#หาหุ้นทำเงิน : สร้างโมเดลธุรกิจของหุ้นต้องทำยังไง
#หาหุ้นทำเงิน : สร้างโมเดลธุรกิจของหุ้นต้องทำยังไง สำหรับการลงทุนแนววีไอ การสร้างโมเดลธุรกิจเพื่อพยากรณ์อนาคตของกิจการเป็นเรื่องที่ จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะการที่เราสามารทำโมเดลกิจการใดๆ ออกมาได้แม่นยำมากเท่าไร โอกาสที่เราจะลงทุนได้ถูกต้อง สามารถทำนายกำไรในอนาคตของกิจการนั้นๆ ก็จะมีมากขึ้นเป็นเงาตามตัว สูตรที่ใช้ในการสร้างโมเดลกิจการ หนึ่งในเครื่องมือที่นักรบวีไอใช้กันบ่อยๆ สำหรับสร้างโมเดลธุรกิจก็คือ EXCEL โดยสิ่งที่เราต้องใส่เข้าไปในโมเดลก่อนอื่นเราต้องเปรียบตัวเองเป็นเจ้าของกิจการ สิ่งที่เจ้าของกิจการควรรู้เกี่ยวกับกิจการที่ทำผมยกตัวอย่าง รถไฟฟ้า ที่มีโมเดลดังต่อไปนี้ ตัวเลขที่ต้องติดตามตัวแรก ที่มาของรายได้ รายได้มาจากไหน จุดเริ่มต้นของรายได้เป็นสิ่งที่สำคัญมากๆ การรู้ที่มาของแหล่งรายได้จะช่วยให้เราประเมินทิศทางของกิจการได้แม่นยำมากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น กิจการรถไฟฟ้า รายได้ก็จะมาจาก รายได้การเก็บค่าโดยสาร รายได้จากการบริการ รายได้จากกิจการโฆษณา รายได้จากค่าโดยสารต่อเที่ยวต่อปี (บาท) คิดด้วยการนำเอารายได้ทั้งหมดในกิจการที่เป็นรถไฟฟ้ามาหารจำนวนเที่ยวที่เราคาดการณ์เอาไว้ ยกตัวอย่างเช่น นักลงทุนคาดการณ์ไว้ว่าจำนวนเที่ยวรถโดยสารในปีหน้าจะมีตัวเลข 3.3 แสนเที่ยวต่อวัน คิดเป็น 330,000 x 365 = 120.45 ล้านเที่ยวต่อปี ต่อมาเราก็ต้องดูรายได้เฉพาะค่าโดยสารจากข้อมูลที่บริษัทให้มาดังนี้ จากรูปจะเห็นว่ารายได้ของกิจการรถไฟฟ้ามีรายได้ปีละ 3,230 ล้านบาท เมื่อนำมาหารกับจำนวนเที่ยวโดยสารต่อปี จะได้ 9,787 บาทต่อเที่ยวต่อปี หรือเที่ยวละ 26.82 บาทต่อวัน ตัวเลขนี้เปรียบคล้ายๆ กับ Same Store Sale Growth ในหุ้นค้าปลีก ถ้าตัวเลขค่าใช้จ่ายต่อเที่ยวขยับขึ้นหมายถึงผู้คนจะโดยสารหลายสถานีขึ้น สิ่งนี้จะเกิดขึ้นเมื่อมีรถไฟฟ้าสายอื่นๆ มาเชื่อมต่อ ทำให้มีสถานีเพิ่มขึ้น และไปเพิ่มแนวโน้มของผู้โดยสารให้เดินทางไกลขึ้นนั่นเอง ตัวเลขที่ต้องติดตามต่อมาก็คือ ต้นทุนขาย สูตร : กำไรขั้นต้นของกิจการ = รายได้ ต้นทุนขาย ถ้ารายได้เพิ่มขึ้นเร็ว แต่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นเร็วกว่า = ไม่ดีแต่ควรจับตามอง ถ้ารายได้ไม่เพิ่มขึ้น