Group Blog
All Blog
|
[ตอนที่4] เที่ยวไต้หวันด้วยตัวเอง ที่ Sun Moon Lake ไหว้พระที่วัด Wenwu แล้วก็ต่อด้วย Cable car หลังจากที่แต่งตัว เก็บกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว ก็พากันลากกระเป๋า เอาไปฝากไว้ที่ล็อบบี้ เพราะว่าวันนี้กลุ่มของมิกิจะไปลุยเที่ยว Sun Moon Lake กันต่อค่ะ ที่ต้องเอามาฝากไว้ก่อนเพราะว่า เดี๊ยวจะกลับมาเช็คอินไม่ทัน พร้อมลุยแล้ว !! วันนี้ตอนแรกเข้าใจว่าที่พักมีรวมอาหารเช้าด้วย แล้วช่วงเช้าคนที่พูดภาษาอังกฤษได้ก็ไม่อยู่ ก็เลยเสียเวลาอยู่นานเลยเจรจาเรื่องอาหารเช้า ทีนี้เขาก็บอกว่าให้ไปที่ร้าน Good Morning ที่เดินไปแป๊บเดียวก็ถึง พอมาถึงที่ร้านเขาก็ถามหาคูปองอาหารเช้า แต่ว่าที่พักเขาไม่ได้ให้มา ก็เลยแยกกันกลุ่มนึงนั่งรอที่ร้าน อีกกลุ่มเดินกลับไปที่พักถามหาคูปอง ปรากฎว่าราคาที่เราจองมา ไม่ได้รวมอาหารเช้าไว้ด้วย เพราะว่าจองกับทางที่พักเองเลย ราคาถูกกว่าคนละประมาณ 200 เหรียญ (แต่ถ้าจองผ่าน Agoda แพงกว่าแต่จะมีอาหารเช้าให้ด้วย) ไหน ๆ ก็มาถึงร้านแล้ว ก็น่าจะลองชิมอาหารเช้าที่นี่ดูหน่อยดีกว่า ตอนที่สั่งกันอยู่ มิกิก็ขอถ่ายรูปเมนู แล้วคุณลุงก็เลยยื่นให้ถ่ายแบบนี้เลย น่ารักไม๊ เมนูของร้านนี้มีภาษาอังกฤษด้วยค่ะ รอดละ แต่ที่มิกิเห็นว่าเข้าใจคิดดี ก็คือเขาจะเอาพลาสติกห่อเมนูเอาไว้ เวลาที่เราสั่งก็จะเอาปากกาติ๊กที่หลังเมนูนั้น พอใช้เสร็จก็เอาผ้าเช็ดออก ดีจัง เมนูแรก Radish Cake & Egg เหมือนกันขนมผักกาดบ้านเรา แต่จืดกว่า เวลากินจะมีซอสให้ใส่ ส่วนซอส ก็มีให้เลือก 2 อย่าง ใส่กับเมนูไหนก็ได้หมด ส่วน เกี๊ยวซ่า รสก็เหมือนบ้านเราเลย Bagel Bacon Egg & Cheese ตัวแป้งจะกรอบ แล้วก็หอมคล้ายแป้งพาย ใช้แทนขนมปังแบบแฮมเบอเกอร์ อันนี้มิกิคิดว่ามันอร่อยกว่าใช้ขนมปังธรรมดา หอมกว่าด้วย Bagel Ham Egg & Cheese มื้อนี้กินกัน 5 คน รวมทั้งหมดประมาณ 300 กว่าเหรียญค่ะ โปรแกรมวันนี้ก็ยังอยู่ที่ Sun Moon Lake เหมือนเดิม มารอขึ้นรถ ตรงท่ารถค่ะ ใช้บัตรจากแพ็คเกจที่ซื้อเอาไว้เมื่อวานนี้ ตรงนี้จะเป็นจุดที่ ขึ้น-ลง รถ ซื้อตั๋วกันได้ที่ตรงนี้ค่ะ ตรงท่ารถจะมีของกินขายอยู่หลายอย่างเลย แต่ว่าตอนที่มิกิไปยังเช้ามากอยู่ ร้านเลยยังไม่เปิด ก็เลยได้แค่ถ่ายรูปกันเล่นอย่างเดียว ที่แรกที่แวะของวันนี้ก็คือ " วัดเหวินอู่ " ค่ะ (Wenwu Temple) มาถึงหน้าวัด