Bloggang.com : myAstro : ดวงดาวและความหมาย : ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์

ดวงดาวและความหมาย : ดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์

เป็นไงบ้างครับเพื่อนๆ หลังจากได้ติดตาม blog ของผมมาซักระยะหนึ่งแล้ว เพื่อนๆ เริ่มมีความคิดเห็นหรือมุมมองต่อโหราศาสตร์สากล (Astrology) ยังไงกันบ้างครับ

หวังว่า blog ของผมคงจะมีโอกาสได้เปิดมุมมองใหม่ๆ ของเพื่อนๆ ที่มีต่อศาสตร์แขนงนี้ในอีกแง่มุมบ้างน่ะครับ หากใครเป็นแฟนประจำที่ติดตามอยู่ตลอด ก็ฝากเสียงไว้ให้ชื่นใจหน่อยละกันน่ะครับ

ผมได้กล่าวเกริ่นไว้ใน blog ที่แล้วเกี่ยวกับความสำคัญของดวงดาว (Plant, Fixed star) ต่างๆ ที่มีผลต่อการพยากรณ์ มาใน blog นี้ ผมก็จะเริ่มเข้าสู่ความหมายของดาวแต่ละดวงน่ะครับ

เริ่มจากดาวที่จัดว่ามีบทบาทมากๆ ในระบบก่อน นั่นคือ ดวงอาทิตย์ (Sun) และดวงจันทร์ (Moon)

ดวงอาทิตย์ (Sun)

ดวงอาทิตย์ (Sun) นั้นจริงๆ แล้วไม่ใช่ดาวเคราะห์ (Planet) น่ะครับ เพราะอย่างที่ทราบกันว่า ดวงอาทิตย์เป็นดาวฤกษ์ (Star) คือดาวที่มีแสงส่องสว่างในตัวเอง แต่ในทางโหราศาสตร์สากล ได้นับรวมดวงอาทิตย์เป็นหนึ่งในกลุ่มดาวเคราะห์ (Planet) ไปด้วยก็เพื่อความสะดวกในการมองระบบครับ

แล้วดวงอาทิตย์มีความสำคัญอย่างไร?

ดวงอาทิตย์เป็นแหล่งกำเนิดชีวิตครับ เป็น Source of Life ของทุกสรรพสิ่งบนโลก สิ่งมีชีวิตทั้งหมดกว่า 99% ต้องการแสงจากดวงอาทิตย์ในการดำรงชีพ หรือไม่ก็ใช้มันผ่านการสังเคราะห์ของระบบห่วงโซ่อาหารต่างๆ ครับ ซึ่งหากปราศจากดวงอาทิตย์แล้ว ทุกสิ่งมีชีวิตบนโลกก็คงไม่สามารถดำรงชีพอยู่ได้ครับ

ในระบบสุริยะจักรวาล (Solar system) นั้นถือว่าดวงอาทิตย์เป็นศูนย์กลางครับ (Heliocentric) ดาวทุกดวงตรงโคจรรอบดวงอาทิตย์ในทางดาราศาสตร์ แต่ให้เรามองว่าดวงอาทิตย์กลับมาโคจรรอบโลก เมื่อย้ายจุดศูนย์กลางการมองมาที่โลกครับ (Subjective of human view point)

จะเห็นว่าเมื่อคนเราเกิด เราจะกำหนดตำแหน่งการเกิดขเทียบกับจักราศี (Zodiac sign) โดยเทียบกับตำแหน่งการโคจรของดวงอาทิตย ์ว่าขณะนั้นอาทิตย์โคจรอยู่ในราศีใด ซึ่งเราเรียกว่า เป็นราศีตามตำแหน่งอาทิตย์ (Sun sign) เพราะเราเปรียบเสมือนว่า ดวงอาทิตย์เป็นสัญลักษณ์ของการดำรงและมีอยู่ของสิ่งมีชีวิต ดังนั้นการเกิดขึ้นของชีวิต จึงสามารถเทียบเคียงได้กับดวงอาทิตย์นั้นเองครับ

