ดวงดาวและความหมาย : ดาวยูเรนัส และดาวเนปจูน และการปิดฉาก blog series ชุดดวงดาว ซอรี่ ซอด้วง ซออู้ แอนด์ซอสามสาย ขออภัยจริงๆ ที่ช่วงสองอาทิตย์ที่ผ่านมานี่ ผมอัพเดท blog ช้ามากๆ ไม่ใช่เพราะหมดไฟไปแล้ว เพราะถึงแม้ไฟในกายหมด แต่ไฟอย่างอื่นยังลุกโชติอยู่ (ฮา) แต่เป็นเพราะทั้งเรื่องงาน และเรื่องเรียนมันรัดตัวจริงๆ แต่ถึงจะช้ายังไง ก็ยังรับปากว่าอย่างน้อย ต้องอาทิตย์ละ 1 blog เป็นอย่างน้อย (มั้ง) งั้นมาต่อกันเลยดีกว่าครับ อ้อ blog ตอนนี้อาจยาวสักหน่อย เพราะมีดาวถึงสองดวง อีกทั้งผมจะปิดฉาก blog series ชุดนี้ด้วย คงไม่ว่ากันน่ะครับ ดาวยูเรนัส (Uranus) ดาวยูเรนัส (Uranus) ถ้านับตามลำดับดาวทางดาราศาสตร์ (Astronomy) แล้ว ดาวยูเรนัสจัดเป็นดาวเคราะห์ลำดับที่ 7 ในระบบสุริยะจักรวาล (Solar System) ของเราครับ เป็นดาวเคราะห์ที่อยู่ถัดจากดาวเสาร์มานั้นเอง ดาวยูเรนัสนั้นมีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 3 (ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลาง) อีกทั้งยังมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางยาวกว่า เนปจูน แต่มีมวลน้อยกว่า โดยมีมวลประมาณ 8.68 x 10^25 กก ครับ ดาวยูเรนัสถูกค้นโดย วิลเลี่ยม เฮอส์เชล เมื่อวันที่ 13 มีนาคม พ.ศ.2324 โดยตอนแรกนั้นได้ถูกเรียกว่า "ดาวเฮอส์เชล" ต่อมานักดาราศาสตร์ชาวเยอรมันชื่อ โบด ได้ตั้งชื่อ "ยูเรนัส" เพื่อให้สอดคล้องกับดาวเคราะห์ดวงอื่น ๆ ซึ่งใช้ชื่อในเทพนิยายกรีก และเป็นที่แพร่หลายตั้งแต่ปี พ.ศ.2393 เป็นต้นมา ดาวยูเรนัสมีวงแหวนเช่นเดียวกับดาวเคราะห์แก๊สดวงอื่น แต่วงแหวนของดาวยูเรนัสก็มืดมาก และมันมีองค์ประกอบคล้ายวงแหวนของดาวเสาร์ คือประกอบด้วยอนุภาคซึ่งมีขนาดเล็กมากดังฝุ่นผง ไปจนใหญ่ถึง 10 เมตร มีวงที่สว่างที่สุดชื่อ วงแหวนเอ็ปซิลอน ดาวยูเรนัสนับเป็นดาวเคราะห์ดวงแรกที่ถูกค้นพบว่ามีวงแหวนล้อมรอบเช่นเดียวกับดาวเสาร์ ซึ่งมันทำให้เราทราบว่า มันเป็นลักษณะปกติที่ดาวเคราะห์แก๊สต้องมีวงแหวน มิใช่เพียงเฉพาะดาวเสาร์เท่านั้น ดาวยูเรนัสเป็นดาวที่แปลกกว่าชาวบ้านเค้า เพราะปกติทั่วไป ดาวต่างๆ จะมีแกนการหมุนที่ตั้งฉากกับแนวการโคจรของดาว หรือเรียกว่าแนวสุริยะวิถี (Eclipse) แต่ดาวยูเรนัสเป็นดาวดวงเดียวที่แกนการหมุนขนานกับแนวสุริยะวิถี ว่าง่ายๆ คือเป็นดาวที่นอนหมุนครับ (ขี้เกียจจริงๆ) ดาวยูเรนัสจะมีคาบการโคจรประมาณ 84 ปีต่อรอบ หรือใช้เวลาประมาณ 7 ปีในแต่ละเรือนชะตาครับ สำหรับความหมายทางโหราศาสตร์สากลนั้น ด้วยที่ดาวยูเรนัสเป็นกลุ่มดาวเคราะห์รอบนอก (Outer Planet) เช่นเดียวกับดาวพฤหัสและดาวเสาร์ ดังนั้น ความหมายของดาวยูเรนัสจึงกล่าวถึง ความหมายในเชิงของสังคมและสิ่งรอบตัว (Social Intent) เป็นสำคัญ เมื่อดาวพฤหัสเป็นพลังของการนำตัวเองไปสู่โลกกว้างเพื่อการเรียนรู้และเติบ (Expansion) แต่ดาวเสาร์กลับเป็นพลังที่ตีกรอบ หรือกำหนดกฎเกณฑ์แห่งความเป็นจริง (Rule/ Norm and Social Boundary) ที่ทำให้เรานั้นทำอะไรไปไม่ได้มาก ไม่สามารถเติบโต หรือเติบใหญ่ได้ตามที่ต้องการ ดังนั้นการที่จะทำลายกรอบ ทำลายกฎเกณฑ์ของสังคมในชีวิตจริงเพื่อนำตัวเองให้หลุดออกไปสู่โลกกว้าง โลกที่เราจะมีอิสระในการใช้ชีวิตและทำอะไรได้ตามใจนั้น จำเป็นต้องใช้พลังในการปลดปล่อยสู่ความเป็นอิสระ (Independent) นั้นก็คือ พลังของดาวยูเรนัส เมื่อเราใช้ชีวิตในโลกนี้มาได้ระดับหนึ่ง เราจะเข้าใจถึงความเป็นจริง และข้อจำกัดต่างๆ ที่มีอยู่ ว่าสิ่งใดที่เราทำได้ สิ่งใดเราทำไม่ได้ ซึ่งเหล่านี้นั้นเราจะนำมันกลับมาทบทวนและเรียนรู้เป็นประสบการณ์ เมื่อเราเข้าใจแล้ว เราก็จะยกระดับตัวเองไปได้โดยอัตโนมัติ (Shift autonomous) นำตัวเราไปสู่ความอิสระของการเข้าใจโลก และการใช้ชีวิตอีกระดับ ใช้พลังของดาวยูเรนัส ทำลายกรอบของดาวเสาร์ และทำให้พลังของดาวพฤหัสสัมฤทธิ์ผล ให้เกิดขึ้นแบบฉับพลันหรือรวดเร็ว ก่อนที่กรอบหรือกฎต่างๆ จะกลับเข้ารูปเข้ารอยอีกครั้ง เป็นการใช้พลังทั้ง 3 ส่วนควบคู่กันอย่างสมดุล แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะทำมันได้ เพราะอย่างที่บอกว่าประเด็นสำคัญมันอยู่ที่ว่า เราจะเข้าและเรียนรู้จากประสบการณ์ที่เกิดจากการเผชิญปัญหาและข้อจำกัดต่างๆ ในชีวิตจริงได้ดีแค่ไหน หากเราทำมันได้ดี เราก็จะนำประสบการณ์เหล่านั้น หากแต่มันต้องเกิดจากการเรียนรู้ประสบการณ์อย่างลึกซึ้ง และเข้าใจมันอย่างถ่องแท้เสียก่อน เพราะการที่เราจะปลดปล่อยตัวเองจากข้อจำกัดเหล่านี้ได้นั้น หากเราไม่เข้าใจถึงความเป็นจริงของโลก เราก็จะทำอะไรไปแบบขาดความพอดี และไม่เกิดผลดีกับตัวเอง พลังของดาวยูเรนัส จึงมาพร้อมๆ กับประสบการณ์ในการชีวิตของเราครับ เป็นพลังที่จะสังเคราะห์มุมมองของเราที่มีต่อโลกกว้างใบนี้ ให้แตกต่างออกไปจากโลกที่เราเคยรู้จัก ความหมายของดาวยูเรนัส จึงหมายถึง ความเป็นอิสระ การปลดปล่อยจากพันธนาการ สิ่งที่ไม่อยู่ในกฎระเบียบ ไม่เป็นแบบแผน ความไม่แน่นอน เกี่ยวกับกิจกรรมสันทนาการต่างๆ การท่องเที่ยวหรือการเรียนรู้ในเรื่องราวใหม่ๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้น ความปัจจุบันทันด่วน การเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลัน แม้แต่เรื่องราวของวิทยาศาสตร์ หรือโหราศาสตร์ก็เป็นความหมายของดาวยูเรนัส เพราะมันหมายถึงศาสตร์ที่ไม่ยอมรับอยู่กับความคิดแบบเดิมๆ เป็นศาสตร์ที่พัฒนาและปรับปรุงสิ่งใหม่ๆ ให้เกิดขึ้นครับ ดาวเนปจูน (Neptune) บอกก่อนว่า ดาวเนปจูนเป็นดาวที่ความหมายมันในทางโหราศาสตร์ ค่อนข้างจะเข้าใจได้ยากอยู่ จริงๆ ดาวเคราะห์รอบนอก (Outer Planets) ทั้งหมดก็เข้าใจยากอยู่แล้ว เพราะมันเกี่ยวกับเรื่องที่ไกลตัวออกไป เป็นเรื่องของการนำประสบการณ์มาใช้ แต่ดาวเนปจูนนั้นค่อนข้างจะเข้าใจยากกว่าเขาเพื่อน ดาวเนปจูน (Neptune) เป็นดาวเคราะห์ในระบบสุริยะจักรวาลลำดับที่ 8 และคงเป็นดาวเคราะห์ลำดับสุดท้ายในขณะนี้ เพราะดาวพลูโต (Pluto) ได้ถูกลดชั้นจากดาวเคราะห์ ลงเหลือเพียงแค่ดาวเคราะห์แคระแล้ว แต่กระนั้นก็ไม่ได้ความว่า ดาวพลูโตจะอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่าดาวพลูโต ขึ้นอยู่กับการโคจรของดาวพลูโต ซึ่งบางครั้งจะเข้ามาอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากกว่า ซึ่งโดยปกติ ดาวเนปจูนจะมีคาบการโคจรประมาณ 165 ปีต่อรอบ หรือใช้เวลาประมาณ 14 ปีในแต่ละเรือนชะตา ดาวเนปจูนมีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางใหญ่เป็นอันดับที่ 4 และมีมวลเป็นลำดับที่ 3 ตั้งชื่อตามเทพเจ้าแห่งท้องทะเลของโรมัน (กรีก : โปเซดอน) และมีชื่อไทยว่า ดาวเกตุ มันถูกค้นพบเมื่อปี พ.ศ. 2389 ดาวเนปจูนมีสีน้ำเงินเนื่องจากองค์ประกอบหลักของบรรยากาศผิวนอก เป็น ไฮโดรเจน ฮีเลียม และมีเทน บรรยากาศของดาวเนปจูน มีกระแสลมที่รุนแรง มีความเร็วลมประมาณ 2,500กม/ชม อุณหภูมิพื้นผิวอยู่ที่ประมาณ -220 องศาเซลเซียส ซึ่งหนาวเย็นมากๆ เนื่องจากดาวเนปจูนอยู่ไกลดวงอาทิตย์มาก ความหมายทางโหราศาสตร์ของดาวเนปจูน ที่ผ่านมาผมพยายามอธิบายให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของมนุษย์เราว่า