เที่ยวคนเดียวสนุกจริงหรือ??.. (ภาค3)

ด้วยเหตุและผลที่มีมากมาย..


ทำให้การอัพเดททริปตะลุยเหนือถูกเว้นวรรคยาวไปถึงครึ่งปี..


เหตุผลมีหลายเหตุผล..
..เหตุผลหลักๆ น่าจะเป็นเรื่องของน้อง Beck
และเรื่องที่ว่า อยากเอาคลิปที่ถ่ายไว้มาลง..


คือบางช่วงตอนของการเดินทาง เว้นจากการถ่ายรูป ไปถ่ายคลิปซ่ะเยอะ
ตอนที่เล่าทีแรก ก็อยากจะเล่า แบบดำเนินเรื่องราว..

พอเอาคลิปมาลงต่อเนื่องไม่ได้ ก็เลยเว้นยาวไปเลยทีนี้..




จนถึงวันนี้ก็ยังลงคลิปไม่เป็นอยู่ดี

..แต่มีเหตุอะไรบางอยาก ทำให้นึกอยากมาอัพบล็อก ที่ไปเที่ยวกับน้อง Beck ต่อ..







และเนื่องจากว่า เหตุการณ์ ก็ผ่านมา ครึ่งปีแล้ว
ความทรงจำในรายละเอียด บางส่วนก็ถูกลืมเลือนไป

อารมณืที่จะรำพึง แบบต่อเนื่อง จากที่ได้เล่าไว้ เมื่อ 2 ภาคแรก ก็หายไปแล้ว...




ตอนนี้ ที่คิด ก็คือ อยากจะเอารูปและเรื่องราวบางส่วน
มาลงให้จบทริปซ่ะที..


ซึ่งเนื้อหา คงออกแนวบรรยายภาพซ่ะมากกว่าครับ (ไม่ใช่บรรยายเรื่องราว)







คราวที่แล้ว(ภาค 2) จบที่ ออกจาก สุโขทัย..


มุ่งหน้า ไปสู่ลำปาง เพื่อใช้เป็นที่ซุกหัวนอนคืนนั้น..



คราวที่แล้ว จบแถวๆ ..




..ออกจากสุโขทัย





จริงๆ เรื่องราวการเดินทาง จากสุโขทัย สู่ลำปางวันนั้น
เป็นวันหนึ่ง ที่ค่อนข้าง "ระทึกใจ" มากเอาการ

เนื่องด้วยเพราะ..


เส้นทางจาก สุโขทัย สู่ลำปาง ยาวที่สุด ที่ผมขับในวันเดียว
(คือพอๆ กับเชียงใหม่ ไปเชียงราย)
..แต่หนทางที่ผมเลือกขับนี่สิ คือคิดจะไปทางลัดโดยดูจากแผนที่

ปรากฎว่า ได้ไปขับรถอยู่ในถนนสายรอง ที่เป็น 2 เลนสวนกัน
และหนทางก็ค่อนข้างคดเคี้ยวมาเอาเรื่อง..

หน่ำซ้ำก่อนเข้าสู่เขตจังหวัดลำปาง ก็เป็นทางขึ้นเขา ยาว-ไกล และชันหลายสิบกิโลเมตร
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อเริ่มเข้าสู่เขตขึ้นเขาดังว่า ท้องฟ้ามันก็เริ่มเข้าสู่ช่วงพลบค่ำแล้ว
(ช่วงนั้น 5 โมงเย็นกว่าๆ แสงก็สลัวรางหมดแล้ว -- สายตาเราก็ไม่ค่อยดีด้วย)





ไปถึงลำปางมืดแล้ว..

จดรถหน้าสถานีตำรวจ แล้วก็ไปหาอะไรกิน

วันนั้นเป็นวันที่ 5 ธันวาคม..
..ซึ่งเป็นประจำทุกปี ผมมักจะไปอยู่แถวๆ สนามหลวง เพื่อร่วมจุดดเทียนถวายพระพรชัยพระเจ้าอยู่หัว(และดูพลุ)


หาของทานแล้ว พยายามถามคนแถวนั้น ว่าที่ไหน เป็นที่ ที่เค้าชุมนุมกันจุดเทียนถวายพระพรชัย
.........ไม่น่าเชื่อครับ ว่าไม่ได้รับการตอบรับจากคนแถวนั้นเลย!!


กินข้าวเสร็จ เดินอยู่ในเมือง หวังจะหาศาลากลางจังหวัด หรืออะไรอื่น
แต่ด้วยความที่ว่ามาถึงก็มืดแล้ว ที่ทางในเมืองก็ไม่รู้จัก ..

