Group Blog
 
 
สิงหาคม 2549
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
21 สิงหาคม 2549
 
All Blogs
 

Songs Zone

เพลงชนิดใดหนาประชารัก
เรื่องประจักษ์ค่าล้ำทำนองไฉน
การบันเทิงเริงเล่นชอบเช่นใด
ศิลปอะไรสูงเกินค่าเงินตรา

เพลงบรรเลงจากใจทวยไทรัก
เรื่องพิทักษ์ประชนล้นคุณค่า
ละครเพื่อประชาชัยใฝ่รอมา
ศิลปเพื่อมหาชนชาติไม่อาจซื้อ

เปลื้อง วรรณศรี







 

Create Date : 21 สิงหาคม 2549
22 comments
Last Update : 20 กันยายน 2550 22:15:23 น.
Counter : 1350 Pageviews.

 

ประวัติศาสตร์อาจมีในหลายด้าน
เเต่คนที่ทำงานไม่เคยจะเอ่ยออกนาม
คนที่แบกหามลุยน้ำลุยโคลนคนที่สรรค์สร้าง
จากป่าเป็นเมืองรุ่งเรืองงามเพียงเวียงวัง
ด้วยเลือดด้วยเนื้อของคนทำทาง
ถางทางตั้งต้นให้คนต่อไป
จากป่าเปลี่ยวเที่ยวไปในทุกถิ่น
ดังโบกโบยบินพื้นดินเป็นถิ่นอาศัย
หนาวเหน็บเจ็บใจ ภัยร้ายนานาชีวาว้าเหว่
เช้าค่ำจำเจเร่ไปให้คนเดินตาม
ทุกย่างเท้าเขาเหมือนเงาเรืองราม
ฝังนามฝังร่างอยู่กลางแผ่นดิน ฯ.

คนทำทาง

 

โดย: tu' (พุกไม้ ) 21 สิงหาคม 2549 23:11:09 น.  

 

ใบไม้ร่วงหนึ่งใบในราวป่า
ยังดีกว่าใบไม้เหลืองในเมืองหลวง
ที่รอปลิดหล่นเปล่าประโยชน์ปวง
เป็นด่างดวงดำเปื้อนในป่าคน

ใบไม้ป่าร่วงแล้วได้เลี้ยงป่า
ทิ้งลงมาเลี้ยงรากเลี้ยงลำต้น
เหมือนแม่ให้นมลูกปลูกฝังจน
ลูกเติบตนโตแทนเต็มแผ่นดิน

เมื่อเมืองคนคั่งคับด้วยคนป่า
คนดีก็ด้อยค่าเหมือนกรวดหิน
เมื่อสัตว์ป่าสร้างป่าไว้หากิน
สัตว์เมืองก็ต้องสิ้นวิสัยเมือง

ใบไม้ป่าชื่อจิตร ภูมิศักดิ์
ได้ร่วงแล้วเป็นหลักให้โลกเลื่อง
ดั่งเทียนป่าปลุกแสงขึ้นแรงเรือง
ไม่เปล่าเปลืองลมปราณที่ต้านลม

ลมประสานเสียงแคนว่าแค่นแค้น
เปิบข้าวทุกคราวแค่นความขื่นขม
เหงื่อกูรินตากูแล้งน้ำแห้งตรม
ร่างกูซมซมซานไข้จนเขียวคาว

เสียงปืนดังเปรี้ยงกว่าเสียงปาก
ก็ปิดฉากชีวิตมืดมิดหนาว
แต่วิญญาณคือทิพย์ที่ยืนยาว
ดังดวงดาวยิ่งดึกยิ่งดื่นตา

กาลเวลาฆ่าจิตร ภูมิศักดิ์
กาลเวลาก็ตระหนักประจักษ์ค่า
กาลเวลาฆ่าคนดีทุกทีมา
แต่เวลาก็ทูนเทิดเชิดคนดี

ใบไม้ร่วงหนึ่งใบในราวป่า
เพื่อแตกมาเป็นใบใหม่ในทุกที่
จิตรหนึ่งดวงดับไปในวันนี้
เพื่อจะมีจิตรใหม่มากมายดวง

ถ้าสัตว์เมืองสร้างเมืองเป็นป่าได้
เราก็เหมือนใบไม่เหลืองในเมืองหลวง
ที่โหยหาป่าเขาเปลี่ยวเปล่าปวง
จิตรจะร่วงลงทั้งป่าเข้ามาเมือง

(เนื่องในวันตายของ จิตร ภูมิศักดิ์ 5 พฤษภาคม)
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
วงต้นกล้า ร้อง/บรรเลง

 

โดย: พุกไม้ 21 สิงหาคม 2549 23:13:12 น.  

