ข้าคือ Sa'kyo
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
18 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 

^^Project Love^^ "รักซึ้งๆ" ตอน พระจันทร์ยิ้ม

"...ข้าฆ่าเจ้าแน่ ถ้าเจ้าไม่เม้นต์..."




- โค้ดเพลงแต่งhi5อีกมากมายคลิ๊กเลย

เนื้อเพลง พระจันทร์ยิ้ม - เอก สุรเชษฐ์

ได้แต่ฟังเรื่องราวของเธอ
เรื่องเดิมๆที่เธอชื่นชอบใคร เธอแอบรักใคร
มันช่างทรมานเหลือเกิน
ที่ต้องฟังและทำตรงข้ามใจ อยู่อย่างนี้

ต้องฝืน ต้องยิ้มเหมือนพระจันทร์คืนนั้น
ที่ยิ้มและดูสดใสไปกับเธอ
โดยที่เธอไม่เคยสังเกต ว่าส่วนใหญ่จริงๆของจันทร์
มันช่างแสนจะดูมืดมน

* เมื่อไหร่จะมองตรงนี้ คนที่อยู่ข้างเธอ
เขาก็แค่เพิ่งเจอ รักฉันนะเธอได้ไหม
แต่ก็รู้ว่าฉัน คงถามได้แค่ในใจ
เพราะไม่กล้าเสี่ยง และไม่พร้อมที่จะเสี่ยง
กลัวเธอ....จะเปลี่ยนไป

ยังต้องเป็นผู้ฟังที่ดี
เมื่อเวลาที่เธอพบรักใคร ได้แต่รับฟังไว้...

และยิ้มเหมือนพระจันทร์คืนนั้น
ที่ยิ้มและดูสดใสไปกับเธอ
โดยที่เธอไม่เคยสังเกต ว่าส่วนใหญ่จริงๆของจันทร์
มันช่างแสนจะดูมืดมน

ซ้ำ *
เมื่อไหร่จะมองตรงนี้ คนที่อยู่ข้างเธอ
รักเธอมาเสมอ หันมองกันบ้างได้ไหม
แต่ก็รู้ว่าฉัน คงถามได้แค่ในใจ
เพราะไม่กล้าเสี่ยง คงไม่คุ้มที่จะเสี่ยง
กลัวเธอ...จะจากไป.......

!!! เมื่อไหร่จะมองตรงนี้ คนที่อยู่ข้างเธอ
รักเธอมาเสมอ หันมองกันบ้างได้ไหม !!!

มือเปื้อนสีนิ่งค้างอยู่ในอากาศ พูกันที่ควรจะป้ายสีบนเฟรมผ้าใบ หยุดนิ่งไม่เคลื่อนไหวเช่นเดียวกัน เพราะตอนนี้คนที่ควรจะตวัดพูกันให้เป็นภาพ กลับมีสายตาเหม่อลอย ไม่ได้จับจ้องที่ผืนผ้าใบมันมองเลยออกไปนอกหน้าต่าง

สุดท้ายใบบัวคงรับสภาพความเครียดของตัวเองไม่ได้ เลยใช้มือผลักผืนผ้าใบให้พ้นทาง ก่อนจะโยนพูกันลงกระป๋องน้ำ ยกมือขึ้นเสยผมที่หล่นลงมาปรกหน้า และสะบัดตัวไปมาอย่างคนไม่รู้จะทำอะไรดี

ใบบัวทำอะไรได้บ้างล่ะ...ตอนที่เดหลีบอกข่าวร้ายนั่นให้ฟังนอกจากยิ้มร่าแสดงความดีใจ ทั้งๆ ข้างในอกมันกลายเป็นหลุมดำไปแล้ว...

กี่ครั้งกันนะที่ใบบัวต้องรับฟังเสมอว่าเดหลีมีใคร รักใคร...ตั้งแต่มัธยมปลายกับแฟนคนแรกของเดหลีซึ่งใบบัวไม่ได้รู้สึกอะไร อีกครั้งก็ตอนที่ทั้งคู่แยกกันเรียนคนละมหาวิทยาลัย แต่ใบบัวกลับเป็นคนแรกที่เดหลีเลือกมาบอกด้วยตัวเองว่าพบรักใหม่แล้ว...และครั้งนี้เองที่ใบบัวเข้าใจคำว่าฝืนยิ้มเพื่อดีใจกับเพื่อนที่ตัวเองไม่อยากเป็นแค่เพื่อน ตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะเหรอ

คงตั้งแต่ตอนใกล้เอ็นฯ แต่เดหลีกลับต้องเลิกกับแฟน ใบบัวคือเพื่อนที่อยู่ข้างกายตลอด อยู่เพื่อปลอบใจ เพราะคิดว่าเป็นหน้าที่เพื่อนที่ดี แต่ความจริงมันไม่ใช่ เดหลีมีน้ำตาไหลบนใบหน้าเมื่อไหร่ คนเฉยชาอย่างใบบัวกลับทนไม่ได้ทุกครั้งที่ดวงตากลมโตสุกใสนั้นเอ่อคลอด้วยน้ำตา...

