Napel : Annapurana, Dhawalagiri
เช้าถัดมา เราเตรียมแผนว่าจะเทรคไป นี่คือแผนแรกของพวกเรา ... ไปนอนที่หมู่บ้านใกล้ Thilicho Lake , วันถัดไปเดินไปที่ Lake และเดินกลับมานอนที่โรงแรมเดิมอีก 1 คืน แผนการเดินตามนั้นเมื่อเช้าตรู่
เริ่มออกเดิน โสตประสาทตาก็ทำงานอย่างหนัก มันสวยมากก เราก็เริ่มห่างออกจากเมือง Jomsom เรื่อยๆ ข้ามสะพานแม่น้ำจากภาพด้านบน แต่.... ระหว่างทางเมื่อเดินสวนผ่านชาวบ้าน เค๊าถามว่าเราจะไหน พอบอกว่าจะไปเลค ทุกคนบอกว่าอย่าไปเพราะตอนนี้ที่นั่นหนาวมาก และโรงแรมก็เริ่มปิดบริการ คนที่นี่ฤดูหนาวเค๊าจะอพยพออกออกไปหาสถานที่ที่อุ่นกว่า ตอนนี้อากาศวิปริต หนาวมาเร็วมาก หิมะน่าจะตกพรุ่งนี้ จึงไม่ควรไป สรุป...แผนเราก็เลยเปลี่ยน ระหว่างทาง เปลี่ยนเป็น เทรคไปหมู่บ้านเท่าที่เราเดินได้อีกฟาก เช็คอิน แล้วออกไปเทรคหิมาลัยแบบไม่ต้องหอบหิ้วสัมภาระกัน แบบชิวๆ ยังเช้าอยู่ หิ้วของเองได้ หน้าแอบสด แสบดี หลังจากโดน burn มามะวาน 1 รอบ เดินเล่นในหมู่บ้านที่เดินผ่าน เค๊าเลี้ยววัวในบ้านเลยหล่ะ เอาสัมภาระไปดรอปที่โรงแรมก่อน แล้วค่อยออกไปเทรคต่อ วัดในหมู่บ้านสักแห่ง เจอตรงไหน ก็หมุนวนไป วิวก็เปลี่ยนไปเรื่อยตามแต่ละเขา เดินข้ามเขา ลูกแล้วลูกเล่า หมู่บ้านข้างล่าง เดี๋ยวเราไปนอนคืนนี้ ไม่เข้าใจว่าทำไมทางเดินต้องทำแบบนี้ มันเหนื่อยน๊าาาา พลอยเลยต้องขอลัดด้วยการเดิน cross over แบบชันๆตลอด จริงๆแล้วเดินแบบนี้เกือบทุกลูก เขาจะสูงหรือทางจะชัน ไม่กลัว ไม่หวั่น ไม่ไหว
ไม่มีสภาพเดินสวยๆ
ภาพที่เห็นก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆตามสภาพเขาแต่ละลูก พลอยชอบเขาลูกด้านหลังมากๆ ดู Mystery ใช่ไหมคะ เราสามารถนั่งมองมันได้นานสองนาน แต่เมื่อเราพยายามที่จะเดินเข้าไปใกล้มันเท่าไหร่ เรากลับมองไม่เห็นมันค่ะ จึงเดินกลับ 555 มามองไกลๆ ดูต้นไม้แล้ว ขอนับถือในความพยายามอยู่รอดของมัน ที่สามารถเติบโตได้บนหิน สู้ต่อ เพราะยังไงก็ต้องเดิน... ถอยไม่ได้แล้วหล่ะ หน้าไหม้ด้วย อาหารกลางวันเป็นอาหารในเป้ที่แบกไป กับsnackสารพัน และผลไม้ หนักมากรีบๆกินจะได้ไม่ต้องถือ ผ่านกลุ่มชาวบ้านที่ต้อนสัตว์กลุ่มแล้วกลุ่มเล่า ทั้งม้า ลา แพะ แกะ จามรี น่ารักๆ เพิ่มสีสัน ระหว่างทาง ถ้าเจอฝูงแบบนี้ก็หลบให้ดีละกัน บางครั้งรู้สึกว่า เรามาทำอะไรที่นี่ ขาเดินกลับ เริ่มทนได้ เดินแบบ calm calm ไป นั่งกินอยู่ มีชาวบ้านเดินทางผ่านมา และขอถ่ายรุปกับอิฉัน คงนึกว่ามาจากดาวไหนมานั่งกินขนมบินเทือกเขาอย่างงี้
