ธันวาคม 2555

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
You're my Idol ขอเพ้อรักแค่..หมดใจ Chapter 4

Chapter 4

ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงแสงแดดอ่อนๆกระทบตามันคงเล็ดลอดเข้าทางหน้าต่างห้องจนเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ สายตากวาดมองไปรอบห้องเมื่อวิญญาณกลับเข้าร่างจนฟื้นคืนชีพความรู้สึกหนักอึ้งบนร่างกาย ฉันไล่สายตามองบนเรือนร่างตัวเองจนต้องตกใจสะดุ้งลุกขึ้นนั่งทันทีจนมือใครบางคนร่วงหล่นจากร่างกายลงไปกองอยู่บนพื้น ฉันพยายามสะกิดคนข้างๆ ที่นอนคว่ำหน้าแขนขากางเกะกะให้รู้สึกตัวเขาพลิกหน้าหันมาทางฉันแต่ยังคงหลับตาสนิทไม่สนใจสิ่งรอบข้าง เผยให้เห็นใบหน้าใสๆชัดเจนจนแน่ใจแล้วว่าเขาคือไนท์กี้ และจำเป็นต้องหยุดชะงักมือที่กำลังสะกิดเขาทันทีเมื่อสายตานิ่งเรียบกำลังจ้องมองมา

“ตื่นมาก็วุ่นวายกับฉันเลยหรือไง” น้ำเสียงเรียบเนิ่บแต่ทำไมกลับรู้สึกเหมือนโดนต่อว่าคล้ายเป็นคนทำลายชีวิตจนเขารำคาญฉันนั่งมองเขานิ่งๆ เหมือนโดนสะกดจิตด้วยใบหน้าใสๆใจเต้นแรงจนรู้สึกว่ามันดังออกมานอกอก

“เอ่อ.. ก็..เมื่อกี้.. มันหนักเพราะแขนนายวางบนตัวฉันนิ” น้ำเสียงกล้าๆกลัวๆ ทำให้เขากระตุกยิ้มมุมปาก

“เขาเรียกว่ากอดยัยโง่” พูดจบไนท์กี้ก็หันหน้าพลิกหนีไปอีกทาง นอนต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นแต่ฉันกลับร้อนวูบที่ใบหน้าคล้ายมีพลังงานความร้อนวิ่งผ่าน ฉันถูกไนท์กี้ ‘กอด’ ฉันไม่รู้ว่าเขามานอนอยู่ข้างๆ ตั้งแต่เมื่อไร สายตาได้แต่จ้องมองร่างสูงที่นอนแน่นิ่งอยู่อย่างนั้นเหมือนโดนแช่แข็งด้วยความรู้สึกแปลกใจ ดีใจ ข้องใจ สงสัย หวาดกลัว ปนเปกันหมดจนไม่รู้จะอธิบายยังไง

“ไอยู เธอตื่นแล้วเหรอ” เสียงฮีชอลดึงฉันให้ตื่นจากภวังค์หันสายตาไปหาเขาที่นอนตะแคงมองหน้าฉันด้วยสายตาที่คมโตจนต้องเตือนสติตัวเองให้ตอบคำถามเขาซะที

“ตะ ตื่นแล้ว พี่ฮีชอลล่ะ”

“ถ้าฉันยังไม่ตื่นงั้นเราคงคุยกันในฝันแล้วล่ะ เธอนั่งอยู่ข้างใคร” สายตาเหลียวกลับไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งตามสายตาของฮีชอลที่มองลงมาพร้อมคำถาม“ไนท์กี้ยังไม่ทันที่ฉันจะได้พูดอะไรชายหน้าสวยก็ตอบคำถามให้ตัวเองพร้อมหันสายตากลับมามองฉันอีกรอบจนต้องพยักหน้ารับโดยด่วนเมื่อฮีชอลรู้ว่าคนที่นอนข้างๆ ฉันคือสาวหล่อ ชายหน้าสวยก็กระโจนจากเตียงลงมานั่งยองๆอยู่ข้างๆ เอานิ้วเรียวยาวจิ้มสะกิดไหล่ไนท์กี้สองสามทีจนเขารู้สึกตัวพลิกหันกลับมาทางเราทั้งคู่

“อะไรอีกล่ะ ฮีชอลฉันจะนอน นี่นายติดนิสัยเซ้าซี้จากอบเฉยมาหรือไง”คิ้วขมวดชนกันบนใบหน้าใสพูดคุยทั้งที่หลับตาคล้ายรำคาญเต็มที

“ไนท์กี้แกอยากตายคามือฉันหรือไงจะลุกขึ้นมาดีๆ หรือจะให้ฉันเหวี่ยงออกไปนอนนอกห้อง”น้ำเสียงส่อแววอำมหิตพร้อมสายตาดุดันที่จ้องมองยังใบหน้าใสๆ ทำให้ไนท์กี้จำใจลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิหันหลังพิงขอบเตียงแล้วเหล่สายตามองมาทางฉันชั่วครู่ก่อนหันสายตาไปปะทะกับฮีชอลที่ต้องการจะคุยกับเขาเกี่ยวกับอะไรบางอย่าง

“...”

