เครื่องมือดัชนีกำลังสัมพัทธ์ RSI : RELATIVE STRENGTH INDEX Part II

คราวที่แล้วได้เกริ่นไปเบื้องต้นสำหรับ สูตรการคำนวนหาค่า Rsi ไปแล้วนครับ คราวนี้เราจะมาดูวิธีใช้กันบ้างนะครับ ซึ่งผมได้บอกไปแล้ว มีอยุ่ 5 วิธี ซึ่งมีอะไรบ้างเรามาดูกันนะครับ

1.  ดูยอด (TOP) และฐาน (BOTTOM) มักจะเกิดยอดเหนือเส้น 70 และเกิดฐานใต้เส้น 30 โดยปรากฏยอดและฐานให้เห็นก่อนตลาด



2.  ใช้ดูรูปแบบซึ่งจะใช้ดูเช่นเดียวกับรูปแบบที่เกิดในแผนภูมิราคา แต่จะให้ความสำคัญกับรูปแบบ HEAD & SHOULDERS ; DOUBLE TOPS & DOUBLE BOTTOMS ในลักษณะเป็นสัญญาณเตือนว่าราคาหุ้นจะมีการเปลี่ยนทิศทาง โดยเฉพาะถ้ารูปแบบนั้นเกิดขึ้นในบริเวณเขต OVERBOUGHT หรือ OVERSOLD



3. ดูการเหวี่ยงตัวของ 14 RSI ที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย (FAILURE SWING) โดยการตวัดกลับครั้งต่อไปไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในบริเวณเขต OVERBOUGHT หรือ OVERSOLD



TOP FAILURE SWING เกิดขึ้นเมื่อยอดแหลมของ RSI อยู่เหนือเส้น 70 (A) และยอดสูงใหม่ C อยู่ต่ำกว่ายอดสูงเก่า (A) โดย TOP FAILURE SWING จะสมบูรณ์ เมื่อเส้น RSI เคลื่อนที่จากจุดยอด C ลงต่ำกว่าจุดต่ำสุด (B) ทีอยู่ระหว่างยอดสูงทั้งสอง (A และ C)
สัญญาณการขายจะมีอยู่ 3 ช่วง  
เมื่อเส้น RSI อยู่เหนือเส้น 70 ที่ยอดสูง (A)
เมื่อเส้น RSI ไม่ทะลุเส้นต้าน (AC)
เมื่อเส้น RSI ทะลุเส้นหนุน (B)
โดยทั่วไปแล้วสัญญาณขายตามข้อ 3. จะมีความแม่นยำสูงสุด



BOTTOM FAILURE SWING เกิดขึ้นเมื่อจุดฐานของ RSI อยู่ต่ำกว่าเส้น 30 A) และจุดฐานใหม่ (C) อยู่สูงกว่าจุดฐานเก่า (A) โดย BOTTOM FAILURE SWING จะสมบูรณ์เมื่อเส้น RSI เคลื่อนที่จากจุดฐาน (C) ขึ้นสูงกว่าจุดสูงสุด (B) ที่อยู่ระหว่างจุดฐานทั้งสอง (A และ B)
สัญญาณการซื้อจะมีอยู่  3 ช่วง
เมื่อเส้น  RSI  อยู่ต่ำกว่าเส้น 30 ที่จุดฐาน  (A)
เมื่อเส้น  RSI  ไม่ทะลุเส้นหนุน  (AC)
เมื่อเส้น  RSI  ทะลุเส้นต้าน (B)
โดยทั่วไปแล้วสัญญาณซื้อตามข้อ 3. จะมีความแม่นยำสูงสุด



การดูแนวหนุนและแนวต้าน บางครั้ง RSI จะแสดงระดับของแรงหนุน-แรงต้านได้ชัดเจนกว่าแผนภูมิราคา โดยการใช้เครื่องมือวิเคราะห์แนวโน้ม เช่น TRENDLINES,  MOVING AVERAGES



5.  การแยกทางออกจากกันระหว่างแผนภูมิราคากับ RSI 
BEARISH DIVERGENCE
ในตลาดที่มีแนวโน้มขึ้น เมื่อเกิดลักษณะการเคลื่อนที่แยกทางกัน (DIVERGENCE) โดยเกิดขึ้นเมื่อราคาใหม่ (C) ขึ้นสูงกว่ายอดสูงของราคาเก่า (A) แต่ RSI ยอดใหม่ (C) อยู่ต่ำกว่า RSI ยอดเก่า (A) ตรงจุดนี้จะเป็นสัญญาณเตือนว่าการวิ่งขึ้นของราคาจะวิ่งต่อไปได้อีกไม่นาน แล้วจะปรับตัวลงมาตาม RSI