 

เคยอยู่รวมกัน นับวันไม่ทันไร
ก็จากไป อยู่ไกล ไกลสุดตา
ไปดีนะ ขออำลา ด้วยอาลัย

ไกลสุดไกล แสนไกลไปเถิดหนา
ข้างหน้าทาง ยังห่างไกล ไมล์หมื่นพัน
ยังอีกนาน อีกนาน และอีกนาน

แม้นไกล แสนนาน จะผ่านไป ไม่กลัวยาก
แม้นต้องทน ทุกข์ทน ลำบากเพียงไหน ไม่ไหวหวั่น
ขอคำมั่นสักคำจะได้ไหม
จะหยัดยืน สู้ไป เพื่อมวลประชา
จะเสียสละแม้ชีวา เพื่อสังคมไทย

เมื่อตะวันสีทองส่องขอบฟ้า
จับมือลาสั่งลาน้ำตาไหล
อยู่ที่ใด ก็เหมือนอยู่.....แผ่นดินเดียวกัน

เพลง แผ่นดินเดียวกัน

 

โดย: พุกไม้ 21 สิงหาคม 2549 23:14:28 น.  

 

ฉันไกลบ้านมา มุ่งหน้าสู่ป่าเขา
หมายมุ่งเอา หนทางสุดท้าย
แม่คงห่วงใย ลูกไปอยู่แห่งไหน
ใจพะวง กลัวลูกหลงทาง

รักแม่สุดใจ ฤทัยลูกอ้างว้าง
ร้างบ้านไป ร้างไกลห่างตา
หนีโลกมืดมน ถึงทนจากบ้านมา
ฝืนใจลา แม่มาจับปืน

เมื่อโจรเข้าครอง ลูกต้องทวงสิทธิ์คืน
หนทางปืน รุกไล่พวกพาล
หวังว่าไม่นาน แสงตะวันจะส่องฉาย
แม้ไม่ตาย คงได้พบกัน ( เมื่อถึงวันได้ชัย )

ปัญญาชนขี้แย

 

โดย: พุกไม้ 21 สิงหาคม 2549 23:15:40 น.  

 

ใครคือครู ครูคือใคร ในวันนี้
ใช่อยู่ที่ปริญญา มหาศาล
ใช่อยู่ที่เรียกว่า ครูอาจารย์
ใช่อยู่นานสอนนานในโรงเรียน

ครูคือผู้ชี้นำทางความคิด
ให้รู้ถูกรู้ผิดคิดอ่านเขียน
ให้รู้ทุกข์รู้ยากรู้พากเพียร
ให้รู้เปลี่ยนแปลงสู้รู้สร้างงาน

ครูคือผู้ยกระดับวิญญาณมนุษย์
ให้สูงสุดกว่าสัตว์เดรัจฉาน
ครูคือผู้สั่งสมอุดมการณ์
มีดวงมานเพื่อมวลชนใช่ตนเอง

ครูจึงเป็นนักสร้างผู้ใหญ่ยิ่ง
สร้างคนจริงสร้างคนกล้าสร้างคนเก่ง
สร้างคนให้ได้เป็นตัวของตัวเอง
ขอมอบเพลงนี้มาบูชาครู
" ใครคือครู "
เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์
วงต้นกล้า ร้อง/บรรเลง

 

โดย: พุกไม้ 21 สิงหาคม 2549 23:16:49 น.  

 

หา...ดวงเดือน

สับสนกังวลอาวรณ์
ฉันร่อนเร่หาดวงเดือน
ไขว่าคว้ายึดฟ้ามาเยือน
กอดฟ้าเหมือนไม่ให้โบยบิน
ฟ้าหนาวดาวใดใจเอย
ฟ้าเคยมีจันทร์ฉันถวิล
แดนฟ้าแดนใดใครยิน
หมดสิ้นไร้ค่าเท่าฟ้าไทย

 

โดย: พุกไม้ 21 สิงหาคม 2549 23:20:32 น.  