การที่จะผลักดันตัวเองให้เติบโตและเติบใหญ่ได้ในโลกใบนี้นั้น จะต้องมีสมดุลของพลังจากดาวทั้งสามดวงที่ผสานลงตัว (Synergisms) นั้นคือ พลังจากดาวพฤหัส พลังจากดาวเสาร์ และพลังจากดาวยูเรนัส แต่ทั้งหมดนั้นเป็นการกล่าวถึงโลกแห่งความเป็นจริง (Real World) ที่เราเผชิญและสัมผัสมันได้อยู่ หากแต่แท้ที่จริงแล้ว เราทุกคนต่างมีตัวตนอยู่ในโลกอีกโลกหนึ่งด้วยกันทั้งสิ้น เป็นโลกที่แปลกแยกออกไปจากโลกที่เราเผชิญอยู่ เป็นโลกที่มีแต่เราที่เข้าใจ เป็นโลกที่มีความสุขเมื่อเราได้ถอยตัวเองเข้ามาอยู่ เป็นโลกที่ไม่มีใครเข้าใจ นั้นคือ โลกส่วนตัวของเราเอง (Dream world) โลกส่วนตัวของเราเป็นโลกที่มีแต่เรา หรือมีเรากับสิ่งที่เราสนใจเท่านั้น (Personal Intention) นั้นเป็นเพราะโลกส่วนตัวของเรา เราจะเป็นคนที่คนออกแบบเอง เลือกที่รับสิ่งที่เราต้องการ และเลือกที่จะปฏิเสธสิ่งที่เราไม่ต้องการ ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในโลกของเรา เพราะในโลกส่วนตัวของเรานี้ เราจะยิ่งใหญ่ที่สุด จะเป็นโลกที่อะไรๆ ก็ดูสวยงามและลงตัวไปทุกอย่าง ก็แน่นอนครับ เพราะเราเลือกที่จะมอง เลือกที่จะคิดและเลือกที่จะเข้าใจ เฉพาะสิ่งที่เราพอใจนี้ครับ มันจึงไม่ต่างอะไรไปกับโลกแห่งความฝัน โลกแห่งจินตนาการที่บางครั้งหาสาระความเป็นจริงอะไรไม่ได้เลย แต่อย่าไปดูถูกมันน่ะครับ เพราะจริงๆ แล้วโลกของเรามีเป็นอยู่ทุกว่านี้ หลายๆ สิ่งก็ถูกขับเคลื่อนมาจากโลกแห่งความฝันทั้งนั้น มันเป็นเหมือนสิ่งที่เอาไว้จรรโลงให้โลกนี้ ยังคงมีส่วนที่ดีอยู่ในมุมมองของเรา ไม่ได้จมไปกับเรื่องราวที่น่าทุกข์ใจไปกับความเป็นจริงจากพลังของดาวเสาร์ มันทำให้เรา ยังคงมีพื้นที่ของเรา ที่จะปลีกตัวเองออกมาอยู่คนเดียว ยามที่เราไม่สามารถเผชิญหน้ากับโลกแห่งความเป็นจริงได้ ดาวเนปจูน จึงมีความหมายในเชิงของจินตนาการ สิ่งที่เพ้อฝัน สิ่งที่จับต้องไม่ได้ เป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับด้านลึกของจิตใจและความคิดเป็นหลัก เป็นการที่ไม่สามารถแยกได้ระหว่างสิ่งเป็นเรื่องจริง กับสิ่งที่เป็นจินตนาการ เป็นความอ่อนแอในการเผชิญหน้ากับความรุนแรงและปัญหาต่างๆ บางครั้งหมายถึงสิ่งที่เป็นเท็จ การโกหกหลอกลวง แม้แต่การสูญเสียก็ใช่ครับ เพราะสิ่งที่ตามมาจากการสูญเสีย