..สุดท้ายก็หาไม่เจอ กลับกลายเป็นการเดินเล่นรอบเมืองไปซ่ะงั้น
แล้วก็กลับมาที่รถ ย้ายที่จอดรถ เพื่อไปหาที่จอดรถนอนคืนนั้น






รุ่งเช้าแล้ว... ฮั่นแน่ ที่นี่ "ลำปาง" ไม่ผิดแน่ๆ



แต่ "ลำปางหนาวไม่มาก!!.." อย่างที่คิด (..มุก อุดมน่ะ)



เมื่อคืน นอนไม่ค่อยหลับ เพราะที่เอารถไปจอด มีรถเข้าออกตลอดคืนเลย

ภาพนี้ถ่ายตอนเช้า.. เดินออกมา ไปหาที่อาบน้ำ
เห็นพระกำลังออกบินต์บาตรพอดี เลยกดรูปไว้ แต่ถ่ายออกมาได้ไม่ชัด
กดได้อีกภาพหนึ่ง แต่เห็นด้านหลัง คิดว่าเอาพนี้มาลงดีกว่า..





..ไม่ได้แวะเที่ยวลำปากเลยครับวันนั้น

มี 2-3 ปัจจัย ที่ทำให้ไม่ได้แวะ
ทั้งบรรยากาศทางการเมืองที่ร้อนแรงช่วงนั้น

แต่ประเด็นที่อยากจะมองว่าสำคัญกว่า คือ..
การที่ผมต้องการจะไปให้ถึง ปาย ภายในวันที่ 6-7 นี้
..เนื่องจากว่า ช่วงนั้น มีเทศการหนังกลางแปลงอยู่ที่เมืองปาย

และปาย เป็นหนึ่งในจุดมุ่งหมายของทริปนี้ ที่จะไปให้ถึงให้ได้
(และอาจจะใช้เวลาอยู่ที่นั่น ไม่น้อยกว่า 2-3 วัน)








แต่ถึงไม่ได้แวะเที่ยวลำปาง..

..แต่ก็ได้แวะเที่ยวลำพูนนิดหน่อยครับ


วัด หิริปุญชัย เป็นวัดชื่อดังที่คุ้นหู




จริงๆ ที่วัดนี้ ถ่ายรูปไว้ค่อนข้างเยอะนะครับ
..เพราะว่า ได้เข้าสู่สถาปัตยกรรมล้านนาเต็มตัวแล้ว














ถัดจากนี้ไป สถาปัตยกรรมของวัดวาอารามต่างๆ
จะออกมาในเชิงนี้หมดแล้วครับ คือแดง-ทอง

ส่วนที่เชียงราย อาจจะมีสีไม้ธรรมชาติเยอะหน่อย
(ผมพูดแบบคนที่ไปสังเกตุมานะครับ ไม่ได้มีความรู้ด้านนี้อะไรหรอก)




พระเจดีย์ อยู่ระหว่างการบูรณะ..










..อย่างที่บอกว่า ถ่ายรูปที่วัดนี้มาเยอะเหมือนกัน
เนื่องจาก ว่ายังแปลกหูแปลกตาอยู่

แต่เวลาและวารีไม่เคยรอใคร(มีจำกัด)
..ก็ขอเอามาลงแต่เพียงเท่านนี้ครับ สำหรับลำพูน









จากลำพูน ไปถึงเชียงใหม่ บ่ายหน่อยๆ เท่านั้น..
..ซึ่ง ก็ถือว่า เข้าแผนที่วางไว้..

คือก่ะจะแค่แวะผ่านเชียงใหม่เฉยๆ (ไปหลายหนแล้ว)

ปรากฎว่าติดขัดครับ..
คือเราก็ไปตั้งหลักที่สถานีรถไฟเชียงใหม่..
..ก่ะว่าจะถามทาง และหาแผนที่ เพื่อที่จะเดินทางต่อไปปายในวันนั้น (ก่ะว่าจะถึงปาย วันนั้นเลย..)

ไปถามคนแถวนั้น ก็คุยๆ สอบถามสัพเพเหระไปเรื่อยๆ
เค้าก็ถามว่าจะขับรถไปเองหรือ?
จะเอารถคันนี้ไปหรือ?
..ไปไม่ไหวหรอกนะ ทางขับยาก ชันมากด้วย แล้วยังคดเคี้ยวตามไหล่เขา ฯลฯ

เรียกว่า เค้าบิวส์จนผมยอมกลัวนั่นแหละ..555


..แต่ก็โชคดี ว่ารถตู้ขึ้นปาย ก็อยู่ที่หน้าสถานีรถไฟพอดี
คิดฟังคำขู่ต่างๆ นานาแล้ว
เอาก็เอาจอดรถทิ้งไว้นี่ แล้วขึ้นรถตู้ไปปากแทนดีกว่า
ถุงนอนพร้อม เต้นท์พร้อม เราไม่กลัวอยู่แล้ว..


