ตอนที่ 12 ความเจ็บปวดนี้ เราจะรับมันไหวอีกหรือเปล่า
คราวที่แล้วที่ได้พบหมอกายภาพนั้น หมอตรวจร่างกาย แล้วให้ผมลองเดินด้วยไม้ค้ำยัน 2 ข้าง (แบบคาเนเดียน) ว่าร่างกายฟื้นตัวขนาดไหน สามารถเปลี่ยนจากเดิน walker เป็นไม้ค้ำยันได้หรือไม่ จากการลองเดินตามที่หมอแนะนำ หมอเห็นว่าพอจะเดินได้ จึงสั่งให้เปลี่ยนมาใช้ไม้ค้ำยันแบบคาเนเดียนนี้ และสอนแนะนำวิธีการหัดเดิน และนำกลับมาฝึกเดินเองที่บ้านต่อ ผมเห็นว่า walker และไม้คำยันอันนี้แตกต่างกันมาก การที่เดิน walker คล่องไม่ใช่ว่าจะเดินด้วยไม้ค้ำยันได้ดี แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงในเรื่องความมั่นคง การทรงตัว และแรงที่ใช้ในการควบคุมร่างกายในการเดิน ซึ่งอันตรายกว่ากันมากเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว แต่อย่างไรผมก็รู้สึกดีใจมากที่ผมสามารถมาถึงเป้าหมายอีกขั้นหนึ่ง แต่นี่แค่มาถึงแต่ยังใช้เดินไม่ได้ ยังไม่คล่อง จะต้องหมั่นทำกายภาพ และฝึกเดินด้วยไม้ค้ำยันกันต่อไป ซึ่งคงต้องอาศัยเวลาอีกนานพอสมควร อนาคตผมเริ่มสดใสขึ้น ผมคิดว่าถ้าผมเดินด้วยไม้ค้ำยันคล่องมันก็จะสะดวกมาก ในการไปไหนมาไหน จะได้คิดหาอะไรทำเพื่อใช้ชีวิตต่อไป และเพื่อให้เป็นภาระของคนในครอบครัวให้น้อยที่สุด ผมจึงต้องพยายามต่อไป เป้าหมายต่อไปคือ ผมจะออกเดินนอกบ้านด้วยไม้คำยันนี้ให้ได้ ออกไปเดินเล่น ไปสวนหย่อมท้ายหมู่บ้าน แต่สิ่งที่ผมคิดมันคงจะไม่ใช่เรื่องง่ายๆหรอกนะครับ หนทางข้างหน้ามันไม่ราบเรียบ มีความลำบากเสมอ ยากเย็นจนทำให้สภาพจิตใจเรารับไม่ไหว กับความเจ็บปวดทางร่างกายที่ได้รับ จากช่วงที่ผ่านมา ผมทำกายภาพและฝึกเดิน walker ภายในบ้านจนคล่องมากแล้ว และได้ไม้ค้ำยันคาเนเดียนมาให้ใช้ฝึกเดินแทน เมื่อนำมาใช้ฝึกเดินที่บ้าน การเดินด้วยไม้ค้ำยันสำหรับผมมันยากมากจริงๆ ยากกว่าเดินด้วยwalker เรียกว่าผมเดินไม่ได้ เดินไม่เป็นเลยก็ว่าได้ และอันตรายกว่า walker มาก ต้องเริ่มหัดเดินใหม่เลย ต้องระมัดระวังมาก ตั้งแต่ได้ไม่ค้ำยันมา ผมลองเดินแล้วเห็นว่าอันตรายเลยไม่ค่อยได้ฝึกเดิน ก็ยังใช้ walker เดินอยู่แบบเดิม แล้ววันหนึ่งผมจึงคิดได้ว่า ถ้าเราไม่กล้าเดิน ไม่ฝึกฝน ไม่เริ่มหัด แล้วเราจะไปให้ถึงตามเป้าหมายได้อย่างไร ดังนั้นผมจงรื้อ, ถอด walker ออกเป็นชิ้น ๆ แล้วนำไปเก็บที่ห้องเก็บของในบ้าน จะได้ไม่ต้องนำมาใช้อีก เป็นการบังคับตัวเองไปในตัว ถ้าจะเดินก็ต้องเดินด้วยไม้ค้ำยันอย่างเดียว