คือการที่เราไม่ยอมรับในความเป็นจริงของสิ่งที่เกิด และพยายามที่จะหวนกลับไปอยู่กับมันก่อนที่เราจะสูญเสียมันไป คนส่วนมากจึงใช้พลังของดาวเนปจูนได้ลำบาก และบ่อยครั้งที่เราจะโดนพลังของมันทำให้ชีวิตเราเรรวน ก็เพราะพลังของดาวเนปจูนนั้น ทำให้เราเป็นคนเพ้อฝัน ไม่ดำรงตนอยู่ในโลกของความเป็นจริง นั้นเพราะโลกแห่งความฝันของเรานั้นมันเข้าใจได้ง่าย มันมีความสุข และเพียงแค่เราหลับตา เราก็จะพบกับมัน เมื่อใดที่คนพบเจอปัญหา คนเราจึงพยายามหลีกเลี่ยงปัญหามากกว่าที่จะเผชิญกับมัน และเมื่อนั้น พลังของดาวเนปจูนก็จะมามีอิทธิพลเหนือจิตใจเรา ทำให้เราแยกไม่ออกระหว่างสิ่งที่เป็นเรื่องจริง กับสิ่งที่เป็นความฝัน เมื่อเราแยกไม่ออก เราก็จะเข้าใจกฎเกณฑ์ต่างๆ จากอิทธิพลของดาวเสาร์ไม่ได้ เมื่อเข้าใจไม่ได้ เราก็จะปฏิบัติตัวต่อปัญหาไม่ถูก เมื่อปฏิบัติตัวไม่ถูกเราก็จะปลดปล่อยและยกระดับตัวเองไม่ได้ เมื่อเราปล่อยปล่อยไม่ได้เราก็จะไม่มีการพัฒนาเกิดขึ้น ทำให้เรามีแต่จะถอยลงๆ ดาวเนปจูนจึงมีความหมายในทางลบต่อการดำเนินชีวิตพอสมควรครับ หากแต่ใครสามารถเข้าใจและแยกแยะออก เขาก็จะสามารถสร้างสมดุลในชีวิตได้อย่างดีครับ ---------------------------------------------------------------------------------------------- จบแล้วครับ สำหรับความหมายทางโหราศาสตร์สากลของดวงดาวทั้งหมด อ่านกันมาก็หลายตอน ยาวเหลือเกิน อ่านรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้าง ก็อย่าเพิ่งเบื่อกันก่อนครับ ผมเองก็พยายามอธิบายให้กระชับและชัดเจนที่สุด เพื่อให้เพื่อนๆ ได้เข้าใจและสนุกไปกับมันครับ ไม่อยากให้เหมือนการไปอ่านเรื่องของโหราศาสตร์ตามตำราอื่นๆ ที่อ่านแล้ว เข้าใจยาก อ่านแล้วรู้สึกไกลตัว เพราะหากพื้นฐานในทุกๆ เรื่อง เราสามารถเข้าใจแล้วแม้ในระดับหนึ่ง ผมเชื่อว่ามันจะทำให้มุมมองของเพื่อนๆ ที่มีต่อเรื่องโหราศาสตร์เปลี่ยนไปได้อย่างแน่นอน จบจาก blog series ชุด “ดวงดาวและความหมาย” แล้ว ในชุดต่อไป ผมจะมาเริ่ม blog series ชุดใหม่ นั้นคือ “ราศีและความหมาย” ซึ่งรับรองว่าสนุกแน่นอนครับ เพราะเชื่อว่าเป็นเรื่องที่เพื่อนๆ คงคุ้นเคยกันมาบ้างแล้ว แต่ผมจะบอกว่า มุมมองและความหมายที่ผมจะนำเสนอผ่านเรื่องราวของราศีนี้ มันไม่เหมือนกับที่เพื่อนๆ เคยรู้จักน่ะครับ และในตอนสุดท้ายของมัน ผมจะขมวดปมให้เพื่อนๆ ได้เห็นว่า จริงๆ แล้วในดวงชะตาคนเรา มันประกอบไปด้วยอิทธิพลของหลายราศีครับ อย่างน้อยก็ 3 ราศีแหละครับที่มีอิทธิพลต่อจุดสำคัญๆ ในชะตาเรา อีกทั้งยังขึ้นอยู่กับการนำความหมายของดาวที่ทำมุม มาตีความรวมด้วยครับ นั้นจึงเป็นเหตุผลว่า ทำไมเวลาเพื่อนๆ ไปอ่านหนังสือเกี่ยวเรื่องราศี บางคนก็ตรง บางคนก็ไม่ตรง ก็เพราะมันเป็นการอธิบายตามความหมายอย่างเดียว อย่างมากก็ไม่เกิน 30% ที่ถูกต้องครับ น่าสนใจแล้วใช่มั้ยครับ บอกแล้ว ว่าหลังจากจบคอร์ส ผมจะให้เพื่อนๆ ดูดวงเองเป็นกันให้หมดเลย ฮา ฮา ฮา งั้นผมขอปิด blog series ชุด “ดวงดาวและความหมาย” ไว้เพียงเท่านี้ แล้วเจอกันใน series ชุดใหม่ครับ หวัดดีครับ   Create Date : 18 กันยายน 2549 7 comments Last Update : 18 กันยายน 2549 14:28:15 น. Counter : 29020 Pageviews. Share Tweet

อ่า อ่านจนจบตอนสุดท้ายของซีรีย์ดวงดาว เด๋วลงทะเบียนรอซีรีย์ชุดใหม่รอเลยนะคะ สงสัยเราจะเป็นมนุษย์ดาวเนปจูนอ่ะ เพราะอยู่กะโลกแห่งความฝันเหลือเกิน   โดย: ปริศนาไร้นาม 18 กันยายน 2549 17:23:21 น.

เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เด๋วจะทำให้ไม่สบาย กินส้มเยอะๆนะจะได้ร่างกายแข็งแรง   โดย: ปริศนาไร้นาม 18 กันยายน 2549 18:00:19 น.

อ่านจนจบใช้เวลาประมาณ 10 นาทีค่ะ(ช้ามากเลย) บางทีอ่านแล้วงง ก็ต้องย้อนไปอ่านใหม่ อนาถตัวเอง แต่ก็อ่านจบจบแล้วนะคะ แต่อย่าถามนะว่าจำไรได้มั่ง แบบว่าหัวสมองของกระต่ายจอมซ่าไม่เก็บกักความรู้น่ะค่ะ สะสมขี้เลื่อยไว้เยอะ จนตอนนี้มันอยู่กันถาวรแล้ว ไว้คราวหน้าจะมา(พยายามอ่าน)อีกค่ะ ยังต้อนรับอยู่ไม๊ล่ะค่ะ พาเจ้าตัวลงพุงตัวจริงมาเฝ้าบลอคให้ค่ะ เดี๋ยวบลอคหายนะ   โดย: กระต่ายลงพุง 19 กันยายน 2549 1:01:11 น.

ขอบคุณครับคุณพริซซี่ สำหรับน้ำส้มแก้วโต ขอบคุณครับคุณกระต่ายตัวกลม 555 สำหรับยามเฝ้าบล๊อคน่ารักๆ บล๊อคผม ต้อนรับทุกคนอยู่เสมอครับ ทั้งขาประจำ และขาจร   โดย: myAstro 19 กันยายน 2549 12:21:24 น.

ดาวก้อนหินสวยที่ซู๊ดดด 555 ก็เค้าเป็นคน คนเดียวนี่นา ก็ต้องเรียกว่า ก้อนหินก้อนหนึ่งสิคะ   โดย: ก้อนหินก้อนหนึ่ง 19 กันยายน 2549 14:30:22 น.

หายไปหลายวันแระนะ   โดย: ปริศนาไร้นาม 21 กันยายน 2549 23:53:42 น.

ช่วงนี้ โดนเรียกให้ไปรายงานตัวอ่ะครับ   โดย: myAstro 22 กันยายน 2549 13:46:39 น.