แต่ขอโทร. หารุ่นพี่หน่อย..
(รุ่นพี่ที่คิดว่า จะแวะพิจิตรไปเจอแกหน่อย -แต่วันนั้นแกดันเข้ากรุงเทพพอดี)

โทร. หาแก อ้าวว .. บังเอิญว่าแกกำลังจะมาเที่ยงเชียงใหม่พอดี
ก็เลยพัก ปายไว้ก่อน อาจจะไปพรุ่งนี้แทน..

วันนี้ขอไปเจอรุ่นพี่ก่อน (แล้วอาจจะแวะหารุ่นพี่อีกคนที่อยู่เชียงใหม่ด้วย)



จริงๆ แล้ว รุ่นพี่ที่ผมคิดนัดไปหา
และรุ่นพี่อีกคนที่ผมก่ะจะไปเยี่ยมแกด้วย
..ทั้ง 2 คนนี้ มีอีกสถานะหนึ่งสำหรับผม นั่นคือ..ทั้งคู่.. "เป็นครู" ของผมด้วย

คือเป็นครูในโลกการลงทุน(หุ้น)ของผมด้วย..

ปรากฎว่า พี่แบงค์ ที่ผมนัดเจอ พาผมไปหาหมอดูซ่ะงั้น 555
(เห็นว่าเป็นหมอดูดังด้วยนะ..)

เอารูปมาลงหน่อย..


..และปรากฎว่า รุ่นพี่อีกคน ที่ก่ะจะแวะไปหา ก็ไม่ว่างซ่ะอีก



คืนนั้น นอนที่สถานีรถไฟเชียงใหม่..






..เช้าวันใหม่..


..ถ่ายในรถนอน น้อง Beck ของเรา



..กรุณาอย่าสังเกตุเสื้อนะครับ
เพราะเดี๋ยวจะรู้ว่า ไม่ได้อาบน้ำนอน 555








เนื่องจากว่า เมื่อวานไม่ได้พบรุ่นพี่อีกคนหนึ่ง
นักเล่นหุ้นถ้าเข้ามาอ่าน อาจจะรู้จัก นั่นคือ "พี่เล่าปี่"

ผมเองก็รู้สึกว่า พี่เค้า มีคุณกับผมมาก..
เลยคิดว่าอยากจะไปเยี่ยมแกหน่อย
ก่ะว่าจะซื้อพวงมาลัย หรือว่าต้นไม้ไปฝากแกสักหน่อย

เสมือนหนึ่ง ว่าไปคารวะครูคนหนึ่ง..
ตอนที่อยู่หน้าร้านขายดอกไม้-ต้นไม้ ก็โทร. ไปหาพี่เล่าปี่
ปรากฎว่า พี่เค้ากำลังจะออกไปทำธุระอยู่เดี๋ยวนี้แล้ว

..สุดท้ายก็เลยไม่ได้เจอแกอยู่ดี
(ผมเองคิดว่าผมไม่เคยเจอพี่เล่าปี่ แต่พี่เล่าปี่แกบอกว่า เราเคยเจอกันแล้ว!!)
..ผมก็ไม่แน่ใจว่า พี่เค้าจำผมผิด หรือว่าผมไปเจอพี่เค้าที่ไหน ผมจำไม่ได้ 555



ก็นั่นแหละ ไม่ได้เจอ..
แผนไปปาย ก็ชักจะลังเลแล้วด้วย มันเหมือนมีอะไรมากั้นไว้..

วันนั้นจำไม่ได้แล้ว ..ว่าเพราะเหตุอะไร?
จึงเปลี่ยนแผน เป็นปั่นจักรยานเที่ยวเชียงใหม่แทน

ซึ่งส่วนใหญ่ ก็ไม่พ้น เข้าวัด 555 (ธรรมะธัมโมจริงๆ ตู 555)




เนื่องด้วยว่า ไปมาหลายวัดมากๆ
และก็ไม่ได้จดจำว่า วัดไหนเป็นวัดไหน ชื่ออะไร คือมันเยอะจัดจนเบลอ
ณ ที่นี้ จึงขอ เอาแต่รูปมาลงเฉยๆ (บรรยายไม่ถูกง่ะ..-ไม่เรียงลำดับด้วย)

















พระครูบาศรีวิชัย (มั้ง ถ้าจำไม่ผิด)













































แวะจิบเบียร์ย่ามบ่าย ริมแม่น้ำปิง..







..ปั่นจักรยานเที่ยว แวะนู้น นี่ นั่นไปเรื่อยๆ
จนมาเจองานเทศกาลประกวดพระเครื่อง ก็แวะลงไปดู
ถ่ายรูปไปได้ไม่กี่รูป เม้มโมรี่การ์ดก็เต็ม..








ผมจำได้แล้ว..
..หนึ่งในหลายๆ เหตุผลที่ทำให้ผมยกเลิกการไปปาย
มีเรื่องที่ว่า ผมอยากเดิน ถนนคนเดินที่ประตูท่าแพคืนนั้นด้วย
(บังเอิญตรงกับวันที่ผมอยู่พอดี..)
นิสัยชอบเดินตลาดนี่ก็แก้ไม่หายเหมือนกัน (ไม่คิดแก้ด้วย..)



แต่น่าเสียดาย ที่ประตูท่าแพนี้ ผมถ่ายรูปมาน้อยมาก
(เห่อเม้มโมรี่อันใหม่ เล่นเน้นถ่ายคลิป.. แต่ดันเอาลงเนทไม่เป็น 555)






..น้อง Beck อีกหนึ่งคืนที่สถานีรถไฟเชียงใหม่
ถ่ายจากร้านอาหาร ขณะกำลังกินมื้อดึก ก่อนเข้านอน

..ท้องฟ้าคืนนี้ที่เชียงใหม่..





พรุ่งนี้จะไปเชียงราย..












เช้ารุ่งขึ้น เสร็จภาระกิจช่วงเช้า แล้วก็ออกเดินทางต่อเลย ไปเชียงราย..
(ปายเก็บไว้ก่อน ไว้ค่อยมาท่วงสิ่งที่ติดค้างกันใหม่..ในโอกาสหน้า)


เป้าหมายวันนี้คือ เชียงราย , วัดร่องขุ่น ของ อาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์


เส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย ก็ถือว่าเป็นเส้นทางที่ยาวมากเส้นทางหนึ่ง ที่ผมขับในทริปนี้

ถ้าเป็นคนปกติ และรถปกติ ระยะขนาดนี้ก็คงไม่ถือว่าไกลมาก
แต่สำหรับคนที่สายตามีปัญหา และรถแก่ๆ อีกหนึ่งคัน

เส้นทางบางช่วงที่ต้องขึ้น-ลงเขาชัน ถือว่า..ต้องมีสมาธิมากอยู่
..ยังดีที่ว่า ขับวันนี้ เป็นช่วงตอนกลางวัน และเส้นทางขึ้น-ลงเขา มีเฉพาะช่วงกลางของเส้นทางเท่านั้น


แล้วในที่สุด ก็มาถึงวันร่องขุ่นจนได้..







เห็น 2 ป้ายนี้ ผมนึกว่า ผมจะเข้าวัดไม่ได้ซ่ะแล้วซ่ะอีก ..





สี

ขาวนั่นโบสถ์ครับ , ส่วนสีทองนี่ ห้องสุขาครับ






ขอถ่ายรูปกับศิลปินใหญ่หน่อย....

จริงๆ ผมเคยเจออาจารย์เฉลิมชัยหลายหนแล้วเหมือนกันครับ..
..แต่ไม่ได้รู้กันกับแกหรอก

คือผมเป็นแฟนแก , ตั้งแต่สมัยที่แกยังทำงานวาดภาพ จัดแสดงผลงานภาพอยู่
ถ้าผมรู้ว่าแกจัดแสดงที่ไหน ผมมีโอกาส ก็มักจะชอบไปดูงานแสดงที่แกจัด


วันนั้นโชคดี แกยืนรับแขกอยู่ (วันรุ่งขึ้นก็ไม่อยู่แล้ว )
ยืนยิ้มฟันขาว ขอถ่ายรูปกับแฟนๆ แขกที่มาเยี่ยมชมวัด























คืนนี้ผมนอนข้างวัดร่องขุ่นครับ..

จริงๆ วัดแกสวยดีนะครับ ใครได้ไปก็คงจะด่ายรูปเก็บกันใหญ่(ผมด้วย)
แต่ต้องยอมรับครับ ว่าวัดแกไม่ขึ้นกล้อง 555

..ก็แหมเล่นแต่สีขาวกลืนกันไปหมดเลย
ถ่ายภาพออกมา เลยไม่ค่อยได้มิติเท่าไหร่

แต่ช่วงเช้าจะดีขึ้นหน่อยครับ เพราะวัดหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
ช่วงเช้าแสงสีส่องมา เลยดูดีกว่าช่วงเย็นวานนี้
(อ้อ..ลืมไป ภายในโบสถ์ไม่ให้ถ่ายรูปครับ จึงมีแต่ภาพด้านนอก)


















จบแล้วครับ ภาพที่วัดร่องขุ่น






ไปเที่ยวตัวเมืองเชียงรายต่อครับ..
(จะนอนเชียงรายอีกสักคืน..)