“นายจะพาไอยูกลับเมืองไทยเมื่อไร” ฮีชอลเลิกคิ้วส่งคำถามยังใบหน้าใสเบื้องหน้า

“ไม่ให้กลับอยู่มันที่นี่ล่ะ ทำไมต้องวุ่นวายกับฉันซะจริง”มือแข็งแรงยกขึ้นเกาศรีษะแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายหันสายตานิ่งๆมองมาทางฉันที่นั่งช๊อคจนพูดอะไรไม่ออก นี่เขาคิดจะทิ้งฉันไว้ที่นี่โดยไม่ส่งฉันกลับเมืองไทยจริงๆงั้นเหรอ เป็นคำถามที่โผล่ขึ้นมาในสมองอันน้อยนิด

“นายพูดจริงหรือพูดเล่นไนท์กี้งั้นเราจับไอยูเปลี่ยนสัญชาติกันเลยดีไหม” รอยยิ้มสุดสยองของชายหน้าสวยหันมองมาทางฉันพร้อมสายตาคมโตที่เบิกกว้างทำให้ฉันเสียวสันหลังวาบ ขนลุกไปทั้งตัว

“นะ นายทำยังงี้ได้ไงก็.. นายบอกจะพาฉันกลับไง”ฉันพยายามดึงสติให้กลับมาสู้กับจอมบงการที่ชอบใช้อำนาจบังคับขู่เข็น

“พูดเป็นแล้วหรือไง”ไนท์กี้เลิกคิ้วเปลี่ยนสีหน้าเป็นแปลกใจหันสายตามองตรงมายังฉันที่นั่งก้มหน้าสลับกับมองหน้าไนท์กี้และฮีชอลอย่างเกรงกลัว

“อยู่กับฉันที่นี่เถอะไอยูฉันจะได้หายเหงา นะ นะ”เสียงออดอ้อนดึงแขนฉันเข้าไปกอดก่อนโน้มร่างกายเอาใบหน้าแนบชิดที่ไหล่แล้วเกลี่ยใบหน้าไปมาจนรู้สึกกระอักกระอ่วนใจจะให้อยู่ที่นี่ได้ยังไงในเมื่อบ้านฉันอยู่เมืองไทย จริงอยู่ที่ฉันอยากมาเกาหลีอย่างมากเพราะต้องการเจอไนท์กี้สุดที่รักแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลง ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดมันไม่เป็นอย่างที่ตั้งใจไว้สิ่งเหล่านี้มันคือโชคดีหรือโชคร้ายสำหรับฉันกันแน่

“...”

“นะ นะ ไอยู” ฮีชอลยังคงเอาข้างแก้มเกลี่ยที่ไหล่ฉันไปมา จนมือเรียวยาวยื่นมาดึงแขนชายหน้าสวยให้ออกห่างจากตัวฉัน

“ฮีชอลนายไปซบฮีบอมของนายโน้น” มือแข็งแรงปล่อยแขนฮีชอลพร้อมชี้นิ้วไปยังแมวขนเกลี้ยงสีเทาที่นั่งมองมาทางเราสามคนด้วยแววตาสงสัยว่านินทาอะไรมันหรือเปล่า

“ย๊าส์!! ไนท์กี้เดี๋ยวแกจะต้องตายด้วยบอดี้การ์ดส่วนตัวของฉัน” ฮีชอลอุทานด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดคล้ายโดนขัดใจอย่างรุนแรงกระแทกตัวตวัดแขนขึ้นมากอดอกนั่งส่งสายตาฟาดฟันไปยังไนท์กี้อย่างลืมตัวว่าตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิงอีกแล้วและจะหาบอดี้การ์ดหนุ่มหล่อมาคุ้มกันดูแลได้อย่างไร

“ป๋าเกิงหรือเจย์ดีล่ะ”ไนท์กี้เริ่มบทสนทนากับฮีชอลถึงบุคคลที่ฉันไม่รู้จัก ฉันหันมองหน้าทั้งคู่สลับกันไปมาด้วยความมึนงงไนท์กี้แสยะยิ้มให้ชายหน้าสวยที่เปลี่ยนสีหน้าโกรธเคืองเมื่อครู่เป็นจริงจังขึ้นมาทันที