 

ลมเย็นๆโชยพัดผ่านกอไม้ไผ่
เสียงเพลงแผ่วไกลมนต์รักจากใจชาวนา
ถ้อยคำสำเนียง พื้นเพธรรมดา
ไม่ดูหรูหรา ก็ล้นออกมาจากใจ
เดือนดวงเดียว ดูคล้ายดั่งเคียวเกี่ยวดาว
นภาพร่างพราว เย็นหนาวเหน็บกลางหัวใจ
ดอกเอ๋ยลั่นทม หอมหวนยวนใจ
หรีดหริ่งเรไร ผสานกลิ่นควายสาปโคลน
นาปีไหนมีน้ำเจิ่งนอง เราพี่น้อง เพลินยิ้มสู้คน
นาแล้งไปปีไหนขาดฝน ทั้งควายทั้งคน ก่นร่ำแต่น้ำตาริน
ทนทำไป ก็เพราะต้องทนไปเอง
แม้นใครข่มเหง ไม่ทิ้งทุ่งนาผืนดิน
ผลิตผลข้าวไทย ให้คนไทยกิน
ปลดเปลื้องหนี้สิน ทั่วผืนแผ่นดิน เป็นไท
..............................................
เดือนดวงเดียว
จรัล มโนเพ็ชร

 

โดย: พุกไม้ 21 สิงหาคม 2549 23:28:54 น.  

 


จันทร์เจ้าเอย เจ้าเคยทอแสงนวลใย
จันทร์ขวัญใจ ปลอบใจเราสุขเรื่อยมา
ดาวสุกไสว พร่างพรายอยู่ในฟากฟ้า
ยามนี้หนา จันทราเจ้าอยู่แห่งใด
ลมเจ้าเอย รำเพยพัดมาแสนไกล
วานหน่อยได้ไหม พัดเลยไกลไปบอกแม่ที
ยามนี้ลูกสุดเหงา เฝ้ารอแม่ขวัญชีวี
มาหาลูกคนดี ปลอบขวัญชมจันทร์สุขใจ
* จันทร์เจ้าเอย เจ้าเคยมีแม่หรือเปล่า
ดาวเอ๋ยดาว เจ้าคิดถึงแม่หรือไม่
ลมเจ้าเอย เจ้าเคยบอกแม่บ้างไหม
ว่าหัวใจลูกน้อย รอคอยแม่เอย (ซ้ำ *)

จันทร์เจ้าเอย
อัญชลี อิสมันยี

 

โดย: พุกไม้ 21 สิงหาคม 2549 23:31:11 น.  

 



ไกลห่างไกล...แสนไกล แต่ดวงใจ...ไม่เคยลืมเลือน
ภาพหลังยังคอยย้ำเตือน เก็บลึกในความทรงจำ

ดาวหมื่นแสน..ล้านดวง เปลี่ยวเหงาไม่เคยชอกช้ำ
ส่วนลึกแห่งความทรงจำ แจ่มใสแม้ในราตรี

เป็นความรัก รักเอย...ที่เคยผูกพัน
เป็นความฝัน ฝันเอย...มิเคยเหือดหาย
ฝันเจ้าฝัน ฝันเอย...มิเคยเสื่อมคลาย
แม้ไกลเหมือนใกล้ อุ่นไอ ซึ้งในวิญญา

ใจส่งใจถึงใจ จากดวงใจย้อนวันเวลา
ฝากแสงดวงดาริกา ส่องถึง...ให้กำลังใจ

กางปีกบางคลี่โอบ อุ่นไอรักให้เธอสดใส
แผ่นฟ้าแผ่นดินแดนใด ปีกแห่งรักทอดยาวถึงเธอ

ปีกรัก

 

โดย: พุกไม้ 21 สิงหาคม 2549 23:36:55 น.  