แต่ใบบัวไม่รู้ตัว คิดว่านั่นคือเพื่อนและตนเป็นเพื่อนสนิท...มารู้แน่ชัดก็ตอนที่ไม่ค่อยได้เจอะเจอเพื่อนสนิทของคนนี้ทุกวัน เพราะต้องแยกมหาลัยเรียน ความคิดถึงมันมากมายจนเจ้าตัวตกใจ...เมื่อทนไม่ไหวก็ต้องพาตัวเองมาเจอ โทรหาจนกลายเป็นกิจวัตร...

น้ำตาหยดแรกที่ไหลเพราะเดหลี ตอนที่เธอยิ้มร่าแล้วมาบอกกับตนเองว่า...”ฉันมีแฟนแล้วนะไอ้บัว” หลังจากนั้นเมื่อเดหลีที่ใบบัวรู้อยู่แก่ใจแล้วว่ารักหมดหัวใจกลับบ้านของตัวเองไป ใบบัวใช้เวลาหนึ่งคืนเต็มๆ กับการร้องไห้ และใช้เวลาอีกเกือบสองอาทิตย์ที่จะกล้าโทรไปหาเดหลี ที่ดูจะไม่ได้รู้เรื่องความห่างหายไปตลอดสองอาทิตย์เลย เพราะอีกฝ่ายมีความสุขกับรักใหม่

ใบบัวน้อยใจจนอยากหายไปจากชีวิตเดหลี แต่ก็ทนไม่ได้ เดหลีคือส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว... แต่ใบบัวฝืนตัวเองอย่างนางเอก พระเอกในละครไม่ได้หรอก...เมื่อไหร่ที่เพื่อนที่ตัวเองรักมีปัญหากับแฟน คำแนะนำสั้นๆ ที่มีก็คือ “เลิกซะสิ” พูดอยู่ไม่กี่ครั้ง เพื่อนสาวก็ร้องไห้โฮๆ มาให้โอ๋

สงสารอยู่หรอกนะ... แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าตัวเองดีใจที่ เธอจะกลับมาเป็นเดหลีของใบบัวอีกครั้ง..

จากนั้นก็ไม่มีข่าวว่าเดหลีคบใคร นอกจากจะมีปลื้มๆ รุ่นพี่บ้าง คนนั้นคนนี้บ้างตามเรื่องตามราว จนมาเจอTopicใหญ่คราวนี้

“บ้า...โธ่เว้ย”ใบบัวเหวี่ยงเท้าเตะกล่องกระดาษโครมใหญ่ จนมีเสียงตะโกนจากชั้นล่างของบ้านขึ้นมาเตือนแต่เธอไม่สนใจ

หลีรักพี่ปอร์ที่สุดเลยงั้นเหรอ... แล้วทำไมเธอไม่รักคนที่อยู่ข้างๆ เธอคนนี้บ้างล่ะหลี...

“ฉันรักเธอมานานแล้วนะ” ใบบัวยกมือทั้งสองข้างจับผมตัวเองเต็มกำมืออยากจะทึ้งให้หลุดออกจากศีรษะ แต่ก็ไม่ทำ กลับทรุดลงนั่งหมดอารมณ์กับพื้นห้อง






“ไม่น่าเชื่อนะว่าไอ้หลีกับคุณปรมินทร์จะคบกันได้” ดาวพูดขึ้น หันกลับมามองใบบัวที่นั่งสเกตรูปไปเรื่อยๆ

“ก็คบกันให้เห็นแล้วนี่”

“ใครมันจะไปคิดล่ะ...ดูสิ คุณปรมินทร์น่ะ สาวๆ รุมทึ้งขนาดไหน เพอร์เฟ็ก แล้วดูไอ้หลีของเรา กะโปโลก็เท่านั้น ดีหน่อยว่าตอนนี้ได้งานที่สำนักพิมพ์ ไม่งั้นนะแกเอ้ย...ต่างกันอย่างฟ้ากับดินเลย” ใบบัวถอนหายใจทิ้ง ไม่สนใจดาวที่เป็นแขกมาเที่ยวที่บ้านของตัวเอง พร้อมกับเดหลีที่บังเอิญมาเที่ยวโดยพาปรมินทร์มาด้วย ไม่รู้เลยว่านั่นทำเอาใบบัวจะกระอักเลือดตาย

ใบบัวไม่พูดอะไรอีกสนใจกับภาพสเกตของตัวเอง ส่วนดาวก็แอบถ่ายรูปเดหลีที่กำลังพยายามสอนให้ปรมินทร์ภายเรือในคลองหน้าบ้านของใบบัว...หวานแหวว บาดตา บาดใจ

ใบบัวทิ้งให้ตัวเองอยู่ในห้วงของการวาดรูป ใส่อารมณ์ทุกอย่างไปในรูปสเกตไม่สนใจเสียงหัวเราะหยอกล้อของคู่รักกลางน้ำ จมอยู่กับภาพที่ตัวเองลงเส้นอยู่ โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่