“อย่าพูดอะไรให้มันสะเทือนใจได้ไหม” สายตาผลุบลงต่ำนั่งสงบนิ่งอยู่พักนึงก่อนจะเหลือบมองมาทางฉันอีกครั้ง “เธอยังไม่รู้จักเจย์สินะไอยู”ฉันนั่งมองหน้าฮีชอลนิ่งๆ เพื่อฟังบางสิ่งที่ฮีชอลต้องการระบาย

ฮีชอลเล่าว่าในอดีตที่ผ่านมาเขาเคยรู้จักเจย์ก่อนที่จะมาเจอกับฮันเกิง‘เจย์’ เหมือนเป็นเพื่อนสนิทที่คุ้นเคยและผูกพัน รู้สึกดีๆให้แก่กัน แต่ฉันกลับมีความรู้สึกว่าฮีชอลจะผูกพันมากมายกับชายหนุ่มที่ดูจะเพอร์เฟคไปซะหมดฮีชอลเจอกับเจย์ในรายการวิทยุคลื่นหนึ่ง ทั้งคู่จัดรายการได้เข้าขากันมากฮีชอลจะชอบบอกเสมอว่าเขาดูดีกว่าผู้หญิงบางคนซะอีกแม้จะมองเห็นแค่ข้างหลัง และเจย์จะสนับสนุนทุกครั้งว่าผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างเขาในรายการวิทยุผิวพรรณดีเหมือนผู้หญิงจนทำให้ทั้งคู่รู้สึกถูกชะตาเพราะความคิดคล้ายๆ กัน การพบปะพูดคุยกันหลังจากเลิกงานหรือนอกเวลางานจึงเกิดขึ้นเสมอถึงจะไม่ได้มาเจอกันตัวเป็นๆ ก็ต้องได้พูดคุยกันโดยผ่านช่องทางแชทที่ใช้ตัวหนังสือพิมพ์ถามตอบไปมาหรือไม่ก็ต่อสายตรงทางโทรศัพท์ จนทั้งคู่สนิทสนมกันมากขึ้น กระทั่งวันหนึ่งปัญหาบางอย่างเกิดขึ้นเมื่อฮีชอลเจอกับฮันเกิงเจย์เริ่มเห็นความสนิทสนมของฮีชอลและฮันเกิงมากขึ้นเรื่อยๆ ตามลำดับเขาจึงพยายามค่อยๆถอยห่างเดินออกมาจากชีวิตฮีชอลโดยไม่บอกถึงสาเหตุว่าเพราะอะไร ทำให้ฮีชอลรู้สึกผิดหวังเสียใจแต่เพราะยังมีฮันเกิงอยู่เคียงข้างเขาจึงไม่เจ็บปวดสาหัสเท่าไร ทำให้เจย์หายไปจากวงจรชีวิตแต่แล้วไม่นานเจย์ก็กลับมาปรากฏตัวอีกครั้งโดยแอบติดต่อคุยกันโดยที่ฮีชอลปิดบังเรื่องนี้กับฮันเกิง

“เลิกรำลึกถึงอดีตซะทีฮีชอลชู้รักกับคนรัก แล้วสุดท้ายก็หลุดมือทั้งคู่”ไนท์กี้ตัดบทเรื่องราวที่ฮีชอลเล่า ฉันกำลังจินตนาการเห็นภาพตามจนต้องหยุดชะงักความคิดลงสายตาเหลือบมองยังคนเล่าเรื่องที่โดนขัดจังหวะ รอบร่างกายฮีชอลคล้ายมีพลังงานความโกรธมาคุอยู่ทั่วแววตาจิกกัดไนท์กี้ที่ทำเฉยชาไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดในโลกนี้อีกแล้ว

“ไอยู” ฮีชอลพยายามควบคุมอารมณ์แล้วหันเหสายตามองมาทางฉันทำเอาสะดุ้งโหย่งที่ต้องสบตากับตากลมโตคู่นั้น

“...”

“เธอเห็นฉันแล้วนึกถึงสีอะไร” อยู่ๆ ฮีชอลก็ตั้งคำถามที่ฉันไม่เข้าใจขึ้นมาแต่คงจะเงียบต่อไปไม่ได้อีกแล้วเพราะฉันเป็นห่วงความปลอดภัยในชีวิตตัวเองตอนนี้ที่สุด

“เอ่อ สีไรดีล่ะ” ฉันกำลังชั่งใจใช้ความคิด เพราะเท่าที่เห็นฮีชอลเป็นคนที่มีครบทุกสีสันเลยก็ว่าได้

“เลือกสักสีสิ”

“สีม่วงแล้วกันนะ” ฉันตอบออกไปอย่างกล้าๆ กลัวๆ

“นี่เธอว่าฉันหลงตัวเองหรือไงไอยู..คนอย่างฉันไม่เคยหลงตัวเองนะ ฉันงดงามกว่าผู้หญิงแบบพวกเธอจริงๆ” รอยยิ้มภูมิใจปรากฏบนใบหน้าสวยๆ ทำให้ฉันรู้สึกหายใจคล่องขึ้น

“...”