 



ในหุบเขาเรามีเพื่อนร่วมใจ
พลิกผืนดินนาไร่
ข้าวปลาอาหารพอกิน
อยู่อย่างเจียมตัวไม่มัวเมาหนี้สิน
แมลงแย่งผักเรากิน
นกบินมากินแมลง

ตื่นแต่เช้าหมอกคลุมนุ่มชื้นฟืนไฟ
ผึ้งงานสำราญดอกไพร
หอมกรุ่นอุ่นไฟแกมแฟง
ชีวิตไม่เสริม ไม่สวย ไม่รวยปรุงแต่ง
ชีวิตไม่มีเสแสร้ง รักใครก็บอกตรงๆ

โรยควันไฟเป็นสายสีนวล
ตะแบกม่วงงามอบอวล
นวลสีครามค่ำลง
มืดเพียงใด เพียงดาวหนึ่งดวงกลางดง
แสงนวลหนึ่งนั้นจรรโลง
จิตเราให้เศร้าเหงาคลาย

ในหุบเขาเราคิดถึงบางคน
แต่ไม่เคยเพ้อบ่น
เพราะรู้ว่าเธออยู่ไกล
ฝากดวงดาวดั่งดวงตาฟ้าห่วงใย
บุญเราน้อยเกินไป
ขอร่วมใจแค่ฟ้าเดียวกัน

ในหุบเขา
พงษ์เทพ กระโดนชำนาญ

 

โดย: พุกไม้ 22 สิงหาคม 2549 23:33:45 น.  

 

แว่วเสียงเพลงบรรเลงมาแต่ไกล
ขอมอบสู่ดวงใจชนทุกแห่งหน
แม้เจ็บปวดรวดร้าว ร้อนหนาวหรือทุข์ทน
จะพาหลบลมฝนอย่างชื่นใจ

ถึงแม้พายุร้าย กร้ำกรายคราใด
ให้เสียงเพลงของมวลไทย กระจัดกระจาย
ถึงแม้พายุร้าย กร้ำกรายหลายครา
แต่บทเพลงเพื่อประชา ไม่มีวันตาย

ผลแห่งเสียงเพลงเป็นสิ่งที่สูงค่า
ร่วงแสวงหา สิ่งสร้างสรรค์
เพื่อเยาวชนลูกหลานก้าวขึ้นมาในภายหน้า
จักสืบทอดเจตนา ร่วมขับร้อง กันต่อไป

บทเพลงอมตะ

 

โดย: พุกไม้ 3 กันยายน 2549 10:45:56 น.  

 

ดาวดวงคงล่วงลับไป วันและวัยคงหมุนเลยผ่าน
คืนคงนานแสนนานและมืดมน
เธอเดินบนหนทางชัย ดวงใจเธอท้อหมองหม่น
ลืมเลือนผู้คนที่เฝ้ารอ

วันที่โลกมืดมนและขืนข่มอย่างวันนี้
รอเพียงวันระวีจะส่องทาง
วันที่โลกมืดมนคนหมองหม่นและเมินหมาง
จะมีใครสร้างทาง เพื่อส่องนำ.....ไป

ดวงตะวันยังหันมาเยือน ดาวเดือนยังหมุนมาใหม่
แต่เวลาล่วงไปแล้วไม่คืน
เธอจงเป็นเช่นแสงสว่าง เป็นพลังให้คนลุกตื่น
อย่าลืมวันและคืนที่ล่วงเลย

การเดินทางแสนไกลยากลำบากและขวากหนาม
มันจะตามคุกคามถ้าอ่อนแอ
เธออาจตรมทุกข์ทน และท้อได้แต่อย่าแพ้
อย่าลืมเลืนผันแปรในเส้นทาง...ไท

ขอบฟ้ากว้างไกล ภูผาพงไพร หนใด
จะฝ่าข้ามไปถึงได้ไม่เกินพลังเธอ
จงลืมความท้อใจ เร่งเดินทางร่วมสร้างสรรค์
เราจะไปด้วยกันตลอดทาง

เราจะไปด้วยกันไม่ไหวหวั่น จับมือกัน
เราจะไปด้วยกันตลอดทาง

ทัพธรรม




 

โดย: พุกไม้ 3 กันยายน 2549 11:11:02 น.  

 

ท่ามกลางมวลดาราบนนภากระพริบรายเรียง
ดาวสองดวงเคียงอยู่คู่กัน
ค่ำคืนมีดวงจันทร์ดาวคู่นั้นข้างเคียง
ลอยเด่นรายเรียงอยู่คู่กัน
แต่ยามนี้ราตรีไร้ดวงดาว
ถามเมฆขาวว่าดวงดาวหายไปไหนกัน
มีแต่เพียงดวงจันทร์โดดเดี่ยวอยู่บนฟ้า
ใยดวงดาราไม่มากระพริบพราย
หากคืนใดมีดาวส่งข่าวบอกไปถึงกัน
บอกดาวคู่นั้นกลับมาอยู่เคียงคู่จันทรา

ดวงดาว
กิตติพงษ์ ขันธกาญจน์

 

โดย: พุกไม้ 3 กันยายน 2549 13:43:20 น.  