BULLISH DIVERGENCE
ในตลาดที่ราคามีแนวโน้มลดลง เมื่อยอดต่ำใหม่ของราคา (C) อยู่ต่ำกว่ายอดต่ำเก่าของราคา (A) ในขณะที่ RSI ยอดใหม่ (C) อยู่สูงกว่า RSI ยอดเก่า (A) ตรง จุดนี้จะเป็นสัญญาณเตือนว่า ราคาน่าจะสามารถสะท้อนกลับสูงขึ้นได้ในไม่ช้านี้ หรืออาจจะเป็นสัญญาณเตือนว่า การลดต่ำลงของราคานั้นใกล้จะจบลง



ข้อสังเกตของ RSI
1.)ปกติยอดสูงที่สูงกว่า 70 และยอดต่ำที่ต่ำกว่า 30 จะมีความสำคัญในการวิเคราะห์
2.)FAILURE SWINGS (SUPPORT AND RESISTANCE PENETRATION) จะเป็นสัญญาณเตือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงของราคา
3.)โดยทั่วไปแล้ว RSI จะแสดงระดับแรงหนุน และแรงต้านได้ชัดกว่าราคา
4.)เมื่อ RSI เคลื่อนที่ไม่ตามกันกับราคา (DIVERGENCE) จะชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มที่ราคาจะเปลี่ยนไปตามทิศทางของ RSI

ยังมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยสำหรับ Rsi อีกนะครับ มีดัวต่อไปนี้ครับ
*RSI เป็น indicator หรือเครื่องมือชี้วัดตัวหนึ่งที่นิยมกัน โดยส่วนมากจะใช้ RSI 14 แต่ทั้งนี้อาจจะใช้ RSI 9 หรือ 25 ก็ได้ 
*จำนวน 14, 9 หรือ 25 เป็นจำนวนวันย้อนหลัง ที่ระบบนำการเคลื่อนไหวของราคามาคำนวณเพื่อสร้างเส้น RSI
*การ ใช้งาน RSI นั้น เพื่อบอกถึงการกลับตัว โดยทั่วไปไปเราจะใช้เส้น 70-30 โดยเมื่อราคาวิ่งขึ้นมาจนสูงมาก และ RSI ขึ้นมาถึงเส้น 70 เป็นการบอกว่า Over Bought ซึ่งหากมีสัญญาณอื่นสนับสนุน ก็แปลว่าเตรียม short sell ได้ (สังเกตใช้คำว่า "เตรียม")
*และในทางกลับกัน เราใช้แนวเส้น 30 เป็นการบอกว่า Over Sold เตรียมเข้า buy ได้
*เราสามารถตั้งค่า RSI ที่ 14 ใกล้กับ 30 70 เป็นค่า default แต่ดีที่สุดก็ลองตรวจสอบดูระหว่างค่าแบน 30 ถึง 70 จนกว่าคุณจะเจอค่าที่ดีที่สุดสำหรับหุ้นของคุณ เช่น 40-70
*RSI จะช่วยคุณหาสัญญาณ ซื้อมากเกินไป และ ขายมากเกินไป
*บางคนอาจจะใช้ดูค่าสัญญาณ breakout ปลอม เมื่อ RSI ไม่ได้อยู่จุด new high แต่ ราคาหุ้นใช่ ซึ่งในทางตรงกันข้าม ถ้าราคาหุ้นอยู่ new high ค่า RSI ก็จะอยู่ใน new high ด้วย
*สุดท้าย ค่า RSI ใช้บอกสัญญาณ ความเป็นไปได้ที่มันจะไม่ reverse กลับมา เมื่อ ผ่านจุด last peak หรือ low ไปแล้ว

แม้ Rsi จะสามารถทำไปใช้วิเคราะได้หลากหลายวิธี แต่หน้าที่หลักๆของ มันจริงๆ คือการดูสัญญาณกลับตัวนะครับ นั้นก็คือ BULLISH OR BEARISH DIVERGENCE นั้นเองครับ ฝากเอาไว้นะครับ indi ควรใช้แต่พอดี อย่าเชื่อ indi เพียงตัวเดียว ควรหาหลายๆเครื่องมือมา confirm กันและกันนะครับ จะช่วยให้เรามั่นใจขึ้ครับ บทนี้ค่อยข้างยาวเลยประจวบกับมีคน เรียกร้องให้ เขียนไวๆ อีกอย่างผมก็เริ่มจะว่างแล้วเลย รีบมาเขียนให้จะได้ไม่ขาดตอนกันเกิดไป มีคำถามไม่เข้าใจตรงไหนสอบถามได้นะครับ ไม่ว่าจะหลังไมค์หน้าไมค์ แล้วผมจะมาตอบให้นะครับ บทเรียนนี้น่าจะเป็นบทเรียนสุดท้ายของปีนี้แล้วนะครับ ปีหน้าผมจะมาต่อให้ในขั้น seminar นะครับ เพราะ basic นั้นคงจะหมดแล้ว Happy new year ล่วงหน้านะครับ ทุกท่าน แล้วเจอกันปีหน้าครับ ^^

Create Date : 19 ธันวาคม 2553 Last Update : 19 ธันวาคม 2553 13:31:58 น. Counter : 3465 Pageviews.		8 comments
Share Tweet