ดาวเห็นว่าเพื่อนของตนเงียบเกินไป จึงละจากการถ่ายรูปคู่รักหันมาตั้งใจว่าจะชวนใบบัวพูดคุย แต่พอเห็นใบหน้าของเพื่อนก็ต้องหุบปากฉับ

ใบบัวที่กำลังตั้งใจวาดรูปอยู่นั้นเป็นภาพที่ดาวถอนสายตาไม่ได้จนต้องถ่ายรูปเก็บไว้ และพอสังเกตดีๆ ตามนิสัยของนักข่าวมันทำให้เธออยากรู้ว่าเพื่อนรักกำลังวาดอะไรอยู่ ก็ทำหน้าราวกับคนตกอยู่ในห้วงแห่งความรักซะขนาดนั้น...แต่มีแววหมองเศร้าปะปนอยู่มากมายจนเธอสงสัย เลยขอเสียมารยาทจนต้องแอบขยับตัวมาใกล้กับเพื่อนและชะโงกมองรูปในสมุดสเกต

และดาวก็ได้เห็น

“ไอ้บัว!” เสียงอุทานของดาวทำเอาใบบัวสะดุ้งหันกลับมามองดาวที่เปลี่ยนมานั่งข้างตัวเองตั้งแต่ตอนไหนไม่รู้...ยิ่งพอเห็นสายตาตกใจของเพื่อนยิ่งทำให้ใบบัวรู้สึกเหมือนถูกจับผิด

“อะไรของแก” เธอถาม แต่พอเห็นสายตาของดาวที่มองสลับหน้าตัวเองกับรูปภาพในมือพร้อมกับสีหน้าซีดเผือด ใบบัวก็ยิ่งตกใจมากขึ้นรีบเก็บสมุดสเกตทันทีและหลบสายตาของดาว

ดาวอึ้งอย่างนึกไม่ถึง ภาพที่เธอเห็นนั่นมัน... เมื่อนึกได้... ดาวก็แย่งสมุดสเกตของใบบัวมาเปิดดูโดยไม่ยอมให้ใบบัวแย่งคืนไป...

ดาวเปิดดูรูปภาพทีละหน้าในสมุดสเกตนั่น...รูปของเดหลีบนหน้ากระดาษที่ขาวสะอาด ทุกรอยขีดเขียน ทุกลายเส้น มันบ่งบอกได้ดีว่าคนที่ลงมือวาดนั่นรู้สึกเช่นไร... รักมากมายเพียงไรกัน

ดาวเงยหน้าขึ้นมามองใบบัวที่นั่งหลบตา รูปสุดท้าย หรือรูปที่เพิ่งสเกตนั้น มันเปลือยความรู้สึกของใบบัวจนหมด...มันล้นทะลักจนคนที่ไม่ค่อยสัมผัสงานศิลป์อย่างดาวยังดูออก... ความรัก ห่วงใย ความอ้างว้าง และเจ็บปวดของใบบัว...

“ตั้งแต่เมื่อไหร่บัว ที่เป็นแบบนี้” ใบบัวไม่ตอบคำถามเบาหวิวนั้น ได้แต่ส่ายหน้า เม้มริมฝีปากสายตามองไปที่พื้น...

เมื่อไม่ได้คำตอบดาวก็กลับไปมองวันที่ใต้รูป...เมื่อได้เห็นมือของเธอก็ยิ่งสั่น มองเพื่อนรักด้วยสายตาห่วงใยและเจ็บปวดแทน

“แกเจ็บสักแค่ไหนกันบัว...” ดาวกลืนก้อนสะอื้นเข้าไปในอกอย่างยากลำบาก

“ฉัน...ยัง...ดีอยู่ แก...ไม่ต้องห่วงหรอกนะ” เสียงของใบบัวติดขัดในช่วงแรกก่อนที่เจ้าตัวจะพยายามเงยหน้าขึ้นมามองสบตากับดาว

“ไม่เป็นไร...” ใบบัวกลายเป็นฝ่ายต้องปลอบดาวที่นั่งตาแดงๆ อยู่ ก่อนจะดึงสมุดสเกตกลับมาช้าๆ ถือมันจนแน่น

“ฉันน่าจะมองออก...ไม่อย่างนั้นคง...” ดาวหันไปมองเดหลีกับปรมินทร์ที่ยังหยอกเย้ากันอยู่บนเรือ ส่วนหนึ่งที่ทั้งคู่ได้คบหากันเป็นเพราะเธอเหมือนกัน เพราะหลายครั้งที่เธอได้มีโอกาสให้คำปรึกษาเดหลีเกี่ยวกับปรมินทร์ เพียงเพราะเดหลีบอกว่า ใบบัวไม่สนใจเรื่องนี้

แต่ความจริงที่เธอเพิ่งเข้าใจก็คือ...ใบบัวคงให้คำปรึกษาอะไรไม่ได้มากกว่า...

