เรื่องราวในอดีตทุกๆ เรื่องนั้นเป็นครูสอนเราได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าเรื่องนั้นๆ จะเป็นอย่างไรก็ตาม ฉะนั้นก่อนที่จะพูดหรือกระทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง จงไตร่ตรองให้ถ้วนถี่ ก่อนที่จะพูดหรือลงมือกระทำ . คลิกที่รูป เพื่อเอาโค้ดรูปนี้ไปแปะ

Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
9 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 
น้ำตาแสงไต้ ครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร





เรื่องราวที่จะได้อ่านต่อไปนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับครูสง่า อารัมภีร หรือ ครูแจ๋ว ที่ลูกศิษย์และเพื่อน

พ้องในวงการเรียกกัน นอกจากที่ครูแจ๋วมีความสามารถในการแต่งเพลงซึ่งเป็นงานที่ถือได้ว่าครูเป็นเอกทาง

ด้านดนตรี ท่านแต่งเพลงไว้ให้เราได้ฟังกันร่วมๆ 2,000 เพลง เพลงเอกอาทิ ; เรือนแพ, ดาวประดับใจ, เพื่อ

เธอเพื่อเธอ, น้ำตาแสงไต้, หนึ่งในร้อย ฯลฯ เพลงแต่ละเพลงที่ครูแจ๋วแต่งล้วนแต่เพราะๆ และโด่งดังเป็นที่

รู้จักไม่เฉพาะคนรุ่นเก่า คนรุ่นใหม่ยังซาบซึ้งไปกับบทเพลงของท่านกันไปทั่ว นอกจากนั้นแล้วครูมีความ

สามารถในงานเขียนเช่นกัน โดยเฉพาะเกี่ยวกับเรื่อง ” ผี ” ท่านเขียนได้อย่างมีเอกลักษณ์อย่างเฉพาะตัว

ท่านเขียนเรื่องไว้ประมาณ 60 เรื่อง ใชนามปากกาว่า แจ๋ว วรจักร, จ้อน บางกระสอ เริ่องผีเรื่องแรกๆ ที่

เขียนลงพิมพ์ในเพลินจิตต์รายสัปดาห์ เมื่อปี พ. ศ. 2489 จากนี้ขอให้ทุกท่านเพลิดเพลินกับงานเขียนและ

ที่มาของเพลง “ น้ำตาแสงไต้ “ เพลงแห่งความหลัง ครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร ศิลปินแห่งชาติ ปี 2531

สาขาศิลปะการแสดง ( เพลงไทยสากล )

ผมเองเป็นผู้เขียนขึ้รเมื่อปี 2493 เพื่อลงพิมพ์ในสูจิบัตรละครเรื่อง “กุลปราโมทย์” เป็นละครลำดับที่ 68 ของ

คณะศิวารมณ์ มันก็หลายปีมาแล้ว แต่ก็ทำให้รำลึกถึงความหลังเมื่อครั้งเก่าก่อนได้ดีอยู่ เปียโนตัวที่จะกล่าว

ถึงนั้น เวลานี้ก็ดูเหมือนยังอยู่ที่ห้องเล็กศาลาเฉลิมกรุง เมื่อสองสามปีก่อนผมขึ้นไปบนห้องเล็กยังลูบคลำ

อยู่เลย มันเก่ามากแล้ว และเสียงบางเสียงก็เพี้ยนเพราะไม่มีใครดูแล แต่เมื่อผมไปลูบคลำ วิญญาณของผม

และมันยังผสานกันเหมือนเมื่อเก่าก่อน แต่เดี๋ยวนี้มันจะยังอยู่

หรือถูกขายไปก็ไม่ทราบ ว่างๆว่าจะไปเยี่ยมมันอีกครั้ง

สง่า ข้าพเจ้าจำได้แม่นยำว่า วันนั้นในราวเดือนพฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๘๘

