ตัวจิตวิญญาณจิต เป็นพลังงานอย่างหนึ่งเรียกว่าพลังจิต ทุกชีวิตมีจิต ซึ่งมีรูปละเอียดยิ่งกว่าลม จิตเป็นพลังงานเป็นธรรมชาติชนิดหนึ่ง มีสภาพเกิดๆดับๆ อยู่ตลอดเวลาและรวดเร็วยิ่งกว่าไฟฟ้าวิ่งในหลอดไฟ โดยอาการทั้งจิตและกระแสไฟฟ้าธรรมชาติคือ มีอยู่ ๓จังหวะคือ เกิด หยุด ดับ อย่างถี่และรวดเร็ว เสียงและแสงยังวิ่งได้ช้ากว่ากระแสจิต จิตคิดชั่วลัดมือเดียวถึงลอนดอน ปารีส ฯลฯจิตเกิดดับถี่ยิ่งกว่าคลื่นวิทยุ คลื่นเรด้า คุณสมบัติของจิตคือ เรียนรู้ นึกคิด จดจำ ฉลาด โง่ ละเอียด หยาบ ฯลฯ เก็บรักษาความดี ความชั่วที่สั่งสมไว้ ดลบันดาลดีชั่ว ในกาลทั้ง๓ ( อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ) จิตที่อบรมชำระ (ปฏิบัติธรรม) เข้าถึงขั้นตอนดีแล้ว ย่อมได้คุณวิเศษ แจ่มใส เกิดทิพย์ รู้เรื่องลึกลับ รู้เหตุการณ์ข้างหน้า ระลึกชาติ อ่านใจคนอื่นได้ มีตาทิพย์ หูทิพย์ตาย-เกิด คืออย่างไรพระพุทธเจ้าสอนหลักว่า สังขาร (สรรพสิ่ง) มีความไม่เที่ยง เกิดขึ้นแล้วย่อมดับไป เกิดก็คือสังขารรวมตัวขึ้น อาศัย ชาย หญิง สืบพันธ์ ตั้งครรภ์ คลอด อาศัยปัจจัยสี่ สืบต่อชีวิต ทารก เด็ก หนุ่มสาว แก่ ตาย ซึ่งเป็นเพียงการหาเสบียงของจิต ตัวจิตนั้นไม่ตาย เป็นแต่ที่อาศัยร่างกาย ซึ่งเปลี่ยนแปลงไป เพราะชรา หรือว่าถูกทำลายไปเพราะอุบัติเหตุ โรคภัยไข้เจ็บ ก่อนชรา การตาย คือการแยกจากกันระหว่างจิตกับร่างกาย เมื่อร่างกายอาศัยไม่ได้จิตก็จากไป และไปเกิดในภพอื่นต่อไปจิต-ชาติภพ มีได้อย่างไรจิตคืออะไร เราได้พูดกันแล้วว่า จิตคือพลังงานอย่างหนึ่งเป็นนามธรรม มีลักษณะ ดิ้นรนไม่อยู่นิ่ง คว้าอารมณ์โน้น ปล่อยอารมณ์นี้ เหมือนลิงขณะตื่นวิ่งโหนตามกิ่งไม้ มีลักษณะเก็บ บุญบาป ที่ผ่านมาทาง หู ตา จมูก ลิ้น กาย ใจ การสืบต่อแห่งจิต ซึ่งอยู่ในอำนาจวิบาก (ผลกรรม) อันเนื่องมาจากกิเลส กรรมที่จิตสะสมไว้ ก่อให้เกิดเป็นตัวตนขึ้น อย่างมีเหตุมีปัจจัยกรรมและกิเลส คือปัจจัยตัวสำคัญทำให้เกิดภพ เกิดผล (วิบาก) เกิดรูปเรียกทางภาษาศาสนาว่า ธรรมชาติ (กรรมกิเลส) ที่ทำให้เกิด วิบาก และกัตตารูป เรียกภพได้แก่กรรมภพ ซึ่งเป็นเจตนากุศล และอกุศล ทำให้กรรมภพ รูปภพ อรูปภพ เกิดขึ้น เรียกว่าภพ คืออุบัติภพ ทำให้ชาติเกิด ได้แก่ ปฏิสนธิวิญญาณพร้อมกับรูป (จิตกับรูปร่าง)คัดมาจากหนังสือธรรมะ