Take a sad song and make it better!
 
พฤศจิกายน 2548
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
3 พฤศจิกายน 2548

John Lennon/Plastic Ono Band

อัลบั้มเดี่ยวแผ่นแรกจากสมาชิกสี่เต่าทองผู้อื้อฉาวในทุกๆด้าน จอห์น เลนนอน Plastic Ono Band คือชื่อวงดนตรีของเขา แต่ก็เหมือนตั้งไว้ลอยๆอย่างนั้น เพราะไม่มีใครเป็นสมาชิกถาวร บทเพลงในอัลบั้มเป็นการปลดปล่อยความกดดันในทางจิตวิทยาของจอห์นทั้งหมดออกมา หลังจากเขาไปรับการบำบัดด้วยวิธี 'Primal Scream' กับด็อกเตอร์จานอพ เนื้อหาก็เลยเป็นเรื่องส่วนตัวล้วนๆ

รวยและประสบความสำเร็จอย่างจอห์นก็ยังมีเรื่องความเครียดและกดดันมากมาย ตั้งแต่ปมเรื่องแม่-พ่อใน 'Mother' และ 'My Mommy's Dead' (แม่เขาตายจากอุบัติเหตุตอนเขาอายุได้สิบเจ็ด) ความสัมพันธ์กับภรรยาคนใหม่ที่โลกรับไม่ได้-โยโกะ โอโนะ ใน 'Isolation' และ 'Hold On' ความเชื่อและภาระที่ต้องแบกรับในความเป็นศิลปินก้องโลกใน 'God' และ 'Working Class Hero' การเขียนเนื้อเพลงของจอห์นในยุคนี้เน้นความกระชับและตรงสุดๆ แทบไม่มีการใส่สัญลักษณ์อะไรลงไปให้ต้องตีความ

แต่ในด้านดนตรีมันกลับโดดเด่นอย่างไม่น่าเชื่อ จอห์นใช้เครื่องดนตรีเบสิกแค่สี่ชิ้น (piano-bass-guitar-drums) แต่ใช้มันอย่างคุ้มค่า ริงโก้ สตาร์มาตีกลองให้เพื่อนอีกครั้งทำให้จอห์นไม่ว้าเหว่เกินไป ส่วนตัวเจ้าของงานเองรับบทเล่นกีต้าร์แต่ผู้เดียว ส่วนตัวผมคิดว่านี่เป็นอัลบั้มที่เขาแสดงฝีมือบนเครื่องดนตรีชิ้นนี้ได้ชัดเจนที่สุด เพลงทั้งหมดออกไปทางดิบและดุดัน เต็มไปด้วยเสียงแผดร้องแบบไม่เกรงใจไมโครโฟน (โดยเฉพาะใน Well, Well, Well และ Mother) แต่โชคดีที่จอห์นยังไม่ทิ้งศักยภาพในการเขียนเมโลดี้สวยๆ และเขาก็ยังมีเพลงเบาๆเอาไว้กันบ้าอีกหนึ่งเพลงคือ 'Love'....

God "เพลงที่จอห์น เลนนอนเท่านั้นที่จะแต่งได้"อันนี้หมอวอลรัส แฟนพันธุ์แท้บีตเทิลส์เค้าว่าไว้ จอห์นแสดงความคิดออกมาให้เราทราบว่าเขาคิดว่าพระเจ้าเป็นแค่มโนคติที่เราเอาไว้วัดความรวดร้าวในใจของเราเองเท่านั้น ก่อนที่เขาจะเริ่มสาธยายรายนามของคนที่เขา "ไม่เชื่อ" ซึ่งมีทั้ง เอลวิส ดีแลน (ใช้ชื่อจริงว่าซิมเมอร์แมนน์) เวทย์มนตร์ อี้จิง... และสุดท้ายก็คือ "บีเทิลส์"
(ในลิสต์ทั้งหมดนี้ ผมคิดว่าน่าจะเป็นสิ่งและชื่อที่จอห์น "เคยเชื่อ" และพยายามจะ "ไม่เชื่อ" ในมันอีกต่อไป)

เขาเชื่อแค่ตัวเขาเอง...(และโยโกะ...อันหลังนี้..แหม เหมือนถูกบังคับให้ใส่เข้าไปจัง) เสียงร้องในท่อนสุดท้ายของจอห์นทำได้โคตรเยี่ยม

Mother เป็นซิงเกิ้ลแรกจากอัลบั้ม (เป็นความหาญกล้ามากที่ตัดเพลงเคร่งเครียดขนาดนี้เป็นซิงเกิ้ล) เสียงระฆังในท่อนอินโทรทั้งวังเวงและน่าผวา จอห์นค่อยๆเล่าถึงปมของเขากับพ่อ แม่ และ ลูก ที่เขาไม่เคยประสบความสำเร็จในความสัมพันธ์ จอห์นร้องเพลงนี้เหมือนคนที่กำลังถูกลากไปประหาร

ถ้าไม่นับ Imagine นี่คืออัลบั้มเดี่ยวที่ดีที่สุดของจอห์นครับ แนะนำสำหรับแฟนๆเคิร์ท โคเบนทุกท่าน...!!!