วัดพระแก้วครับ..
















..ในแผนที่ ที่ได้จากวัดร่องขุ่น , เค้าว่าเชียงรายเป็นถิ่นศิลปิน
มีแผนที่ ที่พาเที่ยวชม บ้าน และสถานที่ทำงานของ "สล่า" (ช่าง-ศิลปิน) ทั้งหลายด้วย

..แต่เอาเข้าจริง
ผมเลือกสัก 5-7 สถานที่ ที่มีระยะพอจะปั่นจักรยานถึงกันได้ในเขตเมือง
ปรากฎว่า ส่วนใหญ่ปิดกันเกือยหมดเลยครับ..

เหลือให้แวะดูได้จริงๆ ก็แค่ 1-2 สถานที่ เท่านั้น









ในระหว่างที่อยู่เชียงรายวันนี้..

มีการติดต่อ ถามเส้นทาง ในกรณีที่เราจะขับรถเข้าไปเที่ยวประเทศลาวด้วย
แต่ถามไป ถามมาไม่รู้ยังไง เหมือนกำลังถูกเค้าขายทัวร์ยังไงก็ไม่รู้ (ฮา)


แต่ก็ถามนู้น ถามนี่ เป็นข้อมูลดิบเผื่อไว้ก่อน ..


สรุปได้คราวๆ ว่า ไม่มีพาสฟปอรต์ คงเข้าไปลำบาก
เรื่องเอารถเข้าไปลายเลย ยิ่งไม่ควร ..
..แต่ที่แน่ๆ คือเรื่องพาสปอร์ตนี่แหละ เพราะถ้าจะไปลาวก็ก่ะค้างคืนอยู่แล้ว
ถ้าไม่มีพาสปอร์ต ก็น่าจะได้แค่บัตรผ่านแดนชั่วคราว เข้า-ออก ภายในวันเดียว
ค้างคืนไม่ได้ ..พี่ที่เราไปถามเค้าก็ว่า จริงๆ ถ้าจะค้างก็ค้างได้เค้าไม่รู้ แต่อย่าให้โดนจับแล้วกัน!!
..มีหวังได้นอนคุยลาวกันเลยงานนี้ 555


รวมความ ก็เลย ก่ะว่า ไปแถวเขตอีสานก่อนดีกว่า อาจจะหนอกคาย ที่มีสะพานมิตรภาพไทย-ลาว เทือกนั้น
แถวนั้น น่าจะมีช่องทางอื่นๆ อีก ถ้าอยากจะเข้าไปลาวจริงๆ




คืนนี้ นอนเชียงรายอีกคืน..
พรุ่งนี้จะค่อยๆ ไต่ลงไปใหม่ อาจจะไปจบที่ พะเยา น่าน หรือแพร่
(แปนพรุ่งนี้ ไม่ซีเรียส ค่อยๆ ไป..)








*************




แต่แล้วเช้าวันรุ่งขึ้น ก็เกิดเรื่องจนได้..

หลังจากช่วงเช้า อาบน้ำอาบท่าเสร็จ
(จอดรถนอนในวัดแถวห้าแยกพ่อขุ่นเม็งราย)
หลังจากช่วงเช้า อาบน้ำอาบท่าเสร็จ..
..สต๊ารรถอุ่นเครื่องกันพอเป็นพิธีแล้ว

ก็ค่อยๆ ขับรถออกมาจากวัด..

ขับไปติดไฟแดงที่สอง.. จู่ๆ เครื่องรถก็วูบบ ดับไป!!



ตามหาช่างมา..
ช่างเช็คแค่น้ำมันเครื่องนิดเดียว
ช่างบอก ชาร์ปละลาย!!..






ทำยังไงหล่ะทีนี้??
ความรู้เรื่องเครื่องยนต์เราก็ไม่มีเลย

คิดสะระตุสะระตะ..
ทิ้งรถไว้ที่นี่ เอาตัวไปเที่ยวลาวก่อนดีมั้ย?

หรือจะให้เค้าซ่อม หรือจะฝากเค้าขายเลยดีมั้ย?



ปรากฎว่า ลุงว่าว(ช่างโฟล์ค) ที่นู้นบอกว่า ชอร์ปละลาย
เราก็เชื่อถือแกนะ ดูแกเป็นคนดี

..แต่เราก็ไม่มีความรู้เรื่องรถเลย
แกเช็คน้ำมันเครื่อง จุ่มน้ำมันเครื่อง เอามาบี้ๆ ดูกับนิ้ว แล้วว่าชาร์ปละลาย
เราจอดรถอยู่เย็นๆ ทั้งคืน สต๊ารรถออกมา ขับยังไม่ถึงกิโลกเลยนะ มันจะละลายแล้วหรือ??

