สุดท้ายหลังจากค่อย ๆ ฟื้นความทรงจำ เรียกคนทรงมารื้อฟื้นก็ได้ชื่อมาละทั้งสองเมือง ภาษาจีนนี่มันจำยากจริง ๆ
เริ่มต้นวันใหม่ เราตื่นสาย จึงเริ่มต้นวันแบบหิวโซ อะไรจะดีไปกว่าร้านอาหารใกล้ๆ ที่พัก และคุ้นเคยกะเมนูดี นี่เลย โยชิโนยา
สีสันสะใจ
ข้าวหน้าเนื้ออออ
นั่งรถไฟไปต่อรถบัส
ฟังไม่ออกซักกะคำ ดังนั้น จะมีอะไรดีไปกว่าเปิด Google map ไปด้วย จะได้รู้ว่าใกล้ถึงรึยัง
ไปถึงฝนก็ตกพอดี โชคดีที่หยิบเสื้อกันฝนของที่พักมาด้วย
ดูเป็นตลาดโบราณที่น่ารัก เงียบ ๆ และดูไม่วุ่นวายด้วยนักท่องเที่ยว อิฉันชอบมากกว่าตลาดโบราณสายผิงซีเมื่อวานเยอะ
ฝาท่อของเมืองนี้
ฟ้าครึ้มมากกก
แต่เก๊าพร้อมแล้ววว มาไต้หวันช่วงปลายปี มีฝนเป็นระยะ ๆ นะคะ อย่าลืมยืดอกพกถุง เอ๊ย เสื้อฝน
มีร้านน่ารัก ๆ เยอะเลย
เดินดูไปได้แค่ 2 ร้าน อาเฮียก็จูงอิฉันเข้าร้านของหวาน ร้านนี้ตกแต่งน่ารักมากเลย
ดูจี๊นจีนแบบมีสไตล์
เมนูหลากหลาย บิงซูเค้าราคาไม่แพงเลย
เก็บภาพแต่ละมุมเรื่อยเปื่อย
บิงซูสตรอเบอรี่มาแล้ว ไม่รู้เรียกบิงซูหรือเปล่า เป็นเกล็ดน้ำแข็งแบบหยาบ ๆ หน่อย เหมือนอยู่กึ่งกลางระหว่างบิงซูกับน้ำแข็งไส ถ้วยนึง 100 เดียว สตรอเบอรี่มาทั้งสวนราดนมหวานหอม
หนึ่งถ้วยช่วยกันกิน
ทำให้เราสามารถจกไอติมโรตีถั่วตัดได้อีกคนละอัน
ใส่ผักชีมาด้วย
ทางเดินสองฝั่งจะเป็นแบบมีหลังคาด้วย ดูสวยคลาสสิคดีมาก
ที่นี่เค้าจะดังเรื่องขนมปังเขาควาย หน้าตาท่าทาง (?) จะเหมือนครัวซอง แต่เนื้อมันจะหนัก ๆ กว่า ไม่เป็นชั้น ๆ เหมือนครัวซอง
มีหลายรสให้เลือก
กินไปเล่นไปจะเป็นเยี่ยงนี้
แบบอื่น ๆ หน้าตาน่าสนใจก็มี
แต่ขอบอก อิเขาควายนี่มันดังก็จริงแต่มันไม่อร่อย ซื้อมาอันเดียวแบ่งกันกินยังกระเดือกกันอยู่นาน รึพวกเรากินกันไม่เป็นก็ไม่รู้
ร้านค้าขายของน่ารักเยอะนะคะ บางร้านของขายก็น่ารัก บางร้านคนขายก็น่ารัก หุ หุ โดยเฉพาะพ่อค้าร้านผักอบกรอบนั่น อิอาเฮียมันดันถ่ายรูปตอนอิฉันกะลังกะลิ้มกะเหลี่ยพ่อค้าอยู่เชียว
เดินวนกันจนครบตลาดสองฝั่ง เราก็จะไปต่อที่เมือง Yingge ซึ่งเป็นเมืองเซรามิคส์เมืองข้าง ๆ น่าจะเป็นเหมือนราชบุรีของไต้หวันเค้า เราซึ่งติดใจการใช้บริการของแท็กซี่ก็โดดขึ้นแท็กซี่ไปทันที
มาถึงละ
เดินเข้าเมืองมาจะมีคูเมืองที่ปะเซรามิคส์ซะสวยงาม
ชอบพื้น ดูแล้วนึกถึงเมืองแถบเมดิเตอร์เรเนียน
ได้นกฮูกตัวน้อยมาจากที่นี่
เจอร้านน้ำชา ก็แวะเจิมกันซะหน่อย
ชาผลไม้ วันนี้ลองกิน passion fruit แบบร้อน
มาขึ้นรถไฟ ที่สถานีก็ตกแต่งด้วยเซรามิกซ์เหมือนกัน
ส่วนทริปดึกของวันนี้ เราแวะไปตลาดกลางคืนกันที่ Roahe Night market ที่นี่อาหารเยอะ ของอื่นๆ จุ๊กจิ๊กมีไม่มากเท่า Shelin
ปลาหมึกย่างดีงาม เนื้อนุ่มมาก
ซูมๆๆๆๆๆๆ ชอบมากกก
ก่อนกินโรยพริกป่น เพิ่มความแซ่บ
แล้วมาต่อด้วยไส้กรอก
ไส้กรอกย่างเมืองไต้หวันนี้เป็นอะไรที่พลาดไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง แต่ละร้านเค้าจะรสชาติไม่เหมือนกันคงทำกันมาเองละมั้ง ไม่เหมือนหมูปิ้งนมสดเมืองไทยที่เดี๋ยวนี้รสชาติเหมือนกันไปหมดแล้ว คงซื้อแบบที่โรงงานเค้าทำส่งแล้วมานั่งปิ้งขายเฉย ๆ ทั้งไม้ถ้าหั่นมันออกก็จะเหลือเนื้ออยู่แค่ครึ่งเดียวเท่านั้น วันไหนเจอหมูปิ้งแบบร้านทำเอง original นี่อยากจะเหมามาให้หมด
คนขายอาหารก็เป็นลุงป้า ๆ นี่แหละ ลุงคนนี้ฆ่าเวลาช่วงไม่มีลูกค้าด้วยการนั่งจับโปเกม่อนทีละ 2 เครื่อง
ไก่ทอดกับต๊อกก็ไม่เลว ร้อน ๆ อร่อยจุง
ถึงที่นี่จะมีของจุ๊กจิ๊กขายไม่มาก แต่อิฉันก็ยังอุตส่าห์ได้มาบ้าง ปากกาด้ามไม้แกะสลักเป็นรูปสัตว์ ที่นี่ขายถูกมาก ด้ามละ 100 เท่านั้น เบา ๆ เขียนดี น่ารักเหมาะเป็นของฝาก เมืองไทยเห็นขายที่เอ็มควอเทียร์ 3 ด้ามพันนึงแน่ะ (อย่าได้มีใครมาบอกนะว่าจตุจักรขายแท่งละ 20 )