(นี่น่ะนะ short review????)




Create Date : 03 พฤศจิกายน 2548
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2548 21:50:13 น. 6 comments
Counter : 583 Pageviews.  

 
คุณหมอมีเกร็ดเพลง 'Jealous Guy' บ้างไหมครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 3 พฤศจิกายน 2548 เวลา:22:05:27 น.  

 
Jealous Guy - หนึ่งในยี่สิบเพลงที่ผมชอบที่สุดในชีวิต

เพลงนี้เคยเกือบเป็นเพลงของ Beatles ไปแล้ว จอห์นแต่งทำนองเอาไว้ตั้งแต่ยุคไปนั่งสมาธิที่อินเดีย ตอนนั้นใช้ชื่อเพลง 'Child Of Nature' แต่ไม่ทราบว่ายังไง มันไปไม่ถึงดวงดาว ตกสำรวจไปในที่สุด จอห์นเอามาเปลี่ยนเนื้อร้องใหม่ในปี 1971 และมันก็ดูดีขึ้นเยอะเมื่อมาอยู่ใน Imagine เมื่อคนบุคลิกโหดโฉดเยี่ยงมิสเตอร์เลนนอน มาร้องเพลงสารภาพบาปอย่างไร้มาดอย่างนี้ ทำให้เพลงออกมาซาบซึ้งเป็นหลายเท่า (Child... มี bootleg อยู่นะครับ และก็ฟังได้แว้บนึงในแผ่นแถมของ Let It Be...Naked)

วันนี้เพิ่งดูมิวสิควิดีโอเพลงนี้ที่จอห์นกับโยโกะถ่ายกันไว้ที่บ้านที่ Ascot บ้านนี้น่าอยู่กว่าอาคารดาโกต้าผีสิงนั่นเป็นไหนๆ แต่จอห์นเป็นคนเบื่อง่าย จะให้พายเรือเล่นอย่างนั้นคงได้ไม่นาน

เคยฟังไบรอัน เฟอรี่เอาไปร้องใน High Road ของ Roxy Music ไหมครับ เขาทำได้เยี่ยมเกินคาดเลยล่ะ ส่วนลู รีด เอาไปร้องในงานทริบิวต์จอห์นครั้งหนึ่ง โอ....ตอนเขาร้องว่า I didn't mean to HURT you นั้น ผมว่าสาวเจ้ายังเสียวเลยว่า แกจะต่อว่า ...again หรือเปล่า??


โดย: winston วันที่: 3 พฤศจิกายน 2548 เวลา:22:23:55 น.  

 
ขอบคุณคุณหมอมากครับ

เพลงนี้เป็นอีกหนึ่งเพลงที่ผมรักที่สุดในชีวิตครับ


โดย: I will see U in the next life. วันที่: 3 พฤศจิกายน 2548 เวลา:22:34:05 น.  

 
เนื้อเพลง 'Child Of Nature' ครับ

On the road to Rishikesh,
I was dreaming more or less,
And the dream I had was true,
Yes, the dream I had was true.

I'm just a child of nature,
I don't need much to set me free,
I'm just a child of nature,
I'm one of nature's children.

Sunlight shining in your eyes,
As I face the desert skies,
And my thoughts return to home,
Yes, my thoughts return to home.

Underneath the mountain ranges,
Where the wind that never changes,
Touch the windows of my soul,
Touch the windows of my soul.




โดย: ว. (winston ) วันที่: 4 พฤศจิกายน 2548 เวลา:8:56:27 น.  

 
ชื่อเพลงและเนื้อหาอาจจะไปคาบเกี่ยวกับอีกเพลงของพอล Mother Nature's Son ก็เป็นไปได้ พวกเขาเลยต้องเลือกเพลงใดเพลงหนึ่งเพื่อไปใส่ใน 'White Album'


โดย: winston วันที่: 4 พฤศจิกายน 2548 เวลา:8:57:52 น.  

 
เป็นอัลบั้มที่ผมชอบมากครับ
และเพิ่งได้ฟังเต็มๆเมื่อปีที่แล้วนี้เอง


โดย: vivid IP: 61.91.66.28 วันที่: 5 พฤศจิกายน 2548 เวลา:9:05:25 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

winston
Location :
กรุงเทพ United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




[Add winston's blog to your web]