A free online Thai community magazine for trendy Thais living and visiting to the United Kingdom.
Group Blog
 
 
ธันวาคม 2555
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
17 ธันวาคม 2555
 
All Blogs
 
การเตรียมตัวเรียนปริญญาโทที่อังกฤษ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิด!




สวัสดีค่ะน้อง ๆ พี่เอ๋กลับมาอีกแล้วค่ะ คราวนี้ขอให้คำแนะนำสำหรับน้อง ๆ ที่สนใจจะไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษในหลักสูตรที่สูงกว่าระดับปริญญาตรีหรือที่เรียกกันว่า UK Postgraduate Education จะมีหลักสูตรตั้งแต่ 9 เดือน ถึง 1 ปี มีทั้งหลักสูตร Certificate, Postgraduate Diploma, Pre Master, Master’s Degree ไปจนถึงระดับปริญญาเอกที่ใช้เวลาเรียนประมาณ 3 – 5 ปีนะคะ การเรียนการสอนหลัก ๆ จะมีสองประเภทคือ Taught Courses คือประเภทที่น้อง ๆ ไปนั่งเรียนในห้องที่มีอาจารย์สอนแบบทั่ว ๆ ไปซึ่งจะใช้เวลาเพียงหนึ่งปีเท่านั้น ส่วนอีกประเภทคือ Research Degrees ที่เน้นการวิจัยและทำรายงานมากกว่า การเรียนประเภทนี้อาจต้องใช้เวลาเรียนประมาณ 1-3 ปี แต่โดยทั่วไปน้อง ๆ นักเรียนไทยส่วนใหญ่จะเน้นไปเรียนหลักสูตรปริญญาโท (Master’s Degrees) เป็นหลัก ทีนี้เราลองมาดูกันซิว่าน้อง ๆ จะต้องมีการเตรียมตัวอย่างไรกันบ้าง

อันดับแรกเลยคือ ศึกษาหาข้อมูลของคณะและสาขาวิชาที่เราสนใจว่ามีสอนที่มหาวิทยาลัยไหนบ้าง ซึ่งข้อมูลมหาวิทยาลัยส่วนใหญ่ของประเทศอังกฤษน้อง ๆ สามารถหาได้จากเว็บไซด์ของ  บริติช เคานซิล (British Council) ที่ www.educationuk.org  เมื่อได้รายชื่อมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ที่เราสนใจเป็นพิเศษอยู่ในมือแล้ว น้อง ๆ ก็สามารถเข้าไปศึกษาข้อมูลของมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซด์ของมหาวิทยาลัยเอง ส่วนถ้าต้องการอยากทราบว่ามหาวิทยาลัยนั้น ๆ อยู่ใน Ranking อันดับที่เท่าไหร่ในปีการศึกษาที่เราจะสมัครเรียน

Source : www.guardian.co.uk

มีเว็บไซด์ที่น่าเชื่อถือมากมายเช่น www.guardian.co.uk ซึ่งเป็นเว็บไซด์ของหนังสือพิมพ์ชื่อดังของประเทศอังกฤษหรือ www.thecompleteuniversityguide.com  เป็นต้น เว็บไซด์เหล่านี้จะทำการจัดอันดับคุณภาพของมหาวิทยาลัยยอดนิยมในแต่ละปี บางเว็บไซด์ยังมี Ranking แยกเป็นสาขาวิชาด้วย อีกหนึ่งทางเลือกที่น้อง ๆ สามารถตรวจสอบคุณภาพของมหาวิทยาลัยที่สนใจว่าได้มาตรฐานตามที่เราต้องการหรือไม่ ได้ที่ Quality Assurance Agency for Higher Education เว็บไซด์ www.qaa.ac.uk   หรือ  Research Assesment Exercise (RAE) เว็บไซด์  www.rae.ac.uk  ซึ่งทั้งสองแห่งนี้เป็นองค์กรหลักในการตรวจสอบคุณภาพของมหาวิทยาลัยใน สหราชอาณาจักรค่ะ

ต่อไปมาดูเรื่องค่าใช้จ่ายกันดีกว่า โดยเฉลี่ยหลักสูตรปริญญาโทจะอยู่ที่ประมาณ 800,000 -1,000,000 บาทต่อปี รวมค่าที่พัก ค่าอาหารและค่าเดินทางแล้ว อ๊ะ…อ๊ะ…แต่ไม่รวมค่าช้อปปิ้งนะคะ… ค่าใช้จ่ายนั้นส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับน้อง ๆ ด้วยว่าเลือกเรียนที่มหาวิทยาลัยไหน และเมืองอะไร ถ้าเป็นมหาวิทยาลัยในลอนดอน น้อง ๆ อาจจะต้องมีค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่สูงหน่อย เฉลี่ยเดือนละประมาณ 800 ปอนด์ แต่ถ้าเป็นเมืองอื่น ๆ จะอยู่ที่ประมาณเดือนละ 600 ปอนด์


