(11) 13 สัปดาห์ กับการพบหมอครั้งที่ 3
วันนี้ก็ได้เวลาไปพบหมอเป็นครั้งที่ 3 พร้อมลูกที่อยู่กับเรามา 13 สัปดาห์แล้ว ช่วงที่ผ่านมา ก็ยังมีอาการแพ้มากน้อยสลับกันไป แต่ถ้าเทียบกับตอนแพ้หนักๆ ครั้งนี้ ถือว่า ชิว ชิว ค่า .......
ความเปลี่ยนแปลงก็เป็นท้องที่ใหญ่ขึ้น แต่น้ำหนักยังไม่ขึ้นกลับมาเท่าก่อนท้อง (ก็ดีแล้ว) กินได้มากขึ้น เป็นช่วงๆ บางทีก็เบื่ออาหาร แบบไม่รู้จะกินอะไรดี บางทีก็มีเมนูที่อยากกินในใจ เวลากินก็กินมากไม่ค่อยได้ ยังจุกอยู่ ถ้ากินของมันๆ ของทอด ของหวานๆ จะอร่อยตอนกิน แต่พอกินเสร็จ ความทรมานจะมาเยือน
ดูเหมือนลูกจะปฎิเสธของแพงซะด้วย ไม่สามารถกิน ปู กุ้งแม่น้ำ ปลาแซลมอน และ หูฉลามได้ค่า 5555 ตั้งแต่ท้อง ที่กินมาแล้วอร่อยสุด ก็เป็นน้ำพริกกะปิ กะ ผักลวก ที่ไปกินมาที่อัมพวา
พูดเรื่องกิน แอบปลาบปลื้มสามี เมื่อคืน เราบอกจะกินโจ้กกะปาท๋องโก๋ตอนเช้า พอเช้าเค้าคงอยากให้เรานอนเยอะๆ เค้าเลยเดินไปตลาดคนเดียว ไปซื้อให้เรา ทั้งๆ ที่เค้าไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนี้ ปกติจะโดนเราลากไปเป็นเพื่อน เค้าบอกตั้งแต่เกิด เค้าไม่เคยคิดจะเดินไปเลย ก็รู้สึกดีน่ะ ที่เค้าทำเพื่อลูก เพื่อภรรยา มันเป็นเรื่องเล็กน้อยที่ยิ่งใหญ่สำหรับเรา ขอบคุณน่ะค่ะ
อ๋อ...ในบางครั้งก็รู้สึกได้ถึงการเต้นของหัวใจลูก ท้องจะตุ้บๆ เห็นได้ด้วยตาเปล่า และเอามือไปอัง เมื่อวาน รู้สึกเหมือนโดนตอดที่ท้อง แต่ไม่รู้ว่าคือลูกมีการขยับเหรอเปล่า แต่ก็รู้สึกดีน่ะ
วันนี้ไปหาหมอ ก็ประเดิมด้วยการเข้าห้องน้ำ เก็บปัสสาวะใส่ขวด แต่มีน้อยมาก เพราะดันไปเข้าห้องน้ำก่อนออกจากบ้าน (ลืมไป) พอพบหมอ หมอก็ตรวจที่ท้อง และฟังเสียงหัวใจลูกอีกครั้ง ซึ่งเต้นเร็วมาก รู้สึก (เอาเอง) ว่าลูกชั้นแข็งแรง หมอบอกว่าท้องโตขยายขึ้นมาด้านบน เราก็บอกว่า ใช่ค่ะ เรารู้สึกได้ หมอถามว่า รู้สึกว่าลูกดิ้นไหม ไม่กล้าตอบอ่ะ กลัวว่าจะเห่อ คิดไปเอง เลยบอก ไม่รู้สึกค่า
ก่อนไปเจาะเลือด เพราะสามีถาม หมอก็อธิบายว่า เจาะเลือดไปตรวจอะไรบ้าง การตรวจแบบนี้ ต่างจากตรวจร่างกายประจำปียังไง อย่างเบาหวานนี่ จะตรวจไม่เหมือนกันน่ะ ถ้าตรวจตอนตั้งครรภ์ จะตรวจอีกแบบหนึ่ง หมอแนะนำว่า เรื่องเบาหวานสำคัญมาก ยังไง หมออยากให้คนท้อง treat ตัวเองเหมือนเป็นเบาหวานไปซะ จะได้ลดการเสี่ยง เพราะถ้าเป็นเบาหวาน นอกจากอาจมีปัญหาในการตั้งครรภ์และคลอด ค่าใช้จ่ายจะขึ้นเป็นเท่าตัว เพราะโรงพยาบาลจะไม่รับเราเข้า package
