พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงทักขิณาวิภังคสูตร เพื่อจำแนกลักษณะแห่งการให้ทานเฉพาะบุคคล และการให้ทานแก่พระสงฆ์ทั่วไป (สังฆทาน) ลักษณะดังนี้- การให้ทานแก่สัตว์เดรัจฉานที่ตนเลี้ยงหรือให้ทานสัตว์อื่นแม้คำหนึ่งหรือครึ่งคำก็ตาม ย่อมมีอานิสงส์ถึง ๕๐๐ชาติ- การให้ทานแก่มนุษย์ผู้ทุศีลนั้นมีอานิสงส์ถึง ๑,๐๐๐ ชาติ- การให้ทานแก่มนุษย์ผู้มีศีลจารวัตร มีอานิสงส์ถึงแสนชาติ- การให้ทานแก่ดาบส ผู้ได้อภิญญาสมาบัติมีอานิสงส์แสนโกฏิชาติ- การให้ทานแก่ผู้ประพฤติธรรมบรรลุโสดาปัตติผลเป็นอย่างต่ำ รวมทั้งผู้ตั้งอยู่ในไตรสรณคมน์ และปฏิบัติเพื่อให้เห็นแจ้งโสดาบันนั้น ย่อมมีอานิสงส์ อสงไขยนับประมาณมิได้.......จึงไม่จำเป็นต้องพูดถึงพระโสดาบันถึงพระอรหันตสาวกเลยว่ามีอานิสงส์เท่าไหร่นับประมาณมิได้หากทานทั้งหมดมีผลเท่ากันแล้ว ก็จะไม่มีอะไรเป็นคุณวิเศษยิ่งหย่อนไปกว่ากันในอนาคตนั้น ภิกษุผู้ทุศีลที่เรียกกันว่า โคตรภูสงฆ์ ซึ่งมีเพียงผ้ากาสาวพัสตร์ห้อยหูพันคอเท่านั้น และสำคัญตนว่าเป็นภิกษุ หากการถวายทานแก่ภิกษุสงฆ์เช่นนี้ แต่อุทิศเป็นสังฆทานก็ได้ มีอานิสงส์อสงไขยกัปเช่นกัน ตถาคตกล่าวว่า สังฆทานนั้นมีอานิสงส์มากกว่าการให้ทานเฉพาะบุคคล (ปาฏิบุคลิกทาน) การให้ทานในลักษณะที่เป็นการถวายเฉพาะบุคคล (ปาฏิบุคลิก) มี ๑๔ ประการคือ การถวายให้ผู้ใดผู้หนึ่ง ได้แก่๑. พระสัมมาสัมพุทธเจ้า๒. พระปัจเจกพุทธเจ้า๓. พระอรหันตสาวก๔. ผู้บำเพ็ญเพียรเพื่อการรู้แจ้งแห่งพระอรหันต์๕. พระอนาคามีบุคคล๖. ผู้บำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุพระอนาคามีผล๗. พระสกิทาคามีบุคคล๘. ผู้บำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุพระสกิทาคามีผล๙. พระโสดาบันบุคคล๑๐. ผู้บำเพ็ญเพียรเพื่อบรรลุพระโสดาปัตติผล๑๑. บุคคลภายนอกศาสนาผู้บำเพ็ญได้โลกิยสมาบัติ๑๒.คฤหัสถ์ผู้เลี้ยงตนด้วยเกษตร พาณิชย์โดยชอบธรรม๑๓.คฤหัสถ์ผู้ทุศีล๑๔.การให้ทานแก่สัตว์เดียรฉานการสมบูรณ์แห่งการให้ทานจึงมีเงื่อนไขอยู่ ๔ ประการ ที่ทำให้ผลแห่งทานได้ไม่เสมอกัน๑.ความบริสุทธิ์จากผู้ให้ แต่ผู้รับไม่บริสุทธิ์๒.ความบริสุทธิ์จากผู้รับ แต่ผู้ให้ไม่บริสุทธิ์๓.ความบริสุทธิ์ทั้งฝ่ายผู้ให้และฝ่ายผู้รับ๔.ความบริสุทธิ์มิได้เกิดในผู้ให้และผู้รับปุจฉา วิสัชนา ปุจฉา : ทานที่บริสุทธ์ฝ่ายผู้ให้ แต่ผู้รับไม่บริสุทธ์เป็นอย่างไรวิสัชนา : ผู้ให้มีศีลจารวัตรและกุศลธรรมประจำตัว แต่ผู้รับนั้นเป็นผู้ทุศีลขาดศีลาจารวัตรประจำตัวปุจฉา : ทานที่ไม่บริสุทธิ์ฝ่ายผู้ให้ แต่บริสุทธิ์ฝ่ายผู้รับเป็นอย่างไรวิสัชนา : ผู้ให้เป็นผู้ทุศีลขาดศีลาจารวัตร แต่ผู้รับนั้นมีศีลาจารวัตรมีกุศลธรรมประจำตัวปุจฉา : ทานที่บริสุทธิ์ทั้งฝ่ายผู้ให้และฝ่ายผู้รับเป็นอย่างไรวิสัชนา : ผู้ให้และผู้รับต่างมีศีลาจารวัตรด้วยกันทั้งสองฝ่ายปุจฉา : ทานที่ไม่บริสุทธิ์ทั้งสองฝ่ายเป็นอย่างไรวิสัชนา : ทั้งผู้ให้และผู้รับต่างไม่มีศีลธรรมทั้งคู่ของที่นำมาทำทาน- ผู้มีศีลย่อมนำของที่มาให้เป็นทาน ที่ได้มาโดยบริสุทธ์ ไม่ได้ลักขโมยมาให้ทาน - ผู้ที่นำของที่ไม่บริสุทธิ์เช่นลักขโมยมาให้เป็นทาน ถือว่าเป็นผู้ทุศีล(ทานนั้นไม่บริสุทธิ์)