 ศิวารมณ์กำลังซ้อมละครเรื่อง “ พันท้ายนรสิงห์ ” อยูที่ห้องเล็ก ศาลาเฉลิมกรุง

ดูเหมือนจะเข้าโปรแกรมวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน

ซ้อมกันอย่างหนักเพราะเป็นสมัยที่เริ่มงานใหม่ๆ

ตอนนั้นข้าพเจ้ามีหน้าที่ดีดเยโนให้นาฏศิลป์เขาซ้อมและต่อเพลงให้นักร้อง

เท่านั้น ผู้ที่แต่งเพลงให้ศิวารมณ์สมันนั้นคือ ประกิจ วาทยกร และ โพธิ์ ชูประดิษฐ์

ข้าพเจ้าเป็นนักดนตรีใหม่ๆ ยังไม่ถึงปี

สุรสิทธิ์ , จอก , สมพงษ์ และทุกๆ คน มาซ้อมละครกันตั้งแต่เย็นส่วน เนรมิต , มารุต

สมัยโน้นเข้าคู่กันคร่ำเครียดกับบทและวางคาแร็คเตอร์ตัวละคร

นาฏศิลป์ซ้อมกัน เต้นกัน นักร้องก็ร้องเพลงกัน

เหลือเวลา ๕ วันละครจะเริ่มแสดงแล้ว เพลงเอกของเรื่องคือ “ น้ำตาแสงไต้ “ ทำนองยังไม่เสร็จ

คุณประกิจและคุณโพธิ์แต่งส่งมาคนละเพลงสองเพลง ยังไม่เป็นที่ไม่พอใจแก่เจ้าของเรื่องและผู้กำกับ ทั้ง

เจ้าของเรื่องและผูกำกับต้องการให้เพลงมีสำเนียงเป็นไทยแท้

มีรสและวิญญาณไปในทาง ” หวานเย็นและเศร้า “

เย็นนั้นเมื่อเลิกซ้อมแล้ว ข้าพเจ้าพลอยอึดอัดไปกับเขาด้วย

ข้าพเจ้าลงมายืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่หน้าเฉลิมกรุง

ไม่รู้จะไปไหนดี ได้ยินเสียงเรียก ” หง่า หง่า ”

คุณทองอิน บุณยเสนา ถามว่า ” ราบรื่นเรียบร้อยหรือไฉน ”

ข้าพเจ้าอ่ยถึงเพลง ” น้ำตาแสงไต้ ” ที่ยังแต่งกันไม่เสร็จ

พี่อินฟังแล้วพูดว่า ” เพลงไทยนั้นมีเยอะ แต่ไอ้รสหวานเย็นและเศร้าที่หง่าว่ามันมีน้อย

อั๊วชอบมาก และรู้สึกว่าหวานเย็นเศร้ามีแต่ เขมรไทรโยคและลาวครวญ เท่านั้น

คุยกันสักพักข้าพเจ้ารู้สึกง่วงนอนปุ๊บหลับปั๊บจะหลับไปนานเท่าไรไม่รู้

ข้าพเจ้ารู้สึกแปลกใจมาก ที่ใครมาเล่นเปียโนที่ห้องเล็กก่อนข้าพเจ้า ปกติ ๘.๐๐ น. กว่าๆ ข้าพเจ้า

เห็นคนอยู่ ๔คน ชาย ๓ หญิง ๑ แต่งกายแปลกมาก

ชายแต่งกายเหมือนนักรบโบราณ เขาถอดหมวกวางไว้

บนเปียโน คนเล่นผิวค่อนข้างขาว หน้าคมคาย อีกคนหนึ่งผิวคล้ำ

นั่งอยู่ทางขวาของเปียโน คนที่ ๓ อายุมากกว่าสองคนแรก

 ผมหงอกประปราย ท่าทางเป็นผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ หน้าตาอิ่มเอิบ

ส่วนผู้หญิงนั้นสวยเหลือเกิน นุ่งผ้าจีบพก แต่งกายโบราณนุ่งผ้าจีบพก ห่มผ้าแถบสีแดงสด ผิวนวล

ปล่อยผมปรกบ่า กำลังยืนเอามือเท้าเปียโนอยู่ด้านซ้าย

ข้าพเจ้าเปิดประตูเข้าไป เขาไม่สนใจข้าพเจ้าเลย จนข้าพเจ้าเดินเข้าไปใกล้จะเข้าพูดก็ไม่รู้จักเขา

แต่งตัวแปลก เลยนั่งมองดูเขาและฟังเพลงที่ดีดนั้น

คนเล่นเปียโนเก่งมาก เขาเล่นจากความรู้สึกจริงๆ ตาเขา

ลอยคล้ายฝันมองไปตรงหน้า บางทีทองหน้าผู้หญิง

เธอยิ้มรับน่ารักเหลือเกิน ข้าพเจ้าฟังเพลินมองเพลิน

สักครู่ ก็สะดุ้งเพราะเสียงห้าวต่ำอย่างมีอำนาจของผู้สูงอายุพูดขึ้นว่า

” ไหน…เทพ … เธอลองเล่น เขมรไทรโยคซิ ” คนที่เล่นเปียโนผงกศีรษะรับ

พร้อมกับเปลี่ยนเพลงมาเป็นเขมรไทรโยค

เขาเล่นด้วยความรู้สึก เสียงประสานประหลาด

แต่ทว่านุ่มนวลฟังแล้วทำให้คิดและมองเห็นภาพไปด้วยความรู้สึกหวานชื่น

เพลินฟังจนเพลงจบเมื่อไรไม่รู้

เพลงที่เล่นนั้นเพราะเหลือเกินพลันเสียงผู้สูงอายุพูดขึ้นว่า ” ธิดาจ๋า เธอจะไม่ลองฝีมือดูรึ ”