“แล้วรู้ไหมเจย์มองฉันเป็นสีอะไร” ฉันมองคนถามแล้วส่ายหน้าให้เขา สายตาส่อแววสงสัยรอคอยคำตอบ

“...”

“เจย์บอกว่า.. เขาเห็นฉันแล้วนึกถึงสีแดงกับสีชมพูถึงแม้สีแดงจะดูโชคร้าย แต่สีชมพูมันหมายถึงความงดงามเลยนะเห็นไหมว่าฉันเป็นผู้ชายที่สวยงาม เผลอๆ งามกว่าผู้หญิงบางคนซะอีก เจย์ช่วยคอนเฟิร์มมาแล้ว”

“แล้วนายไม่บอกอบเชยไปล่ะว่า.. เจย์ถามนายว่าเขาคือสีอะไรนายตอบว่าสีน้ำเงินความหมายคือคนที่อยากเป็นแฟนด้วย แล้วเจย์ตอบนายว่าอะไร..” ฉันหันมองไนท์กี้ที่พูดแทรกขึ้นมาจนจบประโยคสายตาก็หันไปทางฮีชอลต่อเนื่อง เขานั่งเอานิ้วชี้เรียวยาวจิ้มชนกันอยู่ท่าทางรู้สึกเขินๆจนต้องหลบสายตาฉันกับไนท์กี้

“เจย์เขานิ่งอึ้งไป..ก็เจย์คงตื่นเต้นที่ฉันอยากให้เขามาเป็นแฟนจนพูดไม่ออกนะสิ ไอยูอยากฟังเรื่องราวของฉันต่ออีกไหมจะได้ไปคุยกันสองคนฉันไม่อยากให้ไนท์กี้เข้ามาวุ่นวายแล้ว ขัดใจฉันตลอดน่ารำคาญ” สายตาคมโตเหลือบมองไนท์กี้ราวจะกินเลือดกินเนื้อ จนฉันรู้สึกสยองขึ้นมาอีกครั้ง

“พอเถอะวันนี้ฉันจะพาอบเชยไปหาซื้อเสื้อผ้า ใส่อยู่ชุดเดียวเหม็นจะตาย” สีหน้านิ่งเรียบมองมาทางฉันก่อนลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วเดินตรงเข้าห้องน้ำไป

“จริงด้วยไอยู เมื่อวานออกไปเมียงดงก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้สนิทเลยดีแล้วล่ะหาโอกาสเที่ยวซะ ก่อนได้กลับเมืองไทย ช่วงนี้ปิดเทอมอยู่ไม่ใช่หรือไงถือว่าพักสมองไปในตัวแล้วกัน” มือเรียวยาวยื่นมาตบบ่าฉันเบาๆนี่ไงสาเหตุที่ฉันบอกว่าอยู่ที่นี่คงไม่ต้องใช้สมองคิดอะไรเองแล้วล่ะเพราะมีคนออกความคิดและบังคับให้ฉันทำตามใจถึงสองคน 


To be continued..




Create Date : 11 ธันวาคม 2555
Last Update : 11 ธันวาคม 2555 19:39:49 น.
Counter : 1008 Pageviews.

0 comments
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

มาโซคิส
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 16 คน [?]



เ ร า ต่ า ง กั น แ ส น ไ ก ล

Blood A_Blood Type Series
เรียบง่าย อยู่บนเหตุและผล สันติ ยุติธรรม

ถ้าในฝันนั้น.. ฉันได้มีเธอ.. ขอนอนหลับไม่ตื่นได้ไหม..
เ ว ล า คิ ด ถึ ง ใ ค ร บ า ง ค น ม า ก ๆ อ ย า ก ดึ ง เ ค้ า อ อ ก ม า จ า ก โ ล ก แ ห่ ง ค ว า ม ฝั น แ ล้ ว ก อ ด ซ ะ !! ใ ห้ ห า ย คิ ด ถึ ง





หากวันใด อ่อนแอ ท้อแท้ ผิดหวัง ให้ลองย้อนนึกถึงวันที่เคยตะเกียกตะกาย . .



ถ้าคนๆ หนึ่ง มีอิทธิพลมากพอที่จะทำให้เรายิ้มออกมาได้โดยไม่ตั้งใจ.. มานก็ไม่แปลกเลยที่เขาสามารถทำให้เราน้ำตาไหลได้โดยไม่รู้ตัว..

Online Now




New Comments