จากนั้นผมก็พยายามเริ่มฝึกเดินด้วยไม้ค้ำยันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็ต้องระมัดระวังมาก ต้องใช้เรี่ยวแรงเดินมากกว่า ระวังในเรื่องการทรงตัวให้ดี ในระหว่างการฝึกเดินก็จะมีความเจ็บปวดทางร่างกายบ้าง ตามข้อเท้า หัวเข่า กล้ามเนื้อ จริง ๆ ก็เจ็บมาก แต่เพราะจิตใจที่เข้มแข็งจึงทำให้ผมทนได้ วันไหนเจ็บปวดมาก ๆ ก็หยุดพัก ค่อย ๆ ทำ ค่อยเป็นค่อยไป ไม่ฝืนร่างกายตัวเองมากเกินไป และต้องทำกายภาพร่วมด้วย จะได้มีแรงเพิ่มขึ้น สามารถช่วยในการเดิน ผมต้องฝึกเดินด้วยไม้ค้ำยันเป็นระยะเวลานานพอควร จึงเริ่มเดินคล่อง ตลอดเวลาอาการเจ็บปวดก็คงมีอยู่ แต่ผมพยายามคิดในแง่ที่ดี ไม่คิดถึงความเจ็บปวด คิดว่าเป็นเรื่องปกติของร่างกายเรา คิดให้เกิดความเคยชินในเรื่องนี้ เราจะได้ไม่ท้อ..ไม่ยอมแพ้ เมื่อเดินไม้ค้ำยันภายในบ้านคล่องแล้ว วันที่ผมรอคอยก็มาถึง การที่จะได้ออกไปเดินนอกบ้านด้วยตัวเองครั้งแรก ที่รอมาเป็นระยะเวลานานมาก ซึ่งความรู้สึกวันนั้น ผมก็กล้า ๆ กลัว ๆ อยู่มาก กังวลด้วย แต่คิดว่าถ้าเราไม่ลองเดินออกไปดูก็ไม่รู้ วันนั้นพอดีมีเพื่อนมาหาที่บ้าน ซึ่งก็มาเป็นประจำเมื่อเขาว่างจากงาน มานั่งคุยด้วย สักพักผมจึงตัดสินใจชวนเขาออกไปเดินเที่ยวนอกบ้าน ไปเดินที่สวนหย่อมท้ายหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผมไปประมาณ 300 เมตรเห็นจะได้ เขาก็โอเคไปกัน ระหว่างเดินเพื่อนก็คอยช่วยดูและเดินอยู่ใกล้ๆ แต่ไม่ได้ช่วยประคอง การเดินนอกบ้านสำหรับผมนั้นมันยากมาก ๆ พื้นนอกบ้านจะแตกต่างจากพื้นในบ้านมาก ทางเดินไม่เรียบ ไม่สม่ำเสมอ มีเนินเล็กๆ มีเนินลูกระนาบ มีหินน้อยใหญ่ รถวิ่งผ่านไปมา ไหนจะสภาพอากาศอีก สำหรับคนปกติก็คงไม่เป็นไร เพราะแค่เดินตามทางหน้าบ้าน เดินสบาย ๆไม่ต้องกังวลอะไรมาก แต่สำหรับผมต้องใช้กำลังและเรี่ยวแรงอย่างมาก ซึ่งตัวผมมีแค่น้อยนิด ผมเดินแบบคนไม่มีแรง เดินช้ามากๆ เดินเซ ถ้าทรงตัวไม่ดีเหยียบก้อนหินเล็กนิดเดียวอาจทำให้ล้มได้ ผมเดินไปได้แค่นิดเดียว เดินผ่านบ้านทาวน์เฮ้าส์ แค่ 3 หลัง ผมก็เริ่มเดินไม่ไหวแล้ว มีเหงื่อออกมาก อ่อนล้า เหนื่อยแทบขาดใจ ขาเริ่มเพลีย เริ่มมึนหัว ในใจเริ่มคิดจะไปต่อดีหรือไม่ จะไหวไหม หรือจะกลับดีกว่า ถ้าไปถึงแล้วเราจะกลับได้หรือเปล่า เพื่อนผมเห็นท่าทางแล้ว ถามว่าไหวไหม ผมตอบว่าไหว และตัดสินใจจะเดินต่อไปให้ถึงสวนหย่อมให้ได้ พอถึงแล้วก็ได้นั่งพัก อยู่ที่โต๊ะหิน สภาพผมก็ย่ำแย่มาก แต่ก็พยายามยิ้มสู้ เพราะกลัวว่าเพื่อนจะเป็นห่วง นั่งพักอยู่นาน อาการถึงจะดีขึ้น จากนั้นก็อยู่ซักพักหนึ่ง จึงกลับบ้าน แต่ผมคิดว่าผมคงเดินกลับไม่ถึงบ้านแน่ จึงตัดสินใจโทร.