Wenwu แล้ว ดูใหญ่โต อลังการ มากเลย และก็ต้อง . . . ขอขอบคุณ Sponser ผู้ใจดีอีกครั้งค่ะ สิงโตหินอ่อนตัวโตสีแดง อยู่ทางด้านหน้าวัด ทั้ง 2 ฝั่ง วิวด้านหน้าวัดสวยมากเลย มีหมอกลงเล็กน้อย ทางเข้าในบริเวณด้านในวัด Wenwu ให้เดินเข้าทางประตูมังกร ( ขวา ) และ ออกทางประตูเสือ ( ซ้าย ) วัด Wenwu เป็นการรวมของศาลเจ้าขงเบ้ง กับ ศาลเทพเจ้ากวนอู ด้านในดูยิ่งใหญ่ และ สวยมาก มาถึงที่วัด Wenwu ก็ต้องแวะมาตรงนี้ค่ะ . . . เห็นสีทอง ๆ ที่แขวนอยู่กันไหมคะ ที่เห็นนี่คือกระดิ่งที่เอาไว้ให้เราเขียนคำอธิษฐานลงไป แล้วก็เอาไปแขวนตรงทางด้านหน้าของวัดค่ะ จะมีบันไดให้เดินลงไปแขวน ราคาอันละ 200 เหรียญค่ะ ทริปนี้ ทุกคนพร้อมใจกันเลือกเงิน( ความร่ำรวย ) ค่ะ อิ อิ ตรงนี้จะมีให้เลือกหลายอย่าง เกี่ยวกับสุขภาพ การงาน เดินทาง ความรัก ความร่ำรวย ที่เห็นเป็นแผ่นแบน ๆ พอกางแล้วจะออกมาเป็นกระดิ่งแบบนี้เลย อยากจะขออะไรก็ให้เขียนลงไปเลยค่ะ แล้วก็เดินออกมาจากวัด ไปทางด้านหน้า ตอนนี้แต่ละคนมีกระดิ่งกันคนละอัน เตรียมพร้อมที่จะไปแขวนแล้วค่ะ ตรงด้านหน้านี้จะมีบันไดลงไป 366 ขั้น ใครที่เกิดวันไหน ก็เดินลงไปแขวนตามวันเกิดค่ะ ตอนแรก มิกิ ก็ดีใจ . . . เหอ ๆ ๆ เดือนต้นปีก็คงลงไปไม่ไกลสินะ แต่ที่ไหนได้ เขาเริ่มกันตั้งแต่ท้ายปี จุดเริ่มต้นเริ่มจาก เริ่มจาก วันที่ 31 เดือน 12 ใครเกิดเดือน 1 ก็ล่างสุดค่ะ -0- แต่ส่วนมากคิดว่าเขาน่าจะแขวนกันแค่ตรงต้น ๆ ทางลงมากกว่า แต่ละขั้นก็จะมีวัน กับ เดือนบอกเอาไว้ เดินลงไป ๆ ๆ หนทางยังอีกยาวไกลนัก ในที่สุดเราก็เดินทางมาถึงเดือนแรกของปีซะที เป้มิกิหนักประมาณเกือบ 5 โล กับการเดินลงบันได้ 300 กว่าขั้นนี่มันสุด ๆ จริง ๆ ตรงกลางขั้นจะบอก เดือน และ วัน ส่วนภาษาจีนด้านข้างจะบอกว่ามีคนสำคัญคนไหนเกิดในวันนี้ค่ะ แขวนเสร็จเรียบร้อย . . . ขอให้เป็นจริงนะคะ สาธุ ( เห็นกันหรือเปล่าคะว่ามิกิเขียนอะไรลงไปนะ อิ อิ ) วิวด้านล่างสวยมาก น้ำใส สีเขียว-ฟ้า กับต้นไม้ที่กำลังโดนลมพัด ด้านล่างสุดจะมีจุดชมวิวที่สวยมากเลยถ้าไม่ได้เกิดต้นปีนี่คงไม่ได้เห็นแน่ ๆ หายเหนื่อยชั่วคราว เพราะมัวแต่ถ่ายรูป พร้อมกับยืนฟินบรรยากาศรอบ ๆ แต่ . . . เดินขึ้นอีก 366 ขั้น ตรงนี้แทบขาดใจ เจอความหนักของเป้ตัวเองตัดแรงแบบสุดพลัง ฮือ . . . มองไปข้าวหน้าตาปริบ ๆ อยากนั่งพัก แต่เพื่อนรออยู่ ( มีเชือกผูกตัวแล้วดึงขึ้นไปได้ไหมเนี่ย ) แล้วก็กลับมาที่ด้านในวัดอีกครั้งนึง ที่เห็นในมือคือซองที่ใส่แบงค์ (ปลอม) เอาไว้ แล้วก็คนดูแลก็จะท่องคาถาพร้อมกับเคาะธูปลงไปในซอง เป็นเงินขวัญถุง ให้ร่ำรวย ( อีกแล้ว ) อิ อิ แต่พี่แอร์บอกว่า เป็นเคล็ดพกติดตัวจะได้กลับมาที่นี่อีกนะ กำลังเคาะธูปลงซองเลย ไหว้เสร็จ ก็ให้เดินเอาซองไปวนตามเข็มนาฬิกาตรงกระถางธูป 3 ที . . . เสร็จพิธี ด้านบนวัดสวยมาก แต่มิกิยังอ่อนแรง - - จากการเดินลง-ขึ้นบันได้หลายร้อยขั้น ( จะเข้าวัดก็ต้องขึ้นบันไดอีก ) ก็เลยปีนขึ้นไปต่อไม่ไหวแล้ว T^T ขายังสั่นอยู่เลย หลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว ยังเป็นช่วงสาย ๆ อยู่ ก็ถึงเวลาไปนั่ง Cable Car แล้ว ! แต่ว่าวันนี้พวกเราไปที่ Cable Car โดยรถ Bus ค่ะ ( เมื่อวานไปทางเรือนะ ) กลับมาถึงที่ Ita Thao อีกรอบแล้ว ลั่นล้าาาาา อากาศก็ดี วิวก็สวย มีความสุขจัง Cable Car อยู่ข้างหน้าแล้ว !! รอบนี้ไม่พลาดละ ( ถ้าพลาดก็อดแล้วอ่ะ ) เห็นอะไรในนั้นไหม ใน Cable Car แต่ละอัน จะมีหมีตัวใหญ่นั่งรอเราอยู่ในนั้นด้วย แล้วก็มีหมีหลายแบบด้วย ขึ้นอยู่กับว่าเราจะได้เจอตัวไหน แต่ก็น่ารักทั้งหมดเลยล่ะค่ะ ขาออก มีหมีอวบตัวนี้ไปเป็นเพื่อนค่ะ พอเข้าไปถึงในกระเช้าแต่ละคนก็มารุมที่หมีทันที > . < ก็มันน่ารักนี่นา อยากจะยกมาเล่น แต่ว่า . . . หมีโดนยึดติดกับที่ยกไม่ขึ้น แง๊ววว วิวสวยมาก เดินเล่นย้ายที่กันในกระเช้าก็ไม่เอียงด้วยนะ กระเช้าค่อนข้างจะแข็งแรงใช้ได้เลยคะ ตลอดเวลาที่อยู่บนนั้น แต่ละคนก็ผลัดกันลุกมาเล่นกับตุ๊กตาหมี เดินย้ายไปถ่ายวิวด้านล่าง ไป มา กระเช้าก็ไม่แกว่ง ระหว่างทางก็ได้ยินเสียงนกร้อง เสียงดังพอประมาณแล้วก็รู้สึกได้ถึงจำนวนว่าเยอะเชียว ทีแรกก็คิดกันอยู่ว่าน่าจะเป็นเสียงจากลำโพงในกระเช้า เพราะว่าไม่เห็นนกแถวนั้นเลย แต่พอนั่งไปสักพักถึงได้รู้ว่า อ้าว ! นั่นเสียงนกของจริงนี่นา ธรรมชาติสุด ๆ เลย ช่วงหมอกเริ่มลง อากาศกำลังดีเลย หมุนไป หมุนมาถ่ายวิวรอบด้าน ตอนนั้นสงสัยจะลืมไปว่านี่อยู่บน Cable Car นะ -0- ไม่ใช่พื้นด้านล่าง แล้วเราก็มาลงที่หมู่บ้านวัฒนธรรม 9 ชนเผ่า แต่ว่าแพ็กเกจที่ซื้อมา ไม่ได้รวมค่าเข้าไว้ด้วย ก็เลยแค่มาดูด้านหน้าเฉย ๆ มองจากมุมบนลงมา มีขนมขายเหมือนที่ท่องเที่ยวทั่ว ๆ ไป แต่ที่แปลกคือ มีบ๊ะจ่างขายด้วยนี่สิ มาถึงตรงนี้ก็มาดูที่ขายของที่ระลึกกันหน่อยนะคะ โซนด้านหน้าจะเป็นของกินซะเป็นส่วนใหญ่ กระปุกออมสิน ที่ของจริงน่ารักมาก เอาไปแขวนเรียงกันได้ด้วย ของฝาก ของที่ระลึก packaging น่ารักมาก ตุ๊กตาหมี . . . แล้วก็เอ๊ะ ! ทำไมมีกวางช็อบเปอร์ด้วยล่ะเนี่ย ถ้าจำไม่ผิดอันนี้เป็นขนมปังกรอบ แล้วข้างในถุงกระดาษก็จะมีถุงเล็ก ๆ หลายลายเหมือนที่โชว์อยู่ อยากได้ แต่ว่าตอนนั้นไม่มีปัญญาถือกลับ - - รู้สึกไหมว่าทำไมที่นี่ถึงมี One piece เยอะจัง ( ส่วน Kitty ที่ไต้หวันมีแทบจะทุกที่อยู่แล้ว ) ที่มีสินค้า One piece เยอะก็เพราะว่าหมูบ้านวัฒธรรม 9 ชนเผ่านี้ ด้านในจะเป็นสวนสนุกธีม One piece ค่ะ เริ่มจะน่าเข้าไปเที่ยวทันทีเลยใช่ไหมคะ อิ อิ แต่ทริปนี้อดเข้าไปนะคะ เวลามีจำกัด เพราะว่ามีที่อื่นต้องไปต่ออีก เอากระเช้ามาแขวนโชว์แบบนี้ เห็นแล้วอยากได้จัง พอซื้อของที่ระลึกกันเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลานั่ง Cable car กลับค่ะ ขากลับก็เจอหมีอวบเหมือนเดิม แต่ว่ารอบนี้เป็นหมีคนละแบบกับขามานะ หมีอวบ กับ กระต่ายมิ อุ๊ง อุ๊ง ( ไส้ในหมีอวบ จะมีชูชีพซ่อนไว้หรือเปล่านะ 5 5 5 ) ด้านล่างก็มีร้านขายของที่ระลึก แล้วก็มีหมียิ้มให้ถ่ายรูปด้วย ถ้าหิวก็มีอาหารให้กินด้วยนะ บรรยากาศดูแล้วชิลมากเลย กะว่าอยากจะกลับไปอีกครั้งแล้วไปนั่งกินข้าวในนี้นะคะ และนี่คือเวลาเปิด - ปิด ทำการของ Cable car ดูรูปบน Cable Car & หมู่บ้านวัฒนธรรม 9 ชนเผ่าแบบเต็ม ๆ กดที่รูปด้านล่างเลยค่ะ ตอนที่ออกมาก็ประมาณบ่ายโมงนิด ๆ แล้วค่ะ เรามีโปรแกรมต้องกลับไปที่โฮสเทส ไปรับกระเป๋า แล้วก็ขึ้นรถ bus เดินทางไปต่อ ข้ามถนนมาฝั่งตรงข้ามกับที่รอรถ ก็จะเป็นสวนผีเสื้อค่ะ ยืนรอรถนานมาก รถไม่ยอมมาซะที . . . แต่ในที่สุดรถก็มา พี่คนขับก็พามาลงที่ท่าเรือ Xuanguang ( ที่มีไข่ต้มใบชา ) แล้วพวกเราก็ต้องลงที่นี่แบบมึน งง เพราะว่าพี่คนขับบอกว่านี่คือเวลาพัก และเขาก็พัก 2 ชั่วโมง - -" วันนี้โปรแกรมคือต้องไปที่ไทเปแล้ว ถ้าช้ารถหมดทำไงดีล่ะ เริ่มปาดเหงื่อ แล้วช่วงที่เดินลงมาเรื่อย ๆ ตาลบอกว่า เดี๋ยวจะซื้อไอติมนะ อยากกิน มิกิได้ยินดังนั้นก็เลยบอกว่า งั้น มิกิ จะกินไข่ต้มใบชานะ ! แล้ว มิกิ กับ พี่เก๋ ก็ดิ่งตรงไปที่ร้านไข่อาม่าทันที ! เข้าแถวซื้อไข่เรียบร้อย ถึงได้รู้ว่า ยิ่งซื้อเยอะ ยิ่งลดราคานะคะ แต่พอหันมาอีกที