 

จึงจากกันไปด้วยใจที่เงียบงัน จากคืนและวันที่เงียบเหงา
โลกราวหมองมัวสลัวและซึมเศร้า เมฆหม่นสีเทาไม่เบาและฟ่องฟู
ร่มรื่นสูญหายต้นไม้ไร้ร่มเงา แดดเผาต้นเฉาใบร่วงพรู
( แดดแผดเผาลำต้นเฉาใบร่วงพรู )
ไม่มีสายลมผ่านพรมไม้เอนสู่ ไม่มีเสียงกรูกู่ร้องของนกไพร
( ไม่มีเสียงนกร้องเพลงร้องก้องไพร )
ไม้ดอกไม่บานละลานแลทั่วดิน ไม่มีผึ้งบินดอมกลีบใบ
( ผึ้งไม่บินดอมเกสรของดอกไม้ )
ที่ธารน้ำไหลคราบไคลล้วนตะไคร่ แล้วเหือดแห้งไปหยุดไหลระเรื่อยริน
( ไม่เย็นใสชุ่มชื่นใจไหลเรื่อยริน )
ไร้ซึ่งสีสันไร้วันที่รื่นรมณ์ ดั่งจมทับถมลงกับดิน
ที่เคยงดงามแต่ยามนี้หายสิ้น ทั่วถิ่นเหงาหงอยไม่เหลือรอยร่องเงา
จึงจากกันไปด้วยใจที่เงียบงัน จากคืนและวันที่เงียบเหงา
อีกนานเท่าใดจะฟื้นคืนเช่นเก่า จึงให้เฝ้าคอยเฝ้าคอยไปกี่นาน
จึงให้เฝ้าคอยเฝ้าคอยไปกี่นาน....................

เพลง จากไปด้วยใจที่เงียบงัน
กิตติพงษ์ ขันธกาญจน์





 

โดย: พุกไม้ 3 กันยายน 2549 13:44:01 น.  

 

ดังเมฆดดำบดฟ้าบังตะวัน
ดังเสี้ยวจันทร์หลงคืนข้างแรม
ดังดวงดาววูบวาววับแวม
รักร้างแรมจากไป

ใจเจ้าเอยเจ็บแล้วยังไม่จำ
ใครเล่าทำให้เราเจ็บใจ
กว่าจะรู้ว่ารักเหมือนไฟ
ได้แต่หนาวน้ำตา

อยากจะให้แผ่นดินไหว
อยากจะให้แผ่นฟ้าพลิก
อยากติดปีกเป็นนกโผผกลับลา

อยากจะกู่ตะโกนร้อง
อยากกู่ก้องตะโกนหา
อย่า โปรดอย่าพารักจากไป

ใจเจ็บใจเจ็บแล้วจงเจ็บจำ
ใครเล่าทำ ให้เราเจ็บใจ
หนึ่งบทเรียนต้องเรียนรู้ไป
อย่าให้ต้องเดินซ้ำรอย

หนาวน้ำตา

 

โดย: พุกไม้ 3 กันยายน 2549 13:52:47 น.  

 

ลมหวิว เจ้าแผ่วโชยพลิ้วมาปลอบใจข้า
ยิ่งกระพือโหมไฟที่เริงร่า ลนลวกอุราที่แสนสุดร้อนรน

คอยหา เฝ้ามองขอบฟ้าใยช่างมืดมน
โอ้สุดที่รักล่องลอยทุกข์ทน ฝ่าคลื่นฝืนลมว่ายวน

ดวงดาวเอ๋ย วอนดาวโปรดจงปราณี
วานดาวชี้ทิศทางให้แก่เพื่อนใจ
จงทรงผองพลังยืนหยัดสู้ภัย ฝ่าฟันจนเขามีชัยรอดพ้นคืนมา

ความหวัง โปรดอย่าหักหลังลวงหลอกใจข้า
สิ่งที่ใฝ่ฝันจงอย่าโรยรา
บรรเจิดอยู่บนนภาดั่งแสงดาว ตราบนิรันดร

ทะเลชีวิต

 

โดย: พุกไม้ 3 กันยายน 2549 17:05:39 น.  