กลับไปที่บ้าน ให้ขับรถมารับกลับ วันนี้เป็นวันที่ผมรอคอย และดีใจมากที่สุด แต่ก็เป็นวันที่ผม ทรมานและเหนื่อยแทบขาดใจ หลังจากนั้น ผลที่ได้รับ จากการออกไปเดินนอกบ้านในครั้งนี้ คือเจ็บปวดตามร่างกาย และข้อต่อ รวมถึงกล้ามเนื้อต่าง ๆ ด้วย ร่างกายผมอ่อนล้า ทรมานมากจนไม่สามารถลุกขึ้นเดินได้อีก ได้แต่นอนโทรม นอนพักถึง 3 วัน ก็ยังไม่หาย แค่เพียงปวดน้อยลง อาการปวดทำให้ผมเดินไม่ไหว มันเจ็บมาก ผมเริ่มเกิดความท้อแท้ขึ้นอีก คิดว่าคงไม่ไหวแล้ว ถ้าปวดอยู่อย่างนี้ แล้วเราจะเดินต่อได้อย่างไร ลุกเดินในบ้านตอนนี้ยังไม่ค่อยไหวเลย สภาพจิตใจในขณะนี้ การเสียน้ำตาคงเป็นการระบายความเจ็บปวดได้ดีที่สุด เพราะสามารถทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นบ้าง ไว้มาต่อ my memory ตอน 13 คราวหน้านะครับ.. .. ..
Create Date : 25 ธันวาคม 2551
22 comments
Last Update : 25 ธันวาคม 2551 7:50:13 น.
Counter : 923 Pageviews.
โดย: ก.ก๋า (กะว่าก๋า ) 25 ธันวาคม 2551 8:36:28 น.
โดย: nanida 25 ธันวาคม 2551 8:53:55 น.
โดย: Gijona 25 ธันวาคม 2551 10:04:41 น.
โดย: momster 25 ธันวาคม 2551 13:34:32 น.
โดย: LooKPat 25 ธันวาคม 2551 13:59:32 น.
โดย: นู๋ดาว คนซนๆค่ะ (satineesh ) 25 ธันวาคม 2551 17:08:54 น.
โดย: wbj 25 ธันวาคม 2551 17:26:42 น.
โดย: i_nookae 25 ธันวาคม 2551 21:24:30 น.
โดย: นู๋ดีค่ะ (kun_isara ) 25 ธันวาคม 2551 22:56:52 น.
โดย: pukapae 28 ธันวาคม 2551 17:58:53 น.
โดย: เพลิน IP: 58.9.123.174 3 มกราคม 2552 9:55:44 น.
โดย: นางฟ้าอันดามัน IP: 58.9.59.110 4 มกราคม 2552 23:54:44 น.
โดย: กฤษ IP: 58.8.133.92 7 มกราคม 2552 23:51:08 น.
โดย: กฤษ IP: 58.8.170.64 13 มกราคม 2552 18:16:03 น.
โดย: aom IP: 124.120.117.117 24 มิถุนายน 2552 10:49:09 น.
โดย: แม่ผู้สูญเสียลูกชาย IP: 10.20.4.60, 202.28.180.202 24 มิถุนายน 2552 10:52:37 น.
ทำให้ผมนึกถึงลูกผมครับ
ตอนนี้หมิงหมิง 6 เดือน
และกำลังหัดคลาน
ผมฝึกให้ลูกคลานทีละนิดๆ
ด้วยการเเอาของเล่นวางห่างตัวเค้า
หนึ่งช่วงแขนสำหรับเราอาจไม่ไกล
แต่สำหรับเด็กทารก
นี่อาจหมายถึงระยะทางเป็นกิโล
การฝึกเดินของคุณก็เช่นกัน
มันไม่ได้ใช้แค่แรงกาย
แต่ต้องใช้แรงใจมหาศาล
เรื่องราวของคุณคงเป็นกำลังใจให้ใครได้มากมายเลยครับ