“ขอโทษนะบัว”

“ไม่ใช่ความผิดของแกนะดาว...อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด นี่ไม่ใช่ครั้งแรก..ไม่ต้องห่วง สักวันฉันจะไม่เป็นไร” ใบบัวพูดพร้อมกับมองไปที่เดหลีกับปรมินทร์

สักวันที่ว่า ใบบัวก็ไม่รู้หรอกว่าวันไหน...






ใบบัวยังคงเป็นใบบัวเช่นเดิม ก่อนเดหลีจะมีใคร หลังเดหลีมีใคร เธอก็ยังเป็นเธอ เรียบเฉย ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ในสายตาของเพื่อนๆ หลายๆ คนที่ดูเปลี่ยนไปคงเป็นเดหลี

เธอดูสวยขึ้น น่ารัก อ่อนหวานขึ้น ดูดีขึ้น และห่างไกลเพื่อนๆ มากขึ้น

ใบบัวไม่ได้เจอเดหลีเลยในตลอดสามเดือนมานี้... เจอกันบ้างแค่ครั้งสองครั้งในช่วงก่อนหน้านั้น สรุปแล้วในช่วงครึ่งปีมานี้ ใบบัวเจอหน้าเพื่อน(แอบ)รักไม่ถึงห้าครั้ง โทรศัพท์ที่เคยมีแทบทุกวัน เปลี่ยนไปเป็นอาทิตย์ละสองครั้ง นานเข้าก็เดือนละครั้งสองครั้ง จนทุกวันนี้...ไม่มีเลย...

หากใบบัวไม่โทรไปก็คงไม่ได้คุยกับเดหลี ซึ่งในช่วงหลังเป็นเธอทุกครั้งที่โทรไป และแทบทุกครั้ง เดหลีก็ไม่ค่อยได้คุยกับใบบัว เพราะต้องรีบแต่งตัวเพื่อออกงานกับคนรักนักธุรกิจดัง...

ข่าวคราวของเดหลี จากที่เธอเคยโทรมาบอกกล่าว ตอนนี้กลายเป็นใบบัวที่ต้องโทรไปหาดาวที่มักจะได้ทำข่าวของคู่นี้บ่อยๆ หรือไม่ถ้าเพื่อนไม่ได้โทรมา หรือเธอไม่ได้โทรไป ใบบัวก็จะรู้ข่าวของเดหลีจากหน้าข่าวสังคม ที่ปรมินทร์พาไปออกงานด้วย

ใบบัวเองเพื่อไม่ให้ตัวเองเจ็บปวดมากเกินไป ก็รับงานเยอะขึ้น และลงเรียนปริญญาโทได้เทอมหนึ่งแล้ว ทำให้ตัวเองยุ่งๆ ไว้ก่อนเป็นดี เพราะไม่อยากฟุ้งซ่าน อย่างที่เคยเป็นในช่วงแรกที่เดหลีหายไป

“ว่าไง” ใบบัวกรอกเสียงลงในโทรศัพท์เมื่อเห็นว่าชื่อของดาวโชว์อยู่ คำพูดไม่กี่ประโยคของดาวทำเอาเธอหาปากตัวเองไม่เจอ กว่าจะเค้นเสียงตอบเพื่อนไปได้ก็ทำเอาดาวใจหาย

“ขอบ...ใจนะ...” ดาวยังคงถามตามสายมา แต่ใบบัวก็ทำใจแข็งตอบเพื่อนไป

“ให้ฉันอยู่คนเดียวก่อนนะแก...แล้วฉันจะโทรไปหา” พูดแล้วก็วางสายไป ก่อนจะหมดแรงพับลงกับพื้นจริงๆ...เพราะเสียงของดาวยังก้องอยู่ในหัวของใบบัว...

...คุณปรมินทร์ขอไอ้หลีแต่งงาน ข่าวจะลงพรุ่งนี้...

เดหลีของใบบัวเป็นของคนอื่นจริงๆ แล้วใช่มั้ย?

ใบบัวล้มตัวลงนอนบนพื้นไม้แข็งๆ ในสตูดิโอชั้นสองของบ้านอย่างไร้เรี่ยวแรง... หมดแล้ว...สลายหายไปหมดแล้วหัวใจของเธอ...หมดแล้วจริงๆ...

ผู้ชายคนนั้นรักเดหลีจริงๆ ใช่มั้ย?

เดหลีจะไม่มีทางหันมามองคนที่ยืนข้างๆ คนนี้... นี่คือความจริง...