ตำแหน่งของดวงอาทิตย์ในแผนที่ดวงชะตา (Natal chart) จึงมีความสำคัญมาก เพราะเป็นตัวกำหนด และบ่งบอกถึงพลังแห่งชีวิตของคนคนนั้นเลยที่เดียว การที่อาทิตย์โคจรไปอยู่ที่ราศีใดในขณะเกิด จะเป็นการบ่งบอกถึงลักษณะพื้นฐานที่เป็นจิตวิญญาณ (Soul) เป็นความมุ่งมั่นตั้งใจ (Willing) เป็นแม่แบบของการดำเนินชีวิต (Archetype of will) และเป็นพลังในกานดำเนินชีวิต (Life energy) เลยที่เดียว เพราะอาทิตย์จะรับอิทธิพลของราศีนั้นๆ ไปเต็มๆ และสะท้อนเป็นพื้นฐานตัวตนของคนคนนั้นออกมา

ตำแหน่งของอาทิตย์ขณะเกิดจึงมีความสำคัญอย่างมาก ในการวิเคราะห์ถึงพื้นฐานของคนคนนั้น ว่าจะเป็นคนอย่างไร มีพลังกายและพลังวิญญาณในการดำเนินชีวิตอย่างไร อีกทั้งการทำมุมของดาวต่างๆ ถึงอาทิตย์ก็จะมีผลโดยตรงถึงคนผู้นั้นเลยครับ จะดีหรือไม่ดีก็ขึ้นอยู่กับมุม กับดาว และกับราศีที่ทำมุมครับ

ในโหราศาสตร์สากลแนวเก่า (Traditional Astrology) ดวงอาทิตย์ยังหมายถึงบิดาด้วย แต่ในปัจจุบันเรามองกันว่า หมายถึงภาวะ หรือตำแหน่งของการแสดงออกอย่างบุคคลที่มีอำนาจ (Powerful) หรือภาวะความเป็นพ่อ (Fatherhood) ที่ต้องรับผิดชอบมากกว่าครับ

ดวงจันทร์ (Moon)

ดวงจันทร์ (Moon) จัดเป็นดาวที่สำคัญมากที่สุดอีกดวงบนแผนที่ดวงชะตา (Natal chart) หากไม่นับ ดวงอาทิตย์และจุดลัคนา (Ascendant) เพราะเปรียบง่ายๆ ว่าดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ ต่างเป็นดาวที่อยู่คู่กับโลกและทุกชีวิตบนโลกมาตั้งแต่โบราณ เราเห็นและรู้จักดาวสองดวงนี้ก่อนรู้จักดาวดวงอื่นเสียอีก

อีกทั้งดวงจันทร์ก็เป็นตัวกำหนดพฤติกรรมของหลายๆ กิจกรรมบนโลก หลายๆ ปรากฏการณ์บนโลก ทั้งนี้เพราะดวงจันทร์นั้นเป็นดาวที่รับแสงจากดวงอาทิตย์ และสะท้อนกลับมาที่โลกนั้นเอง ดวงจันทร์จึงไม่ต่างอะไรกับแหล่งพลังงานของชีวิตแหล่งที่สอง

แต่เราจะเห็นดวงจันทร์ตอนไหน ก็ตอนกลางคืนใช่มั้ยครับ และดวงจันทร์จะมีบทบาทต่อปรากฏการณ์ต่างๆ ตอนไหน ก็ตอนกลางคืออีกเช่นกัน ดังนั้นความหมายของดวงจันทร์นั้น จึงถือเป็นความหมายที่มีผลต่อสิ่งที่เรียกว่า จิตใต้สำนึก (Subconscious) ครับ

ถ้าอาทิตย์คือพลัง (Energy) คือวิญญาณ (Soul) คือความมุ่งมั่นตั้งใจที่ทำให้เราแสดงออก (Willing expression) และเราเป็นเราอย่างนี้

ดวงจันทร์ก็จะเป็นจิตใต้สำนึก (Subconscious) เป็นชุดคำสั่งที่บอกเราให้สามารถทำสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่ต้องมาลำดับความคิดกันใหม่ เหมือนเวลาเราจะแปรงฟัน เราก็จะเดินไปห้องน้ำ หยิบแปรง บีบยาสีฟัน แล้วก็แปรงฟันเอง โดยที่เราไม่ได้มานั่งคิดก่อนว่า เดี๋ยวขั้นตอนการแปรงฟันจะต้องทำอะไรบ้าง