แกว่า ถ้าซ่อม ต้อง 2 หมื่น ถึง สองหมื่นห้า!!





วันนั้น ขอเวลา คิดหลายอย่างเลย
จะเที่ยวต่อดีมั้ย(ข้ามไปลาว) เรื่องรถเก็บไว้ทีหลัง
หรือจะฝากแก(ลุ่งว่าว)ขายรถเลยดี แกก็มีพรรคพวกรถโฟลค์อยู่
หรือจะให้ลุงแกซ่อมดีว่ะ เฮ้ย แต่ 25,000 นะเว้ย
มันรุ่นแรงขนาดนั้นจริงหรือเปล่าก็ไม่รู้??

คิดไม่ออก บอกไม่ถูก แต่ตอนแรกเลย คิดว่า แพ็กของกอ่น แพ็กของที่เอามาเต็มรถส่งกลับกรุงเทพฯ ก่อน

ว่าแล้วก็แพ็คกันเลย..






..แต่ที่แน่ๆ วันนี้ ยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น

เคลียร์ของเสร็จ ต้องรีบไปหาโรงแรมนอนแล้ว
ตัวเน่าไปทั้งตัว ดีที่มีจักรยานคู่ชีพเป็นพาหนะเสริม
ยังพอเคลื่อนย้ายตัวได้แบบเป็นอิสระพอประมาณ เอาขอติดตัวเท่าที่จำเป็น



คืนนี้ นอนเชียงรายอีกคืน..
(ยังคิดไม่ออก ว่าจะเอายังไงดี??)




**********



รุ่งขึ้น หลังจากคิดสาระตะทั้งคืน เอาทุกทางเลือกมากาง

ก็คิดว่า เอารถกลับกรุงเทพดีกว่า!! (เฮ้ย..นี่มันเชียงรายนะเฟ้ย)
..แต่คิดว่า นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้ว

เรื่องเที่ยว คงต้องยุบไปแต่เพียงแค่นี้ก่อน..


จะทิ้งรถไว้นี่ แม้ลุงว่าวดูน่าไว้ใจ
แต่ตัวเราอยู่กรุงเทพฯ รถอยู่เชียงราย จะทำอะไรมันลำบากน่าดู
ขึ้น-ลงที ค่าเครื่องบินก็ต้อง 2000-4000 บาทขึ้นแล้ว
..ไหนจะต้องเสียเวลาอีกมากมาย

จะฝากลุงว่าวซ่อมก็รู้สึกว่า มันแพงเกินไป ถ้าจะซ่อมจริงๆ เอาไปอยู่กรุงเทพฯ
จะหาซ่อม ซ่อมแบบไหน ค่อยว่ากันอีกทีน่าจะดีกว่า..



สุดท้าย.. ไปคุยกับลุงว่าว ลุงว่าวแกก็ดี ช่วยชี้ช่อง
ว่าหาจ้างรถเทลเลอร์ไปส่งกรุงเทพฯ ก็ได้
ค่าจ้างอยู่ที่ราวๆ 2000-5000 รถเสีย เดี๋ยวแกช่วยเอารถมาดันขึ้นเทลเลอร์ให้


โล่งใจ มีมุขนี้ด้วยหรือ?

ok เอาตามนั้น..
..แต่เราต้องไปดักรอรถเทลเล่อร์เอาเอง ตอนที่เค้ามาส่งรถที่เชียงราย
เพื่อที่จะไปขอให้เค้าช่วยขนรถเรากลับกรุงเทพ



ปรากฎว่า ใช้เวลาอยู่ 2 วันเต็ม ในการไปนั่งรอรถเทลเลอร์ที่ริมถนน..
เที่ยวมา 2 สัปดาห์ ผิวตูยังสวยๆ อยู่เลย..

..มารอรถริมถนน 2 วัน แดดจ้าๆ (รวมทั้งปั่นจักรยานไล่รถ)
เล่นเอาผิวเสีย ไหม้เลยตู 555








เรียกกันว่า เฝ้ากันตั้งแต่เช้ายันดึก เพราะว่าเวลารถเข้ามันไม่แน่นอน..





ผ่านไป 1 วันเต็มๆ ..




วันที่ 2 ลุง เอารถมาตจอดรถให้ริมถนนเลย
เพราะรถพวกนี้จะใช้เวลาไม่นานเลย..

..เมื่อรถเทลเล่อร์มาถึงโชว์รูม จะใช้เวลาเอารถลงไม่ถึงชั่วโมง ก็จะตีรถกลับทันที


T3 ลาก T3 ครับงานนี้





ตอนแรกนึกว่า โชคดีแล้ว เราเพิ่งลากรถมาแป๊บเดียว ก็มีรถเทลเล่อร์ผ่านมา
รีบเข้าไปหาเค้า..