ก่อนลาหมอ หมอก็บอกว่า คราวหน้าเรามา ultrasound กันน่ะ สามีก็ถามว่า (ช่างถามมากค่ะ เรานั่งใบ้มาก) จะเห็นเพศลูกเลยใช่ไหม หมอบอกใช่ จริงๆ ตรวจตอนนี้ก็เห็นน่ะ แต่หมออยากให้เป็น 4 เดือนก่อนค่อยดู นัดคราวหน้าวันที่ 24 มาราคม เราจะได้รู้เพศลุกแล้ววววว
พวกผู้ใหญ่จะไม่ชอบให้ ultrasound หรือเพื่อนบางคนบอกให้ลุ้น ชั้นไม่ลุ้นหรอก ชั้นจะดู จะได้คุยกะลูกถูก เรียกชื่อลูกถูก คนที่ไม่อยากรู้เพศ ชั้นจะแกล้ง ไม่บอกเพศลูกซะเลย แกล้งๆๆๆๆ
ก็ได้เวลาไปเจอะเลือด กลัวมาก เพราะเราเป็นคนหาเส้นเลือดยาก และเส้นเลือดเล็ก ปกติไปตรวจร่างกายประจำปี นางพยาบาลไม่ค่อยปราณี เอาเข็มแทงแล้วควานหา เราไม่ชอบเลย มันเจ็บอ่ะ ปีนี้ เรากลัวต้องเจาะหลายรอบ เลยไม่ยอมไปตรวจร่างกาย สามีก็คะยั้นคะยอให้ไป เราเลยบอก อยากโดนเจาะ ก็ไปเจาะเองสิ อิ อิ อิ แต่โชคดี ได้มือโปรค่ะ หนนี้เลยเจอเส้นเลือดเร็ว ไม่ต้องควานหา (แต่ก็เกือบไป)
แต่แปลกน่ะ ตอนที่อยากรู้ว่าท้องไหม วิ่งหาเข็มเลยน่ะ ไป BNH ตรวจเลือดว่าท้องไหม แบบไม่กลัวเลย เห็นไหม ทำเพื่อลูกอ่ะ ยอมเจ็บได้จริงๆ
วันนี้ ค่าใช่จ่ายที่สามีจ่ายค่อนข้างสูง เพราะมีการตรวจเลือด ทั้งหมด 2,130 บาท (ค่า lab ตรวจทางห้องปฎิบัติการ 1,150 / Urine Sugar-Albumin 50 / ค่าแพทย์ 300 / ค่าตรวจท้อง 200 / ค่าบริการ 100 / ค่ายา 330) ก็ได้ยาชุดเดิมมากินต่อ
ตอนนี้ ก็คงตั้งหน้าตั้งตารอไปพบหมอคราวหน้า เพื่อจะได้รู้ว่า ลูกสาว หรือ ลูกชาย ที่อยู่ในท้อง ถึงแม้ว่าใจจะโอนเอียงไปทางเด็กผู้หญิง แต่ถ้าได้ผู้ชายก็คงมีชีวิตชีวาไปอีกแบบ จะได้เป็นหลานชายคนแรกของตระกูลสามีเรา และฝั่งบ้านเราด้วย เผลอๆ ประหยัดดี ไม่ต้องเสียเงินค่าแต่งตัวให้ลูกเยอะ เพราะถ้าเป็นลูกสาว ชั้นคงบ้าซื้อเสื้อผ้า จับลูกแต่งตัวแหงๆๆ จะยังไกได้แหละ เพราะตั้งใจมีมากกว่า 1 คนอยู่แล้ว
ติดตามชมตอนต่อไปค่า
Create Date : 27 ธันวาคม 2551 |
|
14 comments |
Last Update : 24 มกราคม 2552 15:23:53 น. |
Counter : 6751 Pageviews. |
|
|
|
ยังไงดูแลสุขภาพดีๆน๊าาา มิสมิส
ส่งความสุขก่อนปีใหม่ที่ใกล้จะมาถึงค่ะ