ดวงจันทร์จึงเกี่ยวข้องกับสิ่งพวกนี้ สิ่งที่เป็นพื้นฐานการปฏิบัติของเราทุกคน เป็นสิ่งที่เรามองไม่เห็นและไม่รู้สึกถึงมัน เหมือนทุกวันที่เราไม่รู้ว่าเรายังหายใจอยู่ แต่อิทธิพลของมันกลับทำให้เราแสดงออกและทำเรื่องต่างๆ ได้ อีกทั้งยังเป็นพื้นฐานของอารมณ์ (Emotions) โดยทั้งหมดครับ

ดวงจันทร์จึงมีอิทธิพลต่อคนทุกคนในแผนที่ดวงชะตา (Natal chart) อย่างมากไม่ต่างจากดวงอาทิตย์ ซึ่งบางครั้งการที่เราคิด หรือตัดสินใจทำอะไรไปซักอย่างโดยที่เราเองก็ไม่รู้ตัวนั้น เป็นผลที่เกิดจากดวงจันทร์ในตำแหน่งดาวเกิดของเรา โดนอิทธิพลของดาวจร (Transit planet) ต่างมากระทำครับ ซึ่งนี่จัดเป็นแก่นของศาสตร์นี้เลย ที่จะพิจารณาถึงปัจจัยกระทบต่างๆ ก่อนที่จะส่งผลมาที่เรา

ในความหมายเดิม ดวงจันทร์ยังใช้ตีความหมายถึงผู้หญิง สตรีเพศ หรือเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผู้หญิงอีกด้วย แต่ความหมายในแนวสมัยใหม่ (Modern Astrology) หรือแนวร่วมสมัย (Contemporary Astrology) สามารถตีความได้ถึงกิจกรรม หรือความสัมพันธ์กับผู้หญิงในช่วงนั้นครับ

เรื่องราวของดวงจันทร์มีมากมาย และซับซ้อนมาก ในหนังสือ Horoscope symbol ก็อธิบายไว้หลายสิบหน้ามาก เพราะจะมีเรื่องที่เกี่ยวกับ จันทร์เพ็ญหรือจันทร์เต็มดวง (Full moon), จันทร์ดับหรือจันทร์เต็มแรม (New moon) ซึ่งอิทธิพลในทางที่ไม่ดีของจันทร์ที่จะกระทบเรา ก็จะแสดงออกมากและน้อยใน 2 ช่วงนี้ครับ ดังนั้นเวลาพิจารณาเราก็มักพิจารณาในสองจุดนี้ ควบคู่ไปด้วยครับ

แต่คงไม่กล่าวถึงความหมายรายละเอียด ไปมากกว่านี้ เพราะเอาแค่ให้เพื่อนๆ เข้าใจพื้นฐานดีกว่าครับ

สำหรับหลายๆ คอลัมภ์ดูดวงรายวัน รายสัปดาห์ ตามที่เพื่อนๆ เคยได้อ่านกันจากนิตยสารต่างๆ เขาก็ใช้ดวงอาทิตย์ กับดวงจันทร์นี้แหละครับ เป็นหลักในการพยากรณ์

การพิจารณาคนคนหนึ่งจึงต้องเข้าใจพื้นฐาน และตำแหน่งของดวงอาทิตย์ และดวงจันทร์ให้ดีก่อน เพราะเมื่อเข้าใจแล้ว เราก็จะทราบว่าคนคนนั้นเป็นคนยังไง มีพื้นฐานความคิด การดำเนินชีวิต การปฏิบัติตน ความมุ่งหวังและแรงผลักดันในชีวิตอย่างไร ซึ่งสามารถเอาไปใช้อธิบายถึงอิทธิพลของดาวดวงอื่น ที่มากระทำต่อคนคนนั้นได้ต่อครับ

คราวหน้าผมจะมาต่อ ดาวพุธ (Mercury) และดาวศุกร์ (Venus) น่ะครับ

ขอบคุณครับที่ติดตาม

หวัดดีครับ

Create Date : 14 สิงหาคม 2549

Last Update : 19 สิงหาคม 2549 14:28:46 น.