อ้าว !! ทุกคนหายไปไหนกันหมด สรุปว่ามิกิ กับ พี่เก๋ หลงกลุ่มค่ะ -0- ทัวร์ลง คนเยอะ เดินหากันอยู่สักพักเลย กะว่า ถ้ายังหาไม่เจอ มิกิ จะไปซื้อไข่มากินอีกละนะ T^T แต่โชคดีมาก ที่มองไปทางด้านหน้าเจอตาลกับพี่แอร์วิ่งหน้าตื่นมาพอดี ที่วิ่งมาแบบนั้นก็เพราะว่าเรือมาแล้ว !! แต่เดี๋ยวนะ เรือ ยังไม่ได้ซื้อบัตรนี่นา ! ตอนนั้นจะทำอะไรก็แทบจะไม่ทันแล้ว เพราะว่าโรงแรมที่จะพักจองไว้เรียบร้อยแล้ว - -" แต่ว่ารัตน์ไม่สามารถติดต่อได้ ( เพราะว่าซื้อซิมนอกสนามบิน ก็อาจจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ เงินก็เลยไม่แอดเข้า ) แต่ละคนที่มือ ก็มีรอยปั้มของเมื่อวานจาง ๆ อยู่ สรุปก็เลยวัดดวงเอาละกัน คนที่นี่นิยมเลี้ยงสุนัขพันธุ์นี้ ตัวเล็ก ๆ อ่ะ ! ขึ้นเรือ (อันนี้ไม่ควรทำตามนะคะ - -" แต่ตอนนั้นเวลามันไม่ได้แล้วก็ต้องเอาตัวรอดกันก่อนละค่ะ ก็เลยกลายเป็นแบบที่ไม่ได้ตั้งใจไว้เท่าไหร่ เพราะที่วางแผนไว้คือวันนี้จะเดินทางด้วยรถบัสค่ะ) แล้วเรือก็พาเราไปที่ท่าเรือ Ita Thao อีกครั้ง วนกลับมาเจอกันอีกรอบ แต่ไม่ลงนะ แล้วทีนี้ตอนที่จะต่อไปท่าเรื่อ Shuishe อยู่ ๆ พนักงานก็มาขอตรวจบัตร แต่โชคดีที่เกือบทุกคนยังเก็บบัตรไว้ ส่วนคนที่ไม่ได้เอามาตอนแรกก็เหมือนว่าเขาจะไม่ยอม เราก็อ้างนู้น อ้างนี่ แต่สุดท้ายก็หยวน ๆ ไป รอดตัว !! แล้วก็ไปรับกระเป๋าเตรียมตัวเดินทางไปที่ ไทเป . . . บ๊ายบาย Sun Moon Lake เอาไว้เจอกันอีกนะ ซื้อตั๋วรถบัสคนละ 190 เหรียญ มุ่งหน้าไปที่ HSR Taichung Station แล้วก็หลับตลอดทาง ^ ^ กระเป๋าอยู่ใต้ท้องรถ ก็ไม่ต้องกังวลว่ามันจะกลิ้งไปไหนหรือเปล่า HSR Taichung Station อีกครั้ง เข้าแถวซื้อตั๋ว พร้อมมุ่งหน้าไปไทเป . . . อู่ไหล ตอนแรกแผนคือนั่งรถบัสธรรมดาไป แต่ว่าผิดแผนตรงเรื่องเวลา ก็เลยต้องใช้บริการ HSR กันอีกรอบค่ะ รอบนี้รัตน์แยกไปนั่งชั้น Business Class แพงกว่าชั้นปกติประมาณ 300 เหรียญ จากการสัมภาษณ์รัตน์ผู้หนีเพื่อนไปนั่ง HSR ชั้น Business Class อิ อิ ( ที่จริงไปเก็บข้อมูลมาให้ทุกคนนะคะ ว่ามันต่างจากที่นั่งปกติยังไง ) ที่นั่งใหญ่ และ นุ่มกว่า มีที่วางอาหาร ที่ชาร์ตแบต มีน้ำ และ ขนมให้ด้วย คุ๊กกี้อันนี้อร่อยมาก !! Gakuden มีร้านอยู่ตาสถานีรถใต้ดิน ต้องลองชิมนะคะ ประมาณ 40 นาที ก็ถึง HSR Taoyuan แล้วก็ต่อ U-Bus อีก 30 เหรียญ ไปที่สนามบิน