 

ม่านฟ้ายามค่ำ ดั่งม่านสีดำม่านแห่งความร้าวระบบ
เปรียบเหมือนดวงใจ มืดทึบระทม พ่ายแพ้ซานซมพลัดพรากบ้านมา

ต่อสู้กู้ถิ่น และสิทธิ์เสรีกู้ศักดิ์และศรีโสภา
จึงพลัดมาไกล ทิ้งไว้โรยรา จะร้างดังป่าอยู่นับปี

เคยสดใส รื่นเริง ดังนกเริงลม ถลาลอยชื่นชม อย่างมีเสรี
แม้ร้อยวัง วิมานที่มี มิเทียมเทียบปฐพีที่รักมั่น

ความใฝ่ฝันแสนงาม แต่ครั้งเคยเนาว์ ชื่นหวานในใจเราอยู่มิเว้นวัน
ความหวังยังไม่เคยไหวหวั่น ยึดมั่นว่าจักได้คืนเหมือนศรัทธา

แว่วเสียงก้องกู่ จากขอบฟ้าไกล แว่วดังจากโพ้นนภา
บ้านเอ๋ย เคยเนาว์ กังวานครวญมา รอคอยเรียกข้าทุกวัน

เสียงเพรียกจากมาตุภูมิ

 

โดย: พุกไม้ 9 กันยายน 2549 21:54:10 น.  

 


หากทะเลแล้งไปหากดวงไฟลับลง
หากแผ่นดินสิ้นลงจะมั่นคงชั่วนิรันดร์
จากวันคืนเคลื่อนไปผูกดวงใจคล้องกัน
สิ่งดีงามร่วมกันผูกสัมพันธ์ดังสายใย
บอกคำลาถึงกันหากในวันนั้นไกล
ฝากคำลาซึ้งใจบอกให้เราคิดถึงกัน

คิดถึงกันบ้างนะ
สองวัย

 

โดย: พุกไม้ 14 กันยายน 2549 20:10:42 น.  

 


เรียบเรียงคำร้อย ฝากเพลงลอยสายลม แผ่วเบา
สื่อรักพาเอารักแห่งสองเราที่ร้างที่ลาลับห่าง
อยู่แห่งไหนขวัญใจเจ้าอย่าชัง
หากได้ฟังหวังยังคงเมตตา ตอบสัญญารักมากับลม
ลมรักเอยจงล่องลอย ลอยรักคืนมาร่วมทาง

ฝากนำคำร้องผ่านลำคลองท้องธาร กว้างไกล
อยู่คุ้ง แควใดรู้เถิดหัวใจพี่ร้อนดั่งไฟ เผาร่าง
เสกมนต์ขลังให้ฟังไม่จืดจาง
จากอารมณ์ระทมดังแก้วบาง
แหลกแล้วนางยามรักจาง ห่างใจ

ลมช่วยกระซิบบอก... หฤทัย
ใจฉันยังมั่นต่อใจ แม้จนชีพมลาย
ขอตายแทบตักเธอ

ฝากเพลงลอยฟ้าข้าม ภูผาท้องนาป่าไพร
ได้รับยามใด ดลให้หัวใจอ่อนไหวด้วยไฟรักเพ้อ
อยู่แห่งไหนให้ใจเจ้าอยากเจอ อยากมาหาพี่ยาที่จากเธอ
ใฝฝันละเมอขอเธอได้โปรดคืนมา
ใฝฝันละเมอขอเธอได้โปรดคืนมา

ฝากเพลงถึงเธอ
วิสา คัญทัพ

 

โดย: พุกไม้ 23 กันยายน 2549 13:41:44 น.  