พี่คนหนุ่มยินดีช่วย , แต่รถคนหนึ่งมีคนขับ 2 คน
ลุงคนแก่อีกคนหนึ่งไม่เอาด้วย แกบอกให้คุยผ่านบริษัท

เรายังไงก็ได้ ขอให้เอารถตูกลับบ้านด้วยเถอด..
แต่คุยอ้อนวอนยังไง เค้าก็ไม่ให้..


ก็ต้องไปนั่งเฝ้าถนนต่อไป..


จริงๆ ระหว่างรอ ช่วงนี้มีการร้องเพลงถ่ายคลิปไว้ด้วย..
เสียดาย ที่ลงคลิปไม่เป็น ไม่งั้นมีฮา 555


ในที่สุด บ่าย 2 โมงกว่า ..การรอคอยก็สิ้นสุด..




หลังจากผ่านด่านตรวจไปแล้ว ก็ขึ้นมาอยู่บนรถ


คืนนั้นจะว่าไป ก็สนุกดีนะ ..
..เหมือนนั่งอยู่บนริงไซส์ ชิดขอบฟ้า

หลังคารถน่าจะห่างจากขอบสะพานลอยแค่เมตรเดียวเองมั้ง เสียววูบๆ

บรรยากาศดีมากๆ เลย (นึกถึงเพลง อยากให้เธอได้มาอยู่ตรงนี้จัง)
และนึกถึงอีกหลายเพลง มีการถ่ายคลิปไว้เหมือนกัน ทั้งเพลงสนุก ทั้งเพลงเหงาๆ






ภาพแถมท้าย..ในเชียงราย..
อนุเสาวรีย์พ่อขุนเม็งราย
และร้านขายจักรยานในตัวเมืองเชียงราย
















พี่เค้าเอารถมาส่งให้ถึงอยุธยาครับ
แล้วผมก็ต้องหารถลากจากอยุธยากลับเข้ากรุงเทพ มาบ้านอีกที




..แม้การเดินทางจะไปได้แค่ราวๆ ครึ่งทาง , จากที่คิดไว้เมื่อเริ่มแรกวางแผน
และการเดินทาง จะต้องสะดุดหยุดลงไปแบบไม่คาดคิด..

..และกลับมาถึงบ้าน ด้วยความทุลักทุเล
ถึงกระนั้น ก็กลับถึงบ้านโดยสวัสดิภาพ.. ..

..ถือว่าเป็นทริปน่าประทับใจทริปหนึ่ง ที่ผมเคยเดินทางนะครับ
คิดว่าทริปแบบนี้ ยังน่าจะมีโอกาสได้เกินขึ้นอีกในอนาคต
ไม่ว่าจะไปเดี่ยว ไปเป็นคู่ หรือไปเป็นหมู่ หรือไปเมื่อมีครอบครัวแล้ว

..หวังว่าจะมีโอกาสได้เดินทางอย่างงี้อีก
ยังมีอีกหลายเส้นทางที่น่าสนใจ รอไว้โอกาสหน้า จะมาแก้มือ







..........สวัสดีครับ..........






ปล. ปลายปีนี้ ผมมีแผนจะไป BackPack ที่ลาวนะครับ..
เป็นการ BackPack ต่างเมือง ต่างประเทศครั้งแรกในชีวิต
แม้ว่า ลาว จะเป็นบ้านพี่ เมืองน้องของเรา.. และไม่ค่อยมีประวัติเลวร้ายกับนักท่องเที่ยว
..แต่ยังไง ก็เป็นต่างถิ่น ต่างเมืองอยู่ดี

ผมจึงประกาศหาใครที่สนใจเดินทาง BackPack ลาว , ไปเป็นบัดดี้กัน คอยระวังหลังให้กันครับ

จริงๆ ผมเอง ถ้าไม่มีเพื่อนไป ก็คงไปคนเดียวอยู่ดีครับ (ถ้าไม่ติดเรื่องอะไรจริงๆ)
..แต่ถ้ามีใครสนใจจะเดินทางลักษณะนี้ แต่ยังไม่มีเพื่อน ก็ลองติดต่อพูดคุยกันได้นะครับ


ยังไงก็คงจะไปช่วงฤดูหนาว..
..ที่คิดไว้ตอนนี้ คือนั่งรถไฟไป และนั่งเครื่องบินกลับ
(แต่ผมก็ไม่แน่ใจว่าจะมีหรือเปล่านะเครื่องบิน , เพราะโฆษณาสายการบินราคาประหยัดไม่เคยเห็นมีลาวเลย)

เอาว่าแผนการคร่าวๆ ประมาณนี้ รถไฟไป - เครื่องบินกลับ

ตั้งเวลาไว้ที่ราวๆ 7-10 วัน
..เน้นหลวงพระบางเป็นหลัก แล้วจึงเป็นเวียงจัน


ถ้าใครสนใจเชิญครับ.. (อ้อเกย์ไม่เอานะครับ ไม่ได้อยากได้คู่ขา 555)
ถ้าเป็นผู้หญิง แล้วไม่กลัว ก็ได้ครับ เหอๆๆ (ผมเป็นสุภาพบุรุษและยังโสดครับ อิอิ)


........เอาว่าหาบัดดี้เดินทางนะครับผม..