ซื้อ sim แล้วก็ต่อรถบัสไปที่ Wulai ซื้อตั๋วรถบัส ไปที่ Xindian Station เพื่อที่จะไปต่อรถบัสไปที่อู่ไหลอีกต่อนึง รอบนี้ใช้บริการของบริษัท CitiAir Bus สาย 1968 ราคา 135 เหรียญ แล้วก็เลือกนั่งหลังกันเหมือนเดิม ระหว่างทางฝนก็ตกปรอย ๆ เรื่อย ๆ เขาว่ากันว่าที่ไทเปฝนจะตกตลอด แต่ตกเบา ๆ ไม่แรง ประมาณ 45 นาทีผ่านไป เราก็มาถึงที่ Xindian Station ซะที ฮ่า ๆ ๆ ๆ ไม่หลงแล้ว แล้วก็มาซื้อ Easy Card ต้องซื้อบัตรก่อน แล้วค่อยเติมเงิน ที่ไต้หวันสถานีรถไฟฟ้าทุกที่จะมีห้องน้ำไว้บริการด้วย แล้วก็ค่อนข้างที่จะสะอาด ยังไม่ได้กินอะไรกันเลยทั้งวัน ตอนนี้หิวกันสุด ๆ ช่วงที่รอรถบัส มีเวลาแค่ไม่นาน จะกินอะไรดีที่เร็ว ๆ และแล้วก็ 7-11 อีกครั้ง มื้อนี้เป็นโอเด้งร้อน ๆ จาก 7-11 ค่ะ มีน้ำซุปให้เลือก 2 แบบคือแบบธรรมดา กับ แบบเผ็ด อร่อยทั้ง 2 แบบ ตาม Concept ค่ะ กินข้างทาง ! กินเสร็จรถก็มาพอดี โชคดีจัง ! รอบนี้ขึ้นรถบัสสาย 849 ไปอู่ไหล แต่ว่านี่เป็นรถบัสแบบเหมือนรถเมล์บ้านเราเลย ไม่มีที่ให้วางกระเป๋าแบบเป็นเรื่องเป็นราว กระเป๋าก็เลยกลิ้งไป กลิ้งมา กลิ้งลงไปตรงบันไดอีกด้วย ตอนแรก มิกิ ก็นั่งเอาขากั้นกระเป๋าเอาไว้จนเกร็งเลย แต่เหมือนไม่ช่วยอะไร เบรคทีกระเป๋ากลิ้งทันที เลยย้ายที่นั่งซะ ทีนี้เกร็งไปทั้งตัวเลย เพราะว่าต้องยึดกระเป๋าเอาไว้ แล้วก็ต้องยึดตัวเองไม่ให้กลิ้งไปกับกระเป๋าด้วย ในที่สุดก็รอดจากความเสี่ยงที่จะกลิ้งลงบันได ไถลไปพร้อมกระเป๋าซะที ถึงสถานีรถบัสที่อู่ไหล แล้วค่ะ ! นั่งรอรถที่โรงแรมมารับ นั่งรอสักพักก็มีรถโรงแรมเป็นเก๋งสีดำ พร้อมกับลุงหน้าตาใจดีลงมาช่วยยกกระเป๋าขึ้นรถ แต่ต้องแยกกันไป 2 รอบ เพราะว่านั่งได้ทีละ 3 คนเท่านั้นค่ะ มาถึงโรงแรมแล้ว เป็นโรงแรมที่พี่เก๋บอกว่า ถ้ามาถึงแล้วมิกิต้องกรี๊ดแน่ ๆ ! แล้วโรงแรมนี้จะเป็นยังไง ทริปวันต่อมาจะสนุกแค่ไหน อย่าลืมติดตามกันนะคะ ข้อมูลเที่ยวไต้หวัน แบบละเอียด: //www.fanclubtaiwan.com อ่านแล้วก็อยากไปเที่ยวที่นี่เลยนะคะ
โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ วันที่: 7 พฤษภาคม 2557 เวลา:15:54:21 น.
|
Tisiny
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 88 คน [?] ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ Attribution-NonCommercial-NoDerivatives 4.0 International. Link |