7 comments

Counter : 27031 Pageviews.

มาเข้าคลาสดาราศาสตร์ค่ะ

ไม่ทราบว่าจขบจะกรุณาแนะนำกล้องดูดาว
ให้หน่อยได้มะคะ

พอได้เข้ามาอ่านเรื่องราวก็นึกอยากได้กล้องสักตัวอ่ะค่ะ

เผื่อจะได้รู้จักดวงดาวบ้าง

โดย: ปริศนาไร้นาม

วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:0:21:11 น.

หวายยยยยย

นี่คลาสโหราศาสตร์ดวงดาวครับผม....บ่ใช่คลาสดาราศาสตร์เด้อ

ผมเองก็ไม่มีความรู้เรื่องกล้องดูดาวซะด้วยสิ ไม่รู้จะแนะนำยังไง

เอาเป็นว่า เดี๋ยวจะลองเศาะหาข้อมูลมาให้น่ะครับ

ยังไงก็ติดตามไปเรื่อยๆ น่ะครับ

โดย: myAstro

วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:7:58:19 น.

คุณปริศนาไร้นาม ผมลองไป search มาให้บางส่วน ไม่รู้เข้าเค้าป่าวน่ะ

//web1.dara.ac.th/daraspace/explorespace/hubble/SkyTelescope.htm

//www.doodaw.com/accessories/telescope.php

โดย: myAstro

วันที่: 21 สิงหาคม 2549 เวลา:15:22:22 น.

ขอบคุณค่ะ สำหรับข้อมูลกล้อง

ขอโทษที่เรียกขานผิดไป อย่าใส่ใจสมองอันนิดน้อยของเราเลยนะคะ

โดย: ปริศนาไร้นาม

วันที่: 22 สิงหาคม 2549 เวลา:3:45:21 น.

รบกวนอีกทีนะคะ อยากทราบข่าวเรื่องราวของดาวอังคารที่จะสามารถมองเห็นได้ขัดเจนในช่วงนี้

ไม่ทราบว่ามีรายละเอียดเช่นใดคะ

โดย: ปริศนาไร้นาม

วันที่: 22 สิงหาคม 2549 เวลา:20:45:15 น.

สงสัยผมจะตกข่าวแหง่.... เพราะไม่เห็นทราบเรื่องดาวอังคารโคจรกลับมาใกล้โลก ให้เรามองเห็นได้ด้วยตาเปล่าชัดเจน (เป็นจุดสว่างๆ) อีกครั้ง

ต้องออกตวัก่อนอีกครั้งน่ะครับว่า เรื่องดาราศาสตร์ (Astonomy) ผมไม่มีความรู้อะไรมาก อาศัยว่างๆ ก็เสาะหาไปเรื่อยตาม search engine ต่างๆ เพราะเห็นว่ามันเข้ากับ โหราศาสตร์ (Astrology) ที่ผมมีความรู้เท่านั้นน่ะครับ

คุณปริศนาไร้นามเป็นคนแรกเลยน่ะครับ ที่สอบถามผมเรื่องดาราศาสตร์เนี้ย

จริงๆ แล้วถ้าย้อนกลับไปดูตารางดวงดาวใน blog ผมตอน "ดวงดาวและความหมาย : Introduction to the Planets" จะเห็นว่าในส่วนดาวอังคารนั้น ใช้เวลาโคจรรอบโลก (เน้นว่ารอบโลกน่ะครับ) ประมาณ 1.88 ปีครับ

นั้นหมายความว่า เกือบทุกๆ 2 ปี ดาวอังคารจะโคจรรอบโลกครบหนึ่งรอบครับ

แล้วมันเกี่ยวยังไง

ต้องบอกว่า ดาวอังคาร และดาวอีกหลายๆ ดวงนั้นจะโคจรรอบโลกเป็นวงรีครับ ซึ่งทางโหราศาสตร์สากลนั้น ให้ลักษณะการโคจรของดาวทั้งหมดเกิดขึ้นบนระนาบเดียวกัน (แต่จริงๆ แนวโคจรของดาวแต่ละดวงเอียงไม่เท่ากัน ยิ่งดาวพลูโตยิ่งเอียงทำมุมชันเลยครับ)

