ 

เขาพูดได้จริงๆ ค่ะ และที่เซอร์ไพร์สกว่านั้นคือ เขาพูดไทยได้ กรี๊ดดดด ดีใจอ่ะ เขาเคยมาทำงานที่ไทย 6 ปี เลยพอพูดได้บ้างนิดหน่อย โชคดียืนไกลจากเรา เพราะเราพูดกับเพื่อนว่า ขี้หลีว่ะ 5555 หวังว่าคงไม่ได้ยิน 

เพิ่งรู้อีกอย่างว่าคนวัยทำงานของญี่ปุ่นเขาจะทำๆๆๆ แบบไม่เที่ยวกันเลย กลุ่มเพื่อนของคนที่เคยมาทำงานที่ไทย เขาถามเพื่อนว่า พักอยู่ที่ไหน เพื่อนบอก Oku ห่างไป 2 สถานี เขาก็งงๆ ว่าแล้วมาลงที่โตเกียวทำไม เขาไม่รู้จักสถานี Oku แล้วถามว่าเราไปไหนมา เพื่อนบอกไปคาวาซุ คนญี่ปุ่นก็ทำหน้างงๆ เหมือนว่าไปทำอะไรที่นั่น และถามต่อว่าไปเที่ยวไหนมาบ้าง เพื่อนก็บอกว่าไปทากายาม่า ไปชิราคาว่า มาหลายวันแล้ว และมาจากโอซาก้า เขาแบบตกใจเลย บอกว่าค่าใช้จ่ายแพงมากนะ ต้องนั่งชินกันเซ็นนะ เพื่อนก็บอกว่าใช่ นั่งชินกันเซ็น


คือ เขาไม่รู้เหรอว่านักท่องเที่ยวใช้ JR Pass แบบเหมาจ่ายไปแล้ว นั่งชินกันเซ็นได้ตลอด ก็แปลกดีเหมือนกัน




ราคา 850Y แพงนะ



รสชาติราเม็งแท้ๆ เส้นนุ่มอร่อย หมูเขาก็อร่อย แต่น้ำซุปเค็มไปนิด แต่เพื่อนบอกว่าโอเคเลย แต่มีชามนึงเขาเทซอสดำๆ ไปเยอะมาก จ้ะ ไม่ต้องเดาเนอะว่าใครได้ชามนั้นไป Smiley

โอเค อิ่มแล้วเดินทางกันต่อเถอะ ใครบอกว่าสถานีโตเกียวไม่เสียงดัง แนะนำให้ไปเดินช่วง 5 ทุ่ม เดินกันมาแค่ไม่กี่คนแต่เสียงดังโวยวายยิ่งกว่ามีคนอยู่กันเต็มสถานีซะอีก ส่วนใหญ่เป็นพวกที่กลับจากดื่ม เพราะแต่ละคนหน้าแดงมาเชียว แต่ดีนะคะที่เขาไม่ได้กินจนเมาไม่ได้สติ แต่โวยวายเสียงดังกว่าปกติ



กว่าจะถึงที่พักก็เกือบเที่ยงคืนเลย 5555 ไม่เคยถึงที่พักก่อน5ทุ่มเลยสักวัน กว่าจะได้นอนก็เหมือนเดิม...ตีสอง



พรุ่งนี้สบายๆ แล้วค่ะ เดินเที่ยวโตเกียวกันต่อ ต้องเก็บกระเป๋าแล้วนะ จะกลับแล้วเหรอ ยังเที่ยวไม่อิ่มเลย




 

Create Date : 22 มีนาคม 2559
1 comments
Last Update : 29 มิถุนายน 2559 15:06:13 น.
Counter : 1132 Pageviews.

 

ตามมาเที่ยวด้วยคนค่าาา

 

โดย: Ice (hachikoแห่งดินแดนปลากรอบ ) 5 เมษายน 2559 2:25:28 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


latics1
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 7 คน [?]











ผลงานเป็นรูปเล่ม


บ้านของหัวใจ
(โพรเจกต์หอมลมหวน)
ปาลินี พิมพ์คำสำนักพิมพ์
v
v



คือแสงแห่งใจ
ปาลินี สนพ.อรุณ
v
v



กลลวงบ่วงหัวใจ
รีชณัีฐ สนพ.ธราธร
v
v



แทนใจด้วยรัก
ปาลินี สนพ.อรุณ
v
v



จัดหัวใจให้ลงรัก
ปาลินี สนพ. อรุณ
v
v



ในดวงตามีความรัก
รีชณัฐ สนพ. กรีนมายด์
v
v



เมื่อหัวใจได้เจอรัก
รีชณัฐ สนพ. กรีนมายด์
v
v



ซ่อนรักลวงใจ
รีชณัฐ สนพ.โซฟา
v
v



สองหัวใจแห่งรัก
รีชณัฐ สนพ.ชูการ์เรน
v
v


Friends' blogs
[Add latics1's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.