วิว ระหว่างทาง
ก็มันเหนื่อยอะ
เดินแล้วเจอระหว่างทาง ผ้าที่สวดมนต์ ปลิวไสวอยู่บนยอด
แดดแรง อากาศดี แต่หนาวถ้าหยุดเดิน ฉะนั้นควรเดินไม่หยุดก็จะไม่หนาว เนื่องจากร่างกายได้ใช้พลังงานเต็มที่ เดินกลับมาที่หมู่บ้าน อยู่ด้านล่างนั่นหน่ะค่ะ อาบน้ำอาบท่าแล้วเข้านอนแต่หัววัน เพราะไม่มีอะไรทำ 555 และรอท่านพระอาทิตย์... ในที่สุดท่านก็มา และที่หน้าต่างหัวเตียง ตอนเช้า เช้าของวันใหม่ หลังจากอาหารเช้า เราก็ออกไปเทรคครึ่งวันเช้า บนเทือกเขา ก่อนออกจากหมู่บ้านขอไปสักการะและชมวัดในหมู่บ้านหน่อย วัดที่นี่มีค่าเข้าชม ภรรยาเจ้าของโรงแรมไปตามหาพระองค์ที่เก็บกุญแจวัด เพื่อมาใขให้เราได้เข้าไปชมด้านใน ระหว่างรอ
เดินเล่นแถววัด
ที่ผนังมีภาพเขียนเทพเจ้า สีสดสวยงาม
พระคัมภีย์
และเดินไปที่ Leopard Cave
ตั้งอยู่กลางภูเขา
ที่หน้า Cave
มีหลาย cave
ด้านใน Cave ใหญ่ มีสิ่งของบูชาวางเรียงรายอยู่
ที่ผนังถ้ำ
เมื่อมองออกมาจากด้านใน
พื้นที่หน้าถ้ำ ไม่กว้างนัก
แต่วิวเจิดมากค่ะ
ที่ด้านหน้ามีทางลงไปข้างล่างที่เชื่อมกับทางไปหมู่บ้าน ซึ่งขามาเราไม่ได้มาทางนี้ 555
กลับมาทานอาหารกลางวันที่โรงแรม แล้วเช็คเอ้าท์ แบกของทั้งหมดไปอีกหมู่บ้าน มีเลคอยู่ที่นั่น
ทักทายเพื่อนร่วมทาง
เหนื่อยแล้วพักกินหนม
พักสักนิด
เดิน เดิ๊น เดิน
ระหว่างทางไป จาก Thani Village ไป Dhumba Village
ใกล้ตา ไกลเท้ามากค่ะ พร้อมทั้งแบกสัมภาระ เดินถึงหมู่บ้านที่มีเลค ที่ประตูใหญ่ทางเข้าหมู่บ้าน
มีที่หมุนสวดมนต์หน้าทางเข้าหมู่บ้าน
ถึงแล๊ววว Dhumba Lake คือโปรดจินตนาการตามว่า ด้านข้างซ้ายเห็นภูเขาสีดำ Mystery และด้านขวาเป็นภูเขาที่มีหิมะปกคลุมยอดเขา คือมันดีงามอะค่ะ ใช้เวลาสักพัก แล้วเดินกลับ ระหว่างทาง เก็บน้ำหิมาลัยกลับไปฝากเพื่อนที่เมืองไทย แบกของและแบกน้ำของฝากและน้ำดื่มของตัวเอง วิวระหว่างทางก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ สวยงามแปลกตา
แล้วก็เดิน ในระหว่างที่เดินข้ามลำธารเล็กๆแต่ลึกและน้ำเชี่ยว
เพื่อนที่ข้ามไปแล้วก็หันกลับมาและส่งมือให้ 555 ยัยพลอยบอกว่า Its OK. Could you please take me photo instead??? 555 เสียงตอบกลับมาทันใดพร้อมเสียงหัวเราะว่า ยูว์ไม่กลัวตกน้ำ แต่ยูว์กลัวไม่ได้รูป ถ้าตกลงไปในน้ำนะ ไอจะหัวเราะให้หนัก ...
