VISA (L) หรือ วีซ่าคู่สมรส

หลายคนไกลบ้าน ไกลเมืองไปอยู่ต่างประเทศ สิ่งที่ต้องทำคือการต่อ VISA...แต่ละประเทศ ก็ทำแตกต่างกันไป(เท่าที่เคยอ่าน และ หาข้อมูลมา) วันนี้เลยอยากเขียนเกี่ยวกับ การขอ VISA(L) หรือวีซ่าคู่สมรส ของประเทศจีนไว้ เพื่อเก็บข้อมูลไว้อีกหน่อยจะได้ไม่ลืม ว่าต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง หรือเผื่อจะมี คนหลงทางเข้ามาอ่านเจอ อาจจะเป็นประโยชน์ได้บ้าง เพราะก่อนที่จะย้ายมาอยู่ ปักกิ่ง ก็ค้นหาข้อมูล แทบแย่ เหมือนกัน ว่าเขาต้องใช้ เอกสารอะไรบ้าง

VISA(L) หรือ วีซ่าคู่สมรส จะทำได้ก็ต่อเมื่อ ได้จดทะเบียนกันถูกต้องตามกฏหมาย ซึ่งกรณี ของคุณนาย Li จดทะเบียนสมรสที่เมืองไทย เลยต้องมีการแปล เอกสาร และ รับรองเอกสารด้วย เพื่อนำมาใช้ที่ปักกิ่ง

เอกสารที่ต้องเตรียมจากไทยก่อนไปปักกิ่ง
1. Passport เช็คดูว่า หมดอายุหรือยัง หรือว่าใครยังไม่มีก็สามารถไปทำได้ที่
กทม. >> กรมการต่างประเทศ(ชั้น 2 ซ้ายมือ)
ต่างจังหวัด >> ศูนย์ราชการของแต่ละจังหวัด
ระยะเวลาในการทำแค่ประมาณ 1 ชั่วโมงเท่านั้น แล้วมารับเล่มอีกที ประมาณ 1 อาทิตย์ ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 1,000 บาท/เล่ม
** แต่ก่อน รูปใน Passport จะเป็นภาพสี แต่เดี๋ยวนี้เขาเปลี่ยนเป็นภาพขาว-ดำ และหาก เล่มหมดอายุ จะไม่มีการต่ออายุ ทำใหม่เท่านั้น

2. VISA เมื่อมี Passport แล้วเราก็ต้องทำการขออนุญาติเจ้าของบ้านแต่ละประเทศ ก่อนที่จะไป บ้านเมืองเขา นั่นก็คือการขอ VISA นั่นเอง สถานฑูตจีนประจำประเทศไทย(อยู่แถวรัชดา นั่งรถไฟฟ้า MRT ก็สดวกมาก) ต้องไปช่วงเช้าเท่านั้น เพราะสถานฑูตเขาจะรับเรื่