 สาวสวยคนนั้นเดินไปนั่งที่เปียโนบรรเลงเพลงเป็นเพลงหวานเศร้าสำเนียงลาว ” ลาวครวญ ” อันหวาน

เศร้าฝีมือของเธออยู่ในขั้นเลิศ ข้าพเจ้านั้งน้ำตาคลอคิดไปถึงความหลัง คิดเพลินจนเพลงจบไม่รู้ตัว เสียง

ห้าวต่ำๆ ดังขึ้นอีกว่า ” อมร…ถ้าเราเอา วิญญาณ ของเพลงสองเพลงนี้มารวมกันเข้า คงจะเพราะอย่างหาที่

ติไม่ได้เชียงนะ ” ข้าพเจ้าเห็นคนผิวคล้ำที่นั่งข้างขวาของเปียโนก้มศีรษะรับพร้อมกับพูดว่า ” กระผมเห็นด้วย

คงจะไพเราะอย่างยิ่ง ” หญิงสาวลุกขึ้นจากเปียโน พลางหันหน้าไปพูดกัยคนผิวคล้ำว่า ” ขอเชิญคุณครูค่ะ

ขอเชิญคุณครูสวมวิญญาณของเพลงทั้งสอง ให้ศิษย์ได้ฟังเพื่อเป็นขวัญโสตและขวัญชีวิตของศิษย์ทั้งสอง “

ท่านที่รัก เสียงที่ลอยมาจากเปียโนนั้นสำเนียงไทยแท้มี ” รสหวานเย็นเศร้า “ครูอมรได้รวมวิญญาณ

ของ เขมรไทรโยค และ ลาวครวญ ได้สนิทแนบ สำเนียงและ วิญญาณถอดออกมาจากเพลงสองเพลงนี้อย่าง

ครบถ้วนโดยที่เพลงเดิมไม่ได้เสียหายอะไรแม้แต่น้อย ดุจสองวิญญาณเก่าเคล้ากัน จนเกิดวิญญาณใหม่ที่

สวยงามขึ้นอีกวิญญาณหนึ่ง…

ข้าพเจ้าฟังเพลินจนสะดุ้ง เมื่อมีหนักๆ มาเขย่าจนรู้สึกตัวตื่นจากภวังค์ บ่ายๆ สามโมงวันนั้น เมื่อนาฏศิลป์

และละครกลับกัน บนห้องเล็กเหลือข้าพเจ้า , เนรมิต, มารุต, สุรสิทธิ์ เนรมิตและมารุตบ่นถึงเพลง ” น้ำตาแสง

ไต้ ” ว่าทำนองที่คุณโพธิ์และคุณประกิจส่งมายังใช้ไม่ได้ เหลือเวลาอีก ๓ วัน ละครจะแสดงแล้วเดี๋ยวไม่ทัน

ข้าพเจ้านั่งฟังสักครู่หันมาเล่นเปียโน ท่านที่รัก ความรู้สึกบอกไม่ถูกนิ้วมือข้าพเจ้าบรรเลงไปตามอารมณ์

ข้าพเจ้าก็ไม่รู้ส่าเป็นเพลงอะไร เคลิ้มๆ บังไงพิกล เนรมิตถามว่า ” หง่า นั่นเพลงอะไร ” ข้าพเจ้าสะดุ้งพร้อม

กับนึกขึ้นได้ และจำทำนองได้ทันทีว่าเป็นเพลงที่ครูอมรดีด ข้าพเจ้าหันไปถามเนรมิตว่า ” เพราะหรือฮะ ”

เนรมิตพยักหน้าบอกให้เล่นใหม่ ข้าพเจ้าบนนเลงอีกหนึ่งเที่ยว ทั้งเนรมิตและมารุตพูดขึ้นว่า ” นี่แหละ น้ำตา