แต่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นเร็ว = ไม่ดี ต้องดูว่ากิจการมีปัญหาตรงไหน ขายของได้หรือไม่ ถ้ารายได้เพิ่มขึ้นเร็ว แต่ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นช้า หรือคงที่ = ดีมาก แนวโน้มแบบนี้กำไรขั้นต้นในอนาคตจะเติบโต จะทำให้กำไรสุทธิเติบโตตามมา และส่งผลให้ราคาหุ้นมีโอกาสขยับปรับขึ้น การหา ต้นทุนขาย นักลงทุนสามารถหาได้จากงบการเงินของบริษัท ดาวน์โหลดงบการเงินได้ที่ www.set.or.th แล้วเข้าไปดาวน์โหลดงบได้ที่หน้าหลักของหุ้นแต่ละตัว ไม่ยากครับ ตัวเลขที่สำคัญต่อมา ได้แก่ ค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหาร ค่าเสื่อมราคา ดอกเบี้ยจ่าย ภาษีจ่าย และค่าใช้จ่ายอื่นๆ หน้าที่ของนักลงทุนก็คือ ต้องรบรวมตัวเลขดังกล่าวให้ครบ โดยสามารถหาตัวเลขเหล่านี้ได้จากงบการเงินของบริษัทที่ถูกเผยแพร่บนเว็บของตลาดหลักทรัพย์ นำมาใส่ในตาราง Excel หน้าตาคล้ายๆ ข้างต้น โดยในรายละเอียดจะขึ้นอยู่กับแต่ละบริษัทที่เราติดตาม บางกิจการอาจมีค่าใช้จ่ายที่แตกต่างออกไป เช่น ค่าใช้จ่ายในการเทรดค่าเงินบาท กำไรพิเศษจากสต็อก กำไรพิเศษจากการขายที่ดิน อสังหาริมทรัพย์ หรือการขายกิจการ แม้แต่ขาดทุนพิเศษจากเหตุการณ์ต่างๆ ตัวเลขเหล่านี้ยิ่งหาได้ครบเท่าไรยิ่งเป็นประโยชน์ต่อการประมาณการโมเดลธุรกิจของเรามากเท่านั้น สรุปตัวเลขต่างๆ ออกเป็นโมเดล เมื่อได้ตัวเลขครบตามที่ต้องการเราก็ต้องสรุปตัวเลขต่างๆ โดยนำตัวเลขที่สำคัญ ที่หามาได้ใส่ในตาราง Excel สูตรที่ใช้ก็พื้นฐานเลยง่ายมากๆ นั่นคือ บวก ลบ คูณ หาร ธรรมดา โดยเราต้องประเมินกำไรล่วงหน้าของปีถัดๆ ไปอย่างน้อยที่สุด 3-5 ปีต่อจากนี้ ถ้าเราประเมินกำไรได้แม่นยำมากโอกาสที่เราจะลงทุนแล้วประสบความสำเร็จก็จะมีมากขึ้น การประเมินมูลค่าหุ้น บรรทัดสุดท้ายของโมเดลก็คือ กำไรสุทธิ เมื่อเราได้กำไรสุทธิแล้วก็นำมาหารด้วยจำนวนหุ้นทั้งหมด เพื่อแปลงให้เป็น กำไรต่อหุ้น หรือ Earnings Per Share (EPS) และสิ่งที่สำคัญต่อมาก็คือเราต้องประเมิน PE ของหุ้น หรือความถูกแพงของหุ้น โดยหลักการคร่าวๆ มีดังนี้ - หุ้นโตเร็ว หรือ Growth Stock ให้ PE 20 40 เท่า
- หุ้นปันผล หรือ หุ้นอิ่มตัว (Big Tree Stock) ให้ PE 10 เท่าหรือต่ำกว่า
- หุ้นวัฏจักร ให้ PE ไม่ได้ แต่เราต้องประเมินกำไรที่ควรจะเป็นและใช้ PE 10 เท่าหรือต่ำกว่า