ทุลักทุเลนิดหน่อย เบื้อหลังภาพ
ข้ามมาอีกฝั่งสำเร็จ
ลำธารก็พบเจอเรื่อยๆ ระหว่างทางกลับ น้ำแรงพอสมควรค่ะ ส่วนบางที่ก็ดูไหลเอื่อยๆ ทั้งหมดมาจากการละลายของน้ำแข็ง
บางมาเรียบๆ
วิวระหว่างทางกลับ Jomsom
เมื่อเดินมาถึงสะพานแขวน เห็น Jomsom อยู่ริบๆ ใกล้แล้ว ใจชื้นฉมัด แต่ พระอาทิตย์ก็เริ่มจะลับขอบฟ้าแล้ว ต้องทำเวลาสักหน่อย เดี๋ยวต้องไปหาโรงแรมอีก วิวมันงามบาดตาบาดใจมากกกกก
ฝั่งนึงของสะพานเป็นวิวแบบด้านบน อีกฝั่งเป็นวิวแบบนี้ค่ะ ต่างกันมาก แต่ก็สวยงามทั้งคู่
เดินกลับมาถึงJomsom มาหาโรงแรม ตอนแรกเลือกเอาโรงแรมต้นๆที่เดินไปถึง แต่พอเพื่อนเดินเข้าไปดูห้องแล้วไม่ชอบใจ เราก็เปลี่ยนโรงแรมและขอดูห้องไปเรื่อยๆ บางโรงแรม โอเคร แต่คนที่โรงแรมบอกว่าวันนี้ไม่แน่ใจนะว่าจะมีน้ำอุ่นเพราะวันนี้ไม่มีแสงแดดทั้งวัน เราจึงต้องใช้สูตรเดิม คือดูจากแผงโซล่าใหม่ๆ สรุปได้โรงแรมตามประสงค์ เมื่อเช็คอินก็สั่งอาหารไว้เลย สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ น้ำร้อน ที่นี่เค๊าขายราคาพอๆกะอาหารนะคะ 1 กระติก เราเปลี่ยนไฟล์กลับ Pokhara พรุ่งนี้เช้า เพราะไม่ได้ไป Lake Thilicho เวลาเหลือไม่มีไรทำ เมื่อตื่นเช้ามา ทานอาหารเช้าเสร็จ ทุกคนก็คิดว่าวันนี้คงไม่ได้กลับ Pokhara แหงๆหล่ะ เพราะหมอกลงจัด และไฟล์จาก Pokhara ที่มาที่นี่รอบเช้าก็ยังไม่มีเครื่องบิน บินมาเลย เมื่อรอจนสายๆ เราก็ได้เห็นแสงสว่างมากขึ้น ดูรันเวย์จากที่บัลโคนี่โรงแรม
เกือบ 8 โมงแล้วก็ยังเงียบเหงาอยู่เลย
นั่งชมวิวต่อไป
ไฟล์แรกจาก Pokhara มาแร็ว เรารีบเช็คเอ้าท์และเดินไปสนามบินที่อยู่ใกล้ๆกัน เพื่อต้องการไปไฟล์นี้ เย้ เราได้เดินทาง
ที่สนามบิน Jomsom ตอนเช้าตรู่
เครื่องบินกำลังจะ Take off
ทีนี้ต้องนั่งทางซ้ายมือของเครื่องนะคะ เพื่อไปจองให้ตามประสงค์ ฮีบอกว่า คราวหน้าจะจองที่นั่งใน cockpit ให้ยูว์เลยนะ
Top View
วิวงามๆ ตามท้องเรื่อง
ชมจากบนนี้สวยจนไม่อยากกระพริบตา
เจอ Captan คนเดิม ฮีจำอิฉันได้เลยบอกเข้ามาถ่ายรูปด้านในก็ได้
ผ่านไป 30 นาที เครื่องบินก็ลงจอดที่ Pokhara
หาแท็กซี่ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้ที่โรงแรม และให้พาไปรถตู้ 650NPR นี่คือสภาพรถ
เข้าเมือง Pokhara เพื่อไปหารถตู้กลับ Katmandu
บรรยากาศเมือง
เดี๋ยวจะเล่าเรื่องการเปลี่ยนแผนและเปลี่ยนใจกระทันหันใน journal หน้านะคะ
ยาวไปแล้วขอตัดยกยอดไปอีก folder นะคะ
Ploy Journey Journal
Next: Katmandu
Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2561 |
Last Update : 2 กุมภาพันธ์ 2561 14:25:14 น. |
|
0 comments
|
Counter : 308 Pageviews. |
|
|