แสงไต้ “ ข้าพเจ้าดีใจรีบจดโน๊ต และประพันธ์คำร้องกันเดี๋ยวน้น

มารุตขึ้น “ นวลเจ้าพี่เอย ”

เนรมิตต่อ “ คำน้องเอ่ยล้ำคร่ำครวญ “

แล้วช่วยกันต่อ ” ถ้อยคำเหมือนจะชวน ใจพี่หวนครวญคร่ำอาลัย ” พอจบประโยคแรก สุรสิทธิ์ร้อง

เกลาทันที ร่วมกันสร้างจบคำร้องในราว ๑๐ นาทีเท่านั้นเอง สุดท้ายเพลงก็ทันละครแสดง เมื่อทำนองเพลง

” น้ำตาแสงไต้ ” พลิ้วขึ้นคนร้องไห้กันทั้งโรง แม้ พันท้ายนรสิงห์ จะสร้างเป็นภาพยนตร์ยังใช้เพลง ” น้ำตา

แสงไต้ ” เป็นเพลงเอกอยู่




เพลงผีบอก ที่มาของเพลง ” น้ำตาแสงไต้” คัดลอกมาจากหนังสือ เพลงผีบอก รวมเรื่องผีและที่

ของเพลงน้ำตาแสงไต้ โดย ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดงปี ๒๕๓๑ สง่า อารัมภีร

และขอขอบคุณ คุณบูรพา อารัมภีร บุตรชายของครูแจ๋ว สง่า อารัมภีร ที่อนุญาติให้นำที่มาของ

เพลง ” น้ำตาแสงไต้ ” มาเผยแพร่ในบล็อก PRISANASWEETSONG ขอขอบพระคุณเป็นอย่างยิ่งต่ะ




น้ำตาแสงไต้

คำร้อง มารุต - เนรมิต
ทำนอง สง่า อารัมภีร

นวลเจ้าพี่เอย … คำน้องเอ่ยล้ำคร่ำครวญ

ถ้อยคำเหมือนจะชวน ใจพี่หวนสรวญตร่ำอาลัย

น้ำตา…อาบแก้ม เพียงแซบเพชรไสว

แวววับจับหัวใจ เคล้าแสงไต้

นวลแสงเพชร … เกล็ดแก้วอันล้ำค่า

คราเมื่อแสงไฟส่องมา แวววาวชื่นชม

น้ำตา…แสงไต้ ดื่มใจพี่ร้าวระบม

ไม่อยากพรากขวัญภิรมย์ จำใจข่มใจไปจากนวล .

เพลง น้ำตาแสงไต้ เพลงจากละครเรื่อง พันท้ายนรสิงห์ บันทึกเสียงครั้งแรกเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๙๒

โดย บุญช่วย หิรัญสุนทร .



Create Date : 09 สิงหาคม 2552
Last Update : 14 ธันวาคม 2558 20:35:16 น. 4 comments
Counter : 860 Pageviews.

 
when you are alone
sometime, when your heart break
who is the curer for you...
you always, in some moment of your
life.. stay alone and feeling lonely even
peoples are around you; friend, family even lover
but deep in your heart you still felt like something in your life
is gone, you scream for help, for love and for many thing that you want
but...saden that their is no one there for you, why don't you go to "GOD"
ask he for help believe me you will find the ways out and be ready for miracal
to happen into your life as it does happen to me


โดย: da IP: 124.122.68.15 วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:21:21:33 น.  

 
เพลงนี้สุดสุด..
เคยดูละคร นางเอก อ้อม ลูกสาวคุณพิศาล
พระเอกนี่ใครหว่า จำชื่อไม่ได้ หน้าตาดีๆ
อินไปกับละครเลย.....


โดย: จอมยุทธไร้เงา (เฒ่าน้อย ) วันที่: 10 สิงหาคม 2552 เวลา:21:23:15 น.  

 
ขอบคุณค่ะสำหรับทุกความคิดเห็นนะคะ .


โดย: prisanasweetsong (sweetsong ) วันที่: 12 สิงหาคม 2552 เวลา:11:52:30 น.  

 
ฝากความรำลึกถึง "คุณยายอู๊ด" ภรรยาคุณสง่าด้วยค่ะ
อายุมั่นขวัญยืนค่ะ

...หลานสาวคุณยายสุรีย์...


โดย: Fern von Zuhause วันที่: 18 กันยายน 2552 เวลา:22:02:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

sweetsong
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




http://i442.photobucket.com/albums/qq143/yamiejung11/mie009/pup51.jpg iLength = document.images.length; for(i=0;i
Friends' blogs
[Add sweetsong's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.