- หุ้นพลิกฟื้น หรือ Turn Around Stock ให้ PE ไม่ได้ ควรประเมินด้วย PBV ในกรณีที่คิดว่ากิจการจะพลิกกลับมาได้ เราสามารถจะให้ PBV ได้ 3 เท่า
- หุ้นสินทรัพย์แฝง หรือ Asset Stock ให้ PE ต่ำกว่า 5 เท่า
เมื่อให้ PE ที่เหมาะสมแล้วก็นำ EPS ที่ได้จากโมเดลมาคูณด้วย PE ที่เราคิดว่าเหมาะสม ยกตัวอย่างเช่น หุ้น A มีกำไรต่อหุ้น 1 บาทต่อหุ้น PE 10 เท่า ราคาหุ้นจะ = 10 บาทต่อหุ้น อย่างไรก็ตามความแม่นยำของโมเดลกิจการที่นักลงทุนวีไอแต่ละคนทำขึ้นมาเอง อาจมีข้อผิดพลาด ขึ้นอยู่กับรายละเอียด ความแม่นยำ และประสบการณ์ของแต่ละคน มีคนเคยบอกเอาไว้ว่าให้คน 100 คนประเมินมูลค่าหุ้นตัวเดียวกันก็อาจได้ 100 ราคาเหมาะสม แต่ความคลาดเคลื่อนของเราควรจะน้อยลงเรื่อยๆ ถ้าเราเก่งขึ้น แม่นยำมากขึ้น โอกาสประสบความสำเร็จก็จะมากขึ้นตามไปเองครับ คำเตือน : การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเพียงความคิดเห็นส่วนบุคคล ผู้เขียนไม่มีเจตนาชี้นำการลงทุน และไม่รับผิดชอบต่อผลการลงทุนของผู้อ่านในทุกกรณี แนะนำหนังสือ หาหุ้นโตเร็ว สไตล์ VI - โต 10 เท่าในสิบปี "หาหุ้นโตเร็ว สิบเท่า ในสิบปี" ... หนังสือเล่มนี้ถูกเขียนในยามตลาดหุ้นผันผวน และดูเหมือนว่านักลงทุน "ส่วนใหญ่" มองไม่เห็นว่าการลงทุนหุ้นจะให้ผลตอบแทนที่ดีได้อย่างไร ... แต่ข้อเท็จจริงก็คือ แม้ในยามตลาดแย่ ก็มีหุ้นโตเร็วเกิดขึ้นมากมาย บางตัวโต 1 เท่าตัว 2 เท่าตัว หรือ 5-10 เท่าตัวก็มี ... ทำอย่างไรเราจะ "ค้นหา" หุ้นโตเร็ว หรือ Growth Stock เหล่านี้ได้ หนังสือเล่มนี้มีคำตอบครับ อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ How to การบริหารจัดการเงิน อสังหา "คลิ๊กอ่านที่นี่เลยครับ" อ่านเรื่องราวอื่นๆ ที่น่าสนใจ How to การบริหารจัดการเงิน อสังหา "คลิ๊กอ่านที่นี่เลยครับ" [เกี่ยวกับผู้เขียน] "นายแว่นธรรมดา" หนึ่งในกูรูหุ้น FINOMENA และผู้ก่อตั้ง //www.topofliving.com ผู้เขียนหนังสือ "ลงทุนหุ้นโตเร็ว" และหนังสือขายดี "กลยุทธุ์จับจังหวะลงทุนหุ้น" ปัจจุบันเป็นนักลงทุนอิสระ นักเขียนอิสระ ขอถ่ายทอดความรู้ด้านการลงทุน เผื่อเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนๆ ทุกคนนะครับ ติดต่อนายแว่นธรรมดาได้ที่นี่ครับ naiwaentammada@gmail.com
Create Date : 25 เมษายน 2560 |
|
0 comments |
Last Update : 25 เมษายน 2560 13:36:43 น. |
Counter : 1292 Pageviews. |
|
|
|