ที่ประเทศอังกฤษนั้น สวัสดิการของนักเรียนต่างชาติถือได้ว่าดีไม่แพ้ประเทศอื่น เช่น หากน้อง ๆ สมัครเรียนคอร์สตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไปแม้จะเป็นเพียงแค่เรียนภาษาอังกฤษเท่านั้นก็ตาม เมื่อยามน้อง ๆ เกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น ก็สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใด ๆ ทั้งสิ้นค่ะ จะยกเว้นก็แต่ทำฟันที่ต้องจ่ายเอง เพราะฉะนั้นถ้ารู้ว่ากำลังจะเดินทางไปเรียนต่อ แนะนำว่าไปเช็คสุขภาพฟันก่อนเดินทางเสียให้เรียบร้อยจะดีที่สุด เพราะพี่เอ๋ขอเตือนไว้เลยนะคะว่าค่าทำฟันที่นั้นแพงมากมายมหาศาลค่ะ เฉพาะแค่รักษาคลองรากฟันซี่เดียวก็โดนไปเกือบแสนแล้วค่ะ ยอมลงทุนนั่งเครื่องบินกลับมารักษาที่บ้านเรายังจะคุ้มเสียกว่า เพราะได้กลับมาเที่ยวบ้านด้วย…จริงมั้ยคะ

ส่วนสวัสดิการอีกอย่างที่ดีสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่นั่นก็คือ ถ้าน้อง ๆ ลงเรียนเกินหกเดือนเช่นกัน ก็สามารถให้สถานศึกษาออกจดหมายรับรอง เพื่อนำไปซื้อตั๋วรถโดยสาร ทั้งรถไฟ รถบัส รถไฟใต้ดิน ลดราคาพิเศษได้ถึง 30 เปอร์เซ็นต์ของราคาปกติเลยทีเดียวนะคะ ส่วนสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ พิพิธภัณฑ์ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์หรือแม้แต่ร้านเสื้อผ้า ก็สามารถใช้บัตรนักเรียนรับส่วนลดพิเศษได้ด้วยค่ะ นอกจากนั้นมหาวิทยาลัยหลายแห่งในประเทศอังกฤษยังมีทุนการศึกษาแจกสำหรับนักเรียนต่างชาติอีกมากมายและก็ไม่ได้ขอยากอย่างที่คิดด้วยค่ะ น้อง ๆ ลองเข้าไปหาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับทุนต่าง ๆ ได้ที่เว็บไซด์  www.scholarship.in.th  หรือที่ www.educationuk.org/scholarships

การศึกษาระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยที่อังกฤษนี้ ส่วนใหญ่จะเริ่มหลักสูตรในเดือนกันยายน จะเป็นการเปิดเทอมแรก แต่ก็มีการเปิดรับอีกครั้งในเดือนมกราคมด้วย แต่อาจจะไม่เปิดทุกสาขาวิชาก็เป็นได้ ฉะนั้นใครยื่นไม่ทันเดือนกันยายนก็ยังมีเดือนมกราคมอีกเดือนนะคะ แต่อย่างไรก็แล้วแต่แนะนำให้น้อง ๆ ยื่นเอกสารแต่เนิ่น ๆ ค่ะ เข้าไปศึกษาในเว็บไซด์ของแต่ละมหาวิทยาลัยนะคะว่าเปิดรับสมัครเมื่อไหร่ หลังจากได้ข้อมูลและเลือกมหาวิทยาลัยที่เราสนใจจะไปเรียนต่อแล้ว ต่อไปเราก็มาดูนะคะว่าเราต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้างในการจะยื่นใบสมัครไปที่มหาวิทยาลัยนั้น ๆ ส่วนใหญ่จะต้องการเอกสารประกอบการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับเข้าเรียน นอกเหนือจากใบสมัครที่เราต้องกรอก และสำเนาพาสปอร์ต ก็มีดังนี้นะคะ