 

อยากมีคนร่วมฝัน
เข้าใจกันเป็นเพื่อน
เฝ้าคอยเตือนช่วยเหลือ
เกื้อกูล ยามพบภัย
คือเพื่อนคนนี้
ที่เราไว้ใจ
แม้หากต้องตาย
ข้างกายขอให้มีเธอ
เราจะไม่ทิ้งกัน

ใฝ่ฝันวันแสนไกล
ต่อสู้เพื่อผองชนเป็นใหญ่
จะก้าวเดินรุดไปฟันฝ่า
เมื่อยามเราหม่นหมอง
เพื่อนประคองเคียงข้าง
เราจะไม่อ้างว้าง มีพลังจะก้าวไป
ร่วมเล่นดนตรี กับคนรู้ใจ
แม้เหนื่อยเท่าใด
สู้ไป......ผองกรรมาชน
เราจะไม่ทิ้งกัน

ใฝ่ฝันวันแสนไกล
ต่อสู้เพื่อผองชนเป็นใหญ่
จะก้าวเดินรุดไปฟันฝ่า
มีเพียงใจและใจ
มอบให้ผู้หาญกล้า
ดับลงเพื่อสังคมดีกว่า
ฝากเพื่อนไว้บนฟ้าอาลัย

ใจและใจ
จิ้น กรรมาชน / ตุลาคม 2548

 

โดย: พุกไม้ 29 กันยายน 2549 7:54:59 น.  

 

John Barleycorn (must die)

There were three men came out of the west, their fortunes for to try
And these three men made a solemn vow
John barleycorn must die
They’ve plowed, they’ve sown, they’ve harrowed him in
Threw clods upon his head
And these three men made a solemn vow
John barleycorn was dead

They’ve let him lie for a very long time, ’til the rains from heaven did fall
And little sir john sprung up his head and so amazed them all
They’ve let him stand ’til midsummer’s day ’til he looked both pale and wan
And little sir john’s grown a long long beard and so become a man
They’ve hired men with their scythes so sharp to cut him off at the knee
They’ve rolled him and tied him by the way, serving him most barbarously
They’ve hired men with their sharp pitchforks who’ve pricked him to the heart
And the loader he has served him worse than that
For he’s bound him to the cart

They’ve wheeled him around and around a field ’til they came onto a pond
And there they made a solemn oath on poor john barleycorn
They’ve hired men with their crabtree sticks to cut him skin from bone
And the miller he has served him worse than that
For he’s ground him between two stones

And little sir john and the nut brown bowl and his brandy in the glass
And little sir john and the nut brown bowl proved the strongest man at last
The huntsman he can’t hunt the fox nor so loudly to blow his horn
And the tinker he can’t mend kettle or pots without a little barleycorn

 

โดย: พุกไม้ 14 มกราคม 2550 23:03:57 น.  

 

ลมลวง

ลมพัดใบไม้ปลิว ทิวไม้โอนเอนตาม
งามนักงามฟ้าคราม ยั่วยวนจิตหวามวาบไหว
ลมพัดลมพัดพา เธอคล้อยมาใกล้ใจ
ลมหมุนวนหมุนไกว ก่อใยเป็นเกลียวสัมพันธ์

*โอ้ใย ใยหนอใจ
ฉันจึงอ่อนไหว ดังไม้ต้องลม
ใจ ใยช้ำตรม
ดังลมพัดขั้ว ปลิดใบ ปลิวผลอยร่วง

ลมหนาวคอยย้ำเตือน ลมร้อนเยือนคราใด
ลมหนาวคงพัดไกล ปล่อยให้ผู้แพ้โศกศัลย์
เธอยิ้มในสายตา ชายช้อยมาให้ฉัน
ใจท้อจนเหลือทาน สุดต้านไม่ฟังเสียงเตือน
(*)
ลมหนาวโชยพริ้วเบา จวนถึงคราวลมจาง
ใจฉันครวญถึงนาง หากห่างใจหายสุดหวง
จงย้ำจำยั้งใจ อย่าหลงในภาพลวง
ลมหนาวคงหลอนทรวง ตราบช่วงชีวิตสิ้นลม

 

โดย: พุกไม้ 14 มกราคม 2550 23:08:26 น.  


พุกไม้
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




ทางใดผู้ใดสร้าง
ทางนั้นวางเพื่อทางเขา
ทางร่วมคือทางเรา
ประชาชนผู้ใช้ทาง
ก้าวไปให้อบอุ่น
ทุกทุกรุ่นผู้ถากถาง
เมื่อทางยังรกร้าง
จงช่วยสร้างใช่หมางเมิน








Friends' blogs
[Add พุกไม้'s blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.