อัมพวา
เมื่อสองปีก่อนได้ไปอัมพวามาแล้วหนหนึ่ง ครั้งนี้เป็นหนสอง ไปค้างคืน 1 คืน ไม่มีความเปลี่ยนแปลงอะไรที่ชัดเจนขึ้นเลย...คลาสสิกเหมือนเดิม แต่คราวนี้ได้ความรู้ขึ้นนิดหนึ่งวันแรกที่ไปถึง ไป check-in ที่บ้านพักโชติกาก่อน ที่ไปที่นี้เพราะเพื่อนแนะนำมา ทีแรกที่ไปถึงน้ำในคลองไม่มีเลย เห็นแล้วใจหาย แถมมีกลิ่นดินโคลนโชยมาเป็นระยะๆด้วย เพื่อนๆบ่น จะนอนได้ไหมเนี่ย ก็ถามลุงที่ดูแล ลุงบอกว่าน้ำกำลังขึ้นไม่ต้องเป็นห่วง แต่ใจพวกเราสิ หวั่นๆยังไงไม่รู้หลังจากที่เข้าที่พักเรียบร้อยแล้วก็ไปเดินตลาดกัน โชคดีว่าวันนี้เป็นวันศุกร์คนไม่เยอะเท่าไหร่ เดินได้แบบชิวๆ สบายๆดี กินทอดมันหัวปลี ลูกชิ้นทอด ขนมจีนแกงเขียวหวานลูกชื้นปลา เอาเป็นว่าตั้งแต่ถึงตลาดก็กินไม่ได้หยุด ...18.45 น. ไปนั่งเรือดูหิ่งห้อยกัน หิ่งห้อยไม่มากนัก เพราะไม่ใช่หน้าฝน จะดูหิ่งห้อยให้เพลินต้องดูช่วงปลายฝน ต้นหนาว จะเห็นหิ่งห้อยอยู่ตามต้นลำพู เหมือนไฟประดับต้นคริสมาสเลยละ ลุงที่คุมเรือเป็นไกด์บรรยายให้่ความรู้ไปในตัวด้วย บอกว่า เมื่อ 2 ปีก่อน ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำได้เข้ามาอบรมให้เป็นเวลา 2 วันเกี่ยวกับหิ่งห้อย และสถานที่สำคัญต่างๆที่อยู่สองฝั่งของคลอง ใครอยากได้ยินความรู้นี้ต้องหูดีด้วย และที่สำคัญต้องนั่งอยู่แถวสุดท้าย ไม่งั้นไม่ได้ยิน ....กว่าจะวนมาได้รอบนึง การนั่งเรือชมหิ่งห้อยก็กินเวลาไปชั่วโมงกว่า ขึ้นท่าอีกทีตอน 2 ทุ่ม ทำเอาแอบหลับไปเหมือนกันนะ อิอิพอขึ้นท่ามาแล้ว ตลาดยังไม่วาย เพราะเป็นตลาดเย็น พวกเราก็หาของกินเล่น ไอติมกะทิ ขนมชั้น น้ำน้ำตาลสดดื่มแล้วชื่นใจดี แล้วก็เดินถ่ายรูปนิดหน่อย ผู้คนที่เปิดร้านขายของอัธยาศัยดีกันทั้งนั้น ใจดี พวกเราชวนคุยไปเรื่อย จนเจอคุณลุงคนหนึ่งเป็นเจ้าของร้านของชำ และเป็นเจ้าของห้องแถวติดคลองในตลาดอีก 2 ห้อง ชีวิตคุณลุงคงมีความสุขแน่ๆ เพราะดูจากหน้าตา และอารมณ์เวลาคุยกัน จริงๆแล้ววันหนึ่งๆคุณลุงเจอลูกค้ากรุงเทพฯเข้ากรุงเยอะ และเจอคำถามซ้ำๆบ่อย และคุณลุงก็คงตอบคำถามเดิมบ่อยๆแบบไม่รู้จักเบื่อ แต่คุณลุงก็มีความสุข อิจฉาจังเลย ตอนนี้ลูกๆของคุณโตหมดแล้ว กลับมาบ้่านทุกเสาร์ อาทิตย์ คุณลุงเล่าให้พวกเราฟังว่า มีปี 2529 ทางบ้านเรือนแถวริมคลองได้รับเงินจากเดนมาร์กในการอนุรักษ์เรือนไทย เรือนแพ และเรือนพืนถิ่น โดยที่ทางเจ้าของบ้านส่งรายการประเมินซ๋อมแซมให้ทางสถาปนิกของโครงการว่าเหมาะสมหรือไม่ ถ้าโครงการเห็นว่าการประเมินเหมาะสมก็ให้อนุมัติให้ซ่อมแซม และจ่ายเงินค่าซ่อมให้ ไม่ใช่แต่เดนมาร์กนะ มูลนิธิชัยพัฒนาก็ร่วมด้วย เดนมาร์กมีความสัมพันธ์อันดีกับไทยเรามาก อัมพวาไม่ได้เป็นที่เดียวนะที่เขาให้เงินสมทบ มีหลายโครงการในไทยเลยละ ลองหาดูกันเอาเอง หลังจากคุยกับลุงอยู่นาน ร้านรวงก็เริ่มปิดกันแล้ว พวกเราก็กลับที่พัก พอถึงที่พัก ค่อยโล่งใจเพราะน้ำที่ลดจนเห็นตอผุด ตอนนี้เต็มจนจะล้นตลิ่งแล้วเช้าวันรุ่งขึ้นไม่ได้ตื่นมาใส่บาตรตามธรรมเนียมนักท่องเที่ยวกัน พวกเรามาพักผ่อนก็เลยของนอนแบบเต็มที่ดีกว่า 8.30น. ก็ตื่นมากินข้าวต้มกุ้ง หมูสับใส่เห็ดจากที่พัก อร่อยอีกแล้ว และที่สำคัญกินเท่าไหร่ก็ได้ไม่อั้น กินเสร็จเดินเล่นไปตามระเบียงน้ำ เลียบคลองไปเรื่อยๆ เห็นเรือขายกาแฟ เพื่อนก็เรียกขอสักหน่อย นั่งริมคลองไปได้สัุกพัก ก๋วยเตี๋ยวเรือมา ...จัดการไปอีกคนละถ้วย นั่งกินเพลินๆ คนจับกุ้งแม่น้ำที่พวกเราเจอเมื่อคืนมาถามว่ายังอยากได้อยู่หรือเปล่า เพราะดันไปบอกพ่อค้าว่าจะซื้อ เมื่อถามก็ต้องซื้อสิ 1กิโล 550 บาท ค่าย่าง ค่าน้ำจิ้ม 100 บาท รวม 650 บาท ได้กุ้งแม่น้ำสดๆ มาอีก 6 ตัว ระหว่างรอกุ้งไปย่างเรือไอติมกะทิพายมาอีกละ ถ้าไม่ลองคงไม่รู้ว่าเจ้าเมิ่อคืนอร่อยจริงหรือเปล่า ซัดกันไปอีักคนละถ้วย อิอิ สรุปว่าไอติมกะทิบางแคที่ตลาดอร่อยกว่าจริงๆ และแล้ว กุ้งเผาก็มา พวกเราซัดกันเต็มที่ หัวกุ้ง ตัวกุ้ง ก้ามกุ้ง ไม่มีเหลือ ....ครึ่งวันเช้าที่หมดไปกับการกินจริงๆ check - out ออกจากที่พักและ...ไปหาอะไรกินกันต่อ...มาดูรูปกันดีกว่านะทอดมันปลาหัวปลี อร่อยดีบรรยายกาศตลาดน้ำยามเย็นบริเวณบ้านพักกุ้งแม่น้ำสดๆ