ใบบัวเก็บตัวเงียบอยู่ในสตูดิโอ แทบจะไม่ออกไปไหน ดีว่าเธอออกมาทานข้าวกับครอบครัวตรงตามเวลา แต่ก็เหมือนหุ่นยนต์เข้าไปทุกวัน แต่พ่อกับแม่ของใบบัวกลับคิดไปว่า ลูกสาวคงติสแตกตามปรกติของอารมณ์ศิลปิน...ดังนั้นก่อนที่ใบบัวจะได้กลับมาจมอยู่กับความว่างเปล่าในสตูดิโอเธอก็ต้องได้รับฟังข่าวคราวของเดหลีจากปากคนเป็นแม่

“แม่อ่านเจอในข่าว เห็นว่าแฟนของหนูหลีขอแต่งงานแน่ะ รู้หรือยัง? โชคดีเลยนะได้แฟนที่ดีแบบนั้น แถมยังรักซะใครๆ อิจฉา” ใบบัวไม่ได้ตอบอะไร ซึ่งก็ไม่แปลก ในสายตาพ่อแม่ลูกสาวคนโตของบ้านพูดน้อยอยู่แล้ว

“เห็นนักข่าวลงข่าวด้วยนะ...ว่าหนูหลีเป็นหนูตกถังข่าวสาร เป็นแค่นักเขียนกับก๊อบปี้ไรเตอร์ธรรมดาแต่ได้แฟนรวยล้นฟ้า” เสียงพ่อของเขาพูด “ลงข่าวได้น่าด่าจริง”

“แต่แฟนหนูหลีก็น่ารักนะ แม่จำได้ตอนดูสัมภาษณ์ในงานเปิดตัวบริษัทอะไรของเขาน่ะ...โอ้ย...อยากกลับไปเป็นสาวๆ ...”

คำพูดของปรมินทร์นั้นมันก้องอยู่ในหัวของใบบัวอยู่แล้ว เพราะดาวโทรมาเล่าเองกับปาก... เขาฟังอย่างคนไร้ความรู้สึก...

“ผมไม่สนใจหรอกครัวว่าหลีจะเป็นแค่พนักงานธรรมดา หรือนักเขียนโนเนม แต่เธอคือสิ่งที่มาเติมเต็มชีวิตของผม...เธอสำคัญกับผมมาก”

เดหลีคือสิ่งที่ไปเติมเต็มให้ปรมินทร์ แต่คือส่วนที่ขาดหายไปจากชีวิตของใบบัว...

ตอนใบบัวว่างเปล่า...ไม่มีแม้แต่ความมืดมิดหรือแสงสว่าง...

แต่ในความว่างเปล่านั้นยังไม่สมบูรณ์พอ...เพราะเธอยังได้ยินเสียง... เสียงเรียกเข้าที่เป็นเสียงเฉพาะสำหรับเดลีเมื่อโทรเข้ามา

“มาหาฉันหน่อยได้มั้ย?” คำพูดประโยคเดียวนั้น ทำให้ใบบัวร้อนรนรีบออกจากบ้านในแทบจะทันที น้ำเสียงแบบนั้น...น้ำเสียงเวลาที่มีเรื่องเดือดร้อนใจ...



ในเวลาที่แสนเร่งรีบกับรถเต่าสีเหลืองอ่อนมันช่างไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นเลย ที่อยู่ใหม่ที่เดหลีให้บอกมาว่าเธอย้ายมาอยู่นั้นไกลกว่าที่คิดไว้มาก แถมรถก็ติดจนใบบัวแทบทนไม่ได้... กว่าจะมาถึงก็กินเวลาไปเกือบสองชั่วโมง แถมยังขึ้นไปหาเดหลีไม่ได้อีก...

คอนโดหรูมีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดซะจนใบบัวไม่อยากจะเชื่อว่านี่คือที่อยู่ใหม่ที่เดหลีย้ายมาอยู่...จากหอพักห้องเล็กๆ กลายเป็นคอนโดหรูห้องละสิบๆ ล้าน

ใบบัวยืนเก้ๆ กังๆ อยู่หน้าห้อง 20228 เมื่อได้รับอนุญาตให้ขึ้นมาได้ เพราะได้รับสายจากเดหลีว่าให้เธอขึ้นมาหาได้ ไม่แน่ใจว่าตัวเองมาหาเดหลีจริงหรือเปล่า...สถานที่พวกนี้ไม่น่าจะใช่รสนิยมของเดหลี ไม่มีทางที่เดหลีจะชอบ...

ใบบัวตัดสินใจกดออดหน้าห้อง ไม่นานประตูก็เปิดออก เดหลีเองนั่นแหละที่เป็นคนมาเปิด...

“เข้ามาสิแก...” คำทักทายไม่มีเหมือนเดิม แต่ใบบัวก็เดินเข้ามาในห้องพักสุดหรูนั้น

“ตกใจเหรอ” ใบบัวพยักหน้าเป็นคำตอบกับคำถามนั้น เดหลีหายเข้าไปในห้องหนึ่งที่เดาได้ว่า นั่นคือห้องครัว ไม่นานเธอก็ออกมาพร้อมแก้วน้ำเย็นๆ

“ทำไมย้ายมาอยู่ที่นี่ล่ะ” ใบบัวถาม เมินน้ำที่วางอยู่ตรงหน้า

“พี่ปอร์น่ะ อยากให้สะดวก เวลาไปไหนมาไหน...อยู่ใกล้กันด้วย” อยู่ใกล้กันแสดงว่าไม่ได้อยู่ด้วยกัน

“กว้างมากนะ แกอยู่คนเดียวเหรอ” แต่ขอถามเพื่อความมั่นใจ

“อื่อ...” เดหลีเดินมาทรุดกายนั่งข้างๆ กับใบบัวก่อนจะล้มตัวลงนอนหนุนตักซะอย่างนั้น

“อะไรของแก”

“เหนื่อย...” เดหลีตอบเบาๆ

“ทำไม?”