เมื่อการโคจรเป็นวงรี นั้นหมายถึงว่าจะมีช่วงๆ หนึ่งที่ดาวจะโคจรเข้าใกล้เราที่สุด (นึกถึงส่วนสันวงรี) และมีช่วงที่ดาวโคจรออกไปไกลเราที่สุด (นึกถึงส่วนปลายวงรี)

ย้ำว่าเรายังคิดอยู่พื้นฐานที่ว่า ดาวอังคารโคจรรอบโลกน่ะครับ

แต่จริงๆ แล้วโลกกับดาวอังคารนั้นต่างเคลื่อนที่ด้วยกันทั้งคู่ โดยต่างโคจรรอบดวงอาทิตย์ อยู่กันคนละระนาบ

ดังนั้นในทางดาราศาสตร์จริงๆ จึงมีโอกาสน้อยที่โลกและดาวอื่นๆ จะโคจรมาอยู่ใกล้กัน อย่างดาวอังคารก็โคจรเข้ามาใกล้เราที่สุดเมื่อช่วงเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ที่ใกล้เราที่สุดในรอบ 60,000 ปี

แต่ในทางโหราศาสตร์ ดวงอังคารจะโคจรใกล้เราทุกๆ 1 ปีครับ เพราะจะมีจุดที่ใกล้ 2 รอบ

ซึ่งการใกล้กันในทางโหราศาสตร์นั้น เรียกว่า ดาวเข้าสู่ภาวะมนต์ครับ ว่าง่ายๆ คือเราจะเห็นดาวหยุดนิ่ง ก่อนจะโคจรถอยหลังกลับไปทางเดิม

งงแล้วใช้ไหมครับว่าดาวโคจรถอยหลังได้ด้วยเหรอ?

ในทางโหราศาสตร์ ดาวโคจรถอยหลังได้ครับ เพราะบอกแล้วว่าโลกอยู่กับที่ แต่ดาวอื่นๆ เคลื่อนที่

เปรียบเสมือนเรากำลังวิ่งไปข้างหน้าแล้ววิ่งเร็วกว่าอีกคน เมื่อเราวิ่งมาทันคนๆ นั้น ในจังหวะนี้เองถ้าเราหันไปมองเขา เราก็จะเห็นเหมือนเขาไม่ได้วิ่งครับ เพราะความเร็วสัมพัทธ์เท่ากัน ณ จุดๆ นั้น
แต่เมื่อเราวิ่งแซงเขาไป แล้วหันกลับไปมอง เราก้จะเห็นเหมือนเขากำลังวิ่งถอยหลังครับ เพราะูุดูเหมือนเขาจะห่างเราไปเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เรากับเขาต่างก็วิ่งไปในทิศทางเดียวกันครับ

นี้แหละครับที่เรียกว่าดาวโคจรถอยหลัง

พูดมาซะยาว ไม่เห็นเกียวกับที่คุณปริศนาไร้นามถามเลย ผมก็บ้าน้ำลายโม้ไปเรื่อย

เอาเป็นว่า การเห็นชัดของดาวนั้น เกิดจากระนาบที่สัมพันธ์ของการโคจรของโลก กับระนาบของดาวนั้นๆ ครับ

ส่วนจะเห็นชัด ไม่ชัด ช่วงไหนบ้างนั้น คงต้องติดตามข่าวคราวในแวดวงดาราศาสตร์อีกทีครับ

โดย: myAstro

วันที่: 23 สิงหาคม 2549 เวลา:0:07:34 น.

ตอบไว้ยาวเชียว เพิ่งได้เข้ามาอ่านค่ะ
วันนี้อ่ะค่ะที่เค้าว่าจะมองเห็นเด๋วรอดูตอนมืดๆก่อนนะคะ

โดย: ปริศนาไร้นาม

วันที่: 27 สิงหาคม 2549 เวลา:10:46:49 น.