  • Transcript จากมหาวิทยาลัยที่เราจบการศึกษาระดับปริญญาตรี ซึ่งโดยส่วนใหญ่เกรดเฉลี่ยหรือ GPA อย่างต่ำต้องได้ 2.70 ขึ้นไป แต่น้อง ๆ ที่ได้น้อยกว่านั้นก็ไม่ต้องตกใจนะคะ เพราะสามารถต่อรองกับทางมหาวิทยาลัยได้ค่ะ เพราะเป็นไปได้ว่าบางครั้งเราคะแนนไม่ถึงเพราะวิชาที่ไม่สำคัญกับการเรียนต่อในระดับปริญญาโทในสาขาที่เราเลือก เช่น น้องบางคนอาจจะได้คะแนนวิชาพละ หรือวิชาเลือกอื่น ๆ ที่ไม่สำคัญนักต่ำก็อาจจะไม่กระทบกับการเรียนสาขาการตลาดที่เราต้องการเรียน เป็นต้น
  • ผลคะแนนการทดสอบภาษาอังกฤษ IELTS หรือ TOEFL แต่มหาวิทยาลัยในประเทศอังกฤษส่วนใหญ่จะรับผล IELTS มากกว่า ถ้าเป็นที่ประเทศสหรัฐอเมริกาจะกลับกันค่ะจะรับผล TOEFL เป็นหลัก มาตรฐานส่วนใหญ่ของมหาวิทยาลัยทั่ว ๆ ไปในประเทศอังกฤษ นักศึกษาผู้สมัครต้องมีผลคะแนน IELTS ไม่ต่ำกว่า 6.0 ขึ้นไป ยกเว้นบางมหาวิทยาลัยโดยเฉพาะอย่างยิ่งมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมาก ๆ เช่น Oxford University, University of Cambridge หรือ Imperial College อาจต้องการผลคะแนนถึงระดับ 7.00 ค่ะ แต่ในกรณีที่    น้อง ๆ สอบได้ผลคะแนนต่ำกว่าเกณฑ์ ไม่ต้องตกใจไปนะคะ น้อง ๆ สามารถยื่นเอกสารไปก่อน เพราะทางมหาวิทยาลัยอาจตอบรับน้อง ๆ เข้ารับการศึกษาแต่มีข้อแม้ว่า จะต้องไปเรียนคอร์สภาษาอังกฤษกับทางมหาวิทยาลัยก่อน ซึ่งอาจจะใช้เวลาประมาณ 1-3 เดือน ก่อนเปิดเทอมของหลักสูตรปริญญาโท หลังจากนั้นก็ Direct Entry หรือเข้าเรียนต่อในหลักสูตรปริญญาโทสาขานั้น ๆ ได้เลย โดยไม่ต้องสอบ IELTS อีกค่ะ
  • บางสาขาวิชาอาจต้องการผลคะแนน GMAT ร่วมด้วย หรือบางวิชาที่ต้องพิจารณาจากผลงานของนักศึกษาเช่น สาขาออกแบบหรือสถาปัตยกรรม เป็นต้น น้อง ๆ ก็จำเป็นต้องเตรียมยื่น Portfolio ผลงานของตัวเองไปให้ทางมหาวิทยาลัยพิจารณาด้วยนะคะ
  • จดหมายรับรองหรือ Recommendation Letter จากอาจารย์ผู้สอนหรือจากบริษัทที่เราเคยทำงานอยู่
  • Statement of Purpose หรือจดหมายที่เราเขียนอธิบายแรงบันดาลใจที่ทำไมเราถึงอยากจะเรียนต่อที่สถาบันของเขาในสาขาวิชานั้น ๆ ค่ะ ซึ่งอันนี้จะเป็นการแสดงให้เห็นด้วยว่าพื้นฐานทางการเขียนภาษาอังกฤษเราดีแค่ไหน
  • หลักฐานรับรองการทำงาน ในกรณีที่เราจะเรียนต่อ MBA นะคะ น้อง ๆ จำเป็นต้องมีประสบการณ์ในการทำงานมาแล้วอย่างน้อย 2 ปีค่ะ

เมื่อยื่นเอกสารทุกอย่างให้กับทางมหาวิทยาลัยพิจารณาแล้ว น้อง ๆ ก็แค่รอผลการตอบรับจากทางมหาวิทยาลัยเท่านั้นค่ะว่าจะรับหรือไม่รับเราเข้าเรียน หรือรับแต่มีเงื่อนไขประการใด และเมื่อได้รับการตอบรับแล้ว คราวหน้าเรามาว่ากันเรื่องการเตรียมตัวขอวีซ่า….ที่ใครต่อใครโอดครวญกันเหลือเกินว่าทั้งโหดทั้งหินกันนะคะ.

By พี่เอ๋ Multilink Education

อ่านเรื่องอื่นๆ เกี่ยวกับการเรียนต่อประเทศอังกฤษได้ที่ :>>> ศึกษาเล่าเรียน






Create Date : 17 ธันวาคม 2555
Last Update : 17 ธันวาคม 2555 19:59:18 น. 1 comments
Counter : 10572 Pageviews.

 
สอบถามหน่อยค้า ปริญญาโทที่อังกฤษ นี่เปิดเทอม ปิดเทอม ช่วงไหนบ้างคะ


โดย: ลี่ลี่ IP: 49.229.18.240 วันที่: 11 ธันวาคม 2558 เวลา:23:39:51 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Games LoudSi
Location :
London United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add Games LoudSi's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.