“ออกงานบ่อยเกินไป...นอนน้อย ต้องทำงานอีก...เหนื่อยมากเลยนะแก”

“งั้นก็พัก” พักให้สบายนะเดหลี ใบบัวอยู่ตรงนี้...ข้างๆ เดหลีของใบบัว...

ไม่มีคำพูดอะไรอีก...ใบบัวไม่ได้ขยับเขยื้อนตัวไปไหน มีที่เอื้อมมือไปหยิบน้ำมาจิบบ้าง เอี้ยวตัวไปเอาหนังสือนิตยสารมาอ่านแต่ไม่กี่หน้าก็โยนทิ้ง มันเป็นนิตยสารธุรกิจที่เธอไม่ถูกโรคด้วย... สุดท้ายเลยได้แต่นั่งนิ่งมองนั่นมองนี้ไปเรื่อยๆ มือข้างหนึ่งก็ลูบศีรษะของเดหลีที่นอนหลับหนุนตักของเธอ...

เกือบสามทุ่มเดหลีก็ขยับตัวลุกขึ้นเพราะความเมื่อยขบ...แต่ตะคริวกินขาของใบบัวไปแล้วทั้งขา ทั้งสองได้แต่หัวเราะก่อนที่เดหลีจะช่วยเขานวดขา

“หิวแล้ว”

“หาไรกินดิ”

“กินไรดีล่ะ”

“จะไปรู้กับแกเหรอ” ใบบัวสวนกลับจนเดหลีหน้ามุ่ย

“อยากกินหมี่” เธอว่า แต่ใบบัวเบะปาก

“ไม่เอาหรอก...มีอะไรกินบ้างเนี่ย” ใบบัวว่าก่อนจะกะเพกไปที่ตู้เย็นในห้องครัว มีเพียงแค่ไข่กับผลไม้สองสามอย่าง แล้วก็น้ำ

“นี่คือตู้เย็นของแฟนนักธุรกิจดังเหรอเนี่ย”

“ก็ส่วนมากเราออกไปกินข้างนอกกัน” เดหลีเดินตามมาในครัว

“มีข้าวมั้ย” เธอส่ายหน้าทันที ใบบัวกรอกตา เดินกลับไปนั่งที่โซฟา

“ออกไปกินข้างนกกันงั้น” เธอส่ายหน้าทันทีก่อนจะนั่งลงและเอนตัวมาพิงไหล่ของใบบัว

“ไม่อยากออกไปไหน...” พูดแล้วก็เงียบ เงียบจนใบบัวนึกสงสัย เธอเป็นอะไร เดหลีไม่เคยเป็นแบบนี้

“แกเป็นอะไรหรือเปล่าหลี? แล้วให้ฉันมาหาทำไม” เงียบ คือคำตอบ

เดหลีไม่พูดอะไร นั่งเงียบอยู่เฉยๆ จนใบบัวนึกหวั่นใจ เกิดอะไรขึ้นกับเดหลีของเธอ...เดหลีเป็นอะไรหรือเปล่า? หรือปรมินทร์ทำอะไรคนที่เธอรัก?

“พี่ปอร์ขอฉันแต่งงาน...แกรู้ใช่มั้ย?” คำถามลอยๆ ที่ใบบัวไม่อยากรับรู้ออกมาจากปากของเธอ

“อืม” ใบบัวตอบได้แค่นั้นเอง พยายามให้ตัวเองเป็นปรกติมากที่สุด

“ฉัน...สับสน” เดหลีทำให้ใบบัวไม่เข้าใจหนักเข้าไปอีก แต่เธอก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะเดหลีพูดต่อออกมาอีกว่า

“ฉันไม่รู้ว่าตัวเองอยากแต่งงานกับพี่ปอร์หรือเปล่า... ฉันดีใจมากเลยนะที่มีพี่ปอร์เป็นแฟน เป็นส่วนหนึ่งที่เติมเต็มพี่ปอร์...แต่...พอพูดเรื่องแต่งงาน ฉันกลับไม่แน่ใจ...” ใบบัวรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นใบ้ รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เดหลีนั่งหันมามองหน้าของตัวเอง

“ฉันควรทำยังไงดี...ฉันรักพี่ปอร์นะ แต่...ยังไม่พร้อม...” บอกเดหลีไปสิใบบัวว่า ไม่พร้อมก็ไม่ต้องแต่ง บอกไปเลย
บอกเธอไปว่า ไม่ต้องแต่งแล้ว เหมือนกับที่บอกทุกครั้งว่าให้เธอเลิกกับแฟนที่เธอไม่มั่นใจ...บอกเธอไปว่าไม่ต้องแต่ง...