สวัสดีอีกทีครับ


Create Date : 10 กรกฎาคม 2552
Last Update : 11 กรกฎาคม 2552 5:10:10 น. 2 comments
Counter : 1739 Pageviews.

 
...เข้ามาอ่านคร่าวๆ สนุกดีค่ะ อิจฉาพี่m&m จังเลยค่ะ ช่วงนี้โรคระบาดเยอะมากหนู แนะนำว่าไม่ควรเดินทางเด็ดขาด เพราะ มันอันตรายมากกว่าที่เราคิด ......ไข้หวัด2009 นี่ อาจจะกลายพันธุ์ ในปลายปีนี้ ค่ะ ไปเป็น2010 ซึ่งความรุนแรงมากกว่าที่เราเห็นค่ะ
...มีเรื่องสนุกๆ อีกตั้งเยอะ ที่น่าจะทำอยู่เมืองไทย
อย่าไปลาวเลยค่ะ โดยฌแพะความสะอาดนี่ เคยเห็นเพื่อนๆ ที่เคยไปมาเล่าให้ฟังว่า ไม่ค่อยจะสะอาดเลยค่ะ เอาไว้ว่างๆ จะเข้ามาดู รายละเอียดอีกทีนะคะ
วันนี้ รู้สึกว่าจะไม่ค่อยสบายมี ไข้ และปวดเมื่อยตามตัวมากเลยค่ะ
บ๊ายบ่ายค่ะ



โดย: อายาโกะ IP: 222.123.219.60 วันที่: 13 กรกฎาคม 2552 เวลา:20:00:12 น.  

 


วันนี้ขาย ร่ำลาน้องBeck ไปแล้วครับ


หลังจากรถเสียกลับจากไปเที่ยว
ก็เอาน้องเบ็คไปฝากเค้าจอดไว้ เสียเดือนละ 300


ใจทีแรกคิดว่าจะซ่อมเอง เปลี่ยนเครื่องใหม่ แล้วเอามาใช้ต่อ
แต่ก็ติดเงื่อนไขหลายอย่างกับตัวเอง..


สุดท้ายประกาศขายไปต้นปีแบบยังไม่ค่อยอยากขายเท่าไหร่


แต่เมื่อเดือนที่แล้ว ก็คิดตัดสินใจ ตกลงใจว่า ขายน้องเบ็คไปก่อนดีกว่า
เอาเงินไปลงทุนก่อน เห็นมีตัวเด็ดๆ อีก 2 ปี ถ้ายังอยากจะมีรถใหม่ ก็ค่อยหาเอา

สุดท้าย ก็เริ่มประกาศขายจริงจังเมื่อปลายเดือนที่แล้ว
และก็ขายรถได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว


Beck ได้ไปอยู่กับเจ้านายใหม่แล้ว
เจ้านายใหม่ ก็น่าจะรักน้องเบ๊คนะ
ได้ขายเบ็คให้กับคนรักรถ ที่อยากได้รถจริงๆ ก็สบายใจดี
(ไม่ค่อยอยากขายให้กับพวกช่างเท่าไหร่)



เสียดายนิดหน่อย ที่ไม่ได้ถ่ายรูปน้องเบ๊กกับผมไว้เป็นครั้งสุดท้าย
วันนี้ น้องเบ๊คขึ้นรถสไลท์ไปด้วย (เก็บทุกอย่างจริงๆ น้องเบ็คตู)




บ้าบบ่ายยยย น้อง Beck..



โดย: หนมเม็ดเอง IP: 124.121.168.162 วันที่: 20 กรกฎาคม 2552 เวลา:15:56:33 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

บุญทับ
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




กฎของเราก็คือ
เรามีความสุขสนุกสนาน
ได้มากเท่าที่เราต้องการ
แต่ต้องไม่ทำร้ายจิตใจใคร
..แม้แต่คนเดียว


จากหนังสือ ฟ้ากว้าง..ทางไกล



มวลเมฆ คือเนินเขาทำด้วยไอน้ำ เนินเขา คือมวลเมฆสร้างด้วยศิลา..(รพินทรฯ)
Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
10 กรกฏาคม 2552
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add บุญทับ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.