ใบบัวบอกตัวเองอย่างนั้นในใจ สะกดจิตตัวเองให้ทำในสิ่งที่ใจอยากให้เป็น... แต่ใบบัวไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองพูดอะไรออกไปบ้าง... ไม่รู้เลยสักนิดว่าปากตัวเองขยับพูดอะไรออกไป มันตรงกับที่ใจอยากพูดหรือเปล่ายังไม่รู้เลย

“ขอบใจมากเลยนะบัว... แกเป็นเพื่อนที่คอยอยู่ข้างๆ ฉันตลอดเวลาเลย...ขอบใจมากนะ...ฉันไม่น่าบ้าเลย...รักพี่ปอร์ขนาดนี้แท้ๆ” ใบบัวงงงวย ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เพราะก่อนหน้านี้รู้สึกเหมือนกับตัวเองต้องมนต์ตอนที่สบตากลมโตของเดหลี... เธอพูดอะไรไปงั้นหรือ เดหลีถึงกอดกอดและขอบใจเธอขนาดนี้

“ไปหาอะไรกินกันเถอะนะ...ไข่เจียวนะ ฉันทำเองเดี๋ยวโทรให้ครัวข้างล่างจัดข้าวมาให้” เดหลีพูดหลังจากปล่อยอ้อมแขนออกจากร่างของใบบัว และลุกพรวดไปโทรสั่งให้ครัวจัดข้าวขึ้นมาให้

ใบบัวไม่ค่อยเข้าใจอะไรสักเท่าไหร่ แต่ก็ยอมลุกเดินตามไปดูเธอทำครัว วิ่งเข้าวิ่งออกเพราะต้องไปเอาข้าวที่ครัวจัดมาให้ด้วย... เห็นแล้วก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา... ก็น่ารักขนาดนี้สินะ คนที่อยู่ใกล้ๆ ถึงได้เผลอใจรักจนหมดใจ...


เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ใบบัวโทรไปบอกที่บ้านว่ามาค้างกับใบบัวซึ่งก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง... ใบบัวจัดการอาบน้ำแต่งตัว และออกมายืนเคว้งกลางห้องนอนใหญ่ด้วยชุดที่ไม่อยากเชื่อว่าเดหลีจะยังเก็บไว้ ก็ชุดสวมเล่นของเธอที่มักจะสวมเวลาค้างกับเดหลีนั่นแหละ

“หลี?...อยู่ไหนน่ะ? หลี?” ใบบัวเรียกหาเดหลี ซึ่งก็มาเจอว่าเพื่อนตัวเล็กแอบมานั่งที่ระเบียงห้องนั่งเล่นแต่ไม่ได้อยู่คนเดียว มีร่างสูงของปรมินทร์นั่งอยู่ข้างๆ

ใบบัวชะงักค้างกับที่ เกือบจะหมุนตัวหนีเสียแล้วถ้าไม่ได้ยินเรื่องที่ทั้งสองคุยกัน

“พี่ดีใจนะคะที่หลีตกลงแต่งงานกับพี่” แต่งงาน! ไม่จริงก็เมื่อตอนเย็นเดหลีของเธอยังบอกว่าไม่อยากแต่งอยู่เลย...

“ต้องขอบใจบัวน่ะค่ะ...ถ้าบัวไม่พูดให้หลีคิด หลีคงสับสนจนตัดสินใจไม่ได้ค่ะ” พูด? เธอพูดอะไรกับเดหลีเมื่อตอนเย็น? เธอไม่เห็นว่าจะจำได้เลย...นี่มันอะไรกัน? ทำไมเดหลีต้องแต่งงานด้วย

“พูดอะไรเหรอคะ??” เสียงคะขาของปรมินทร์มันฟังขัดหูของใบบัวเหลือเกิน จนอยากจะเหวียงแจกันดอกไม้ใกล้มือใส่ เอาให้ตายกันไปข้าง...

“บัวบอกว่า...ถ้าบัวรักใครสักคน บัวจะไม่มีทางสับสนที่จะได้อยู่เคียงข้างคนๆ นั้นเลย... หลีเลยคิดได้ว่า..หลีจะกลัวอะไรร้อยแปดเพื่ออะไร ในเมื่อหลีรักพี่ปอร์...”

“พี่ต้องขอบใจเพื่อนของหลีคนนี้ซะแล้วล่ะ นี่อาบน้ำอยู่ใช่มั้ย...ไม่อย่างนั้นจะบุกไปหอมแก้มสักสองสามที”

“ไม่เอานะ...หลีหวง...” เสียงหยอกล้อนั้นไม่เข้าหูใบบัวสักนิด... เพราะเธอกำลังหลุด...หลุดไปอีกโลกหนึ่ง...โลกที่มีแค่เธอคนเดียว...

รู้ตัวอีกทีก็มายืนอยู่ที่ระเบียงในห้องนอนใหญ่ นานแค่ไหนแล้วไม่รู้...ในมือกำโทรศัพท์ที่มีสายเรียกเข้าเกือบสิบสาย...มีชื่อของชุตินัยสี่สาย ชื่อของดาวอีกห้าสาย ก่อนที่เธอจะกดรับสายที่ขึ้นชื่อชุตินัย

“แกอยู่กับไอ้หลีเหรอบัว? แล้วทำไมไม่รับสายวะ? นอนแล้วเหรอ?” เสียงของชุตินัยเอ่ยถามอย่างร้อนรน ใบบัวยังงงอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้น...เลยไม่ทันตอบเพื่อน

“ไอ้ดาวมันจะคุยด้วยเดี๋ยวนะ...” มีเสียงก๊อกแก๊กดังตามสายมาให้ได้ยินก่อนจะเป็นเสียงของดาวตามมา

“บัว!แกอยู่กับไอ้หลีใช่มั้ย?”

“อือ...” ใบบัวตอบได้แค่นั้น เพราะในหัวมีแต่คำพูดของตัวเองที่หลุดออกมาจากปากของเดหลี

“ฉันมาหาแกที่บ้าน มีเรื่องจะพูดด้วย ให้ตายเถอะ ฉันเพิ่งรู้จากไอ้ชุ...แกฟังฉันอยู่ใช่มั้ย”

“อือ...”ใบบัวครางตอบ แต่เสียงของดาวไม่ได้เจาะเข้ามาในโพรงสมองสักนิด...

“แกพูดกับไอ้หลีนะ อย่าให้มันแต่งงานกับนายปรมินทร์นั่น...”

“อือ...” แต่สองนั่นกำลังจะแต่งงานกัน...

“แกรักไอ้หลี แกต้องแย่งมานะ...(เฮ้ย!) ขับรถดีๆ สิไอ้ชุ” เสียงของดาวโวยวาย หลังจากที่ชุตินัยอุทานทันทีที่ได้ยินเรื่องใครรักใคร

“แกฟังฉันให้ดีนะ...ไอ้หลีจะแต่งงานกับปรมินทร์ไม่ได้ หมอนั่นมี...มะ...” มือที่ถือโทรศัพท์ของใบบัวหล่นมาอยู่ข้างๆ ตัว มีแค่เสียงแว่วๆ ของเพื่อนสาวดังมาเท่านั้น...แต่ถึงดาวจะมาพูดต่อหน้าใบบัวตอนนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าใบบัวจะรับฟังอะไรได้...

สายตาของเธอเหม่อลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า มองดูเสี้ยวพระจันทร์อยู่ไกลๆ

เมื่อปีกลายที่สนามหน้าบ้านของใบบัว เดหลีกับเธอนั่งมองพระจันทร์ยิ้มอยู่ด้วยกัน รูปในคืนนั้นเธอยังสเกตเก็บไว้อยู่เลย

แต่คืนนี้เธอกลับมายืนมองพระจันทร์เสี้ยวที่ระเบียงห้องของเดหลีคนเดียว โดยที่เจ้าของห้องนั่งอิงแอบอยู่กับคนรักอีกห้องหนึ่ง...

พระจันทร์ยิ้มงั้นเหรอ...น่ารักดีจัง...แต่ความน่ารักนั้น เห็นบ้างมั้ยว่ามีส่วนที่มืดมิดนั้นมากมายเหลือเกิน...และใบบัวคือความมืดมิดนั้น...

มืดมิด...ว่างเปล่าจนเดหลีมองไม่เห็น

ไม่เคยเห็นเลย...

เมื่อไหร่จะมองตรงนี้ คนที่อยู่ข้างเธอ
เขาก็แค่เพิ่งเจอ รักฉันนะเธอได้ไหม
แต่ก็รู้ว่าฉัน คงถามได้แค่ในใจ
เพราะไม่กล้าเสี่ยง และไม่พร้อมที่จะเสี่ยง
กลัวเธอ....จะเปลี่ยนไป

>>> To be continue in Project “รักซึ้งๆ” ตอน เขาคือเธอใช่ไหม

ซาน้อยต้องขอแก้ไขเล็กน้อย...

ตอนที่แล้วบอกว่าปอร์กับเดหลีไปคุยกันต่อที่ชั้นสิบสอง...แต่ในสถานที่จริงๆ มันอยู่ชั้นสิบเอ็ดอะ...

งี๊ดดดด

เอาน่าก็ไม่ค่อยโผล่ขึ้นไปบนนั้นอยู่แล้ว...ส่วนมากซาน้อยกะอยู่แค่ชั้นเก้ากะสิบอะนะ...อิอิ

ตอนหน้ากะจบละ...

เฮ้อ...

ไม่รู้จะพูดอะไร...พูดไม่ออก...วันนี้ใครไปงานหนังสือกะเจอกันน้า...บูชของฟรีเลิฟ ตอนบ่ายสามถึงสี่โมงเย็น

งีบหลับไปไม่กี่นาที ดันสะดุ้งตื่น และเจือกไม่หลับอีกเลย...

นั่งหน้ามึนในงานหนังสือแน่...งี๊ดดดด.







 

Create Date : 18 ตุลาคม 2552
0 comments
Last Update : 18 ตุลาคม 2552 5:56:38 น.
Counter : 497 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


samurai_KYO
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




"ข้าคือ...มิบุ ซา'เคียว"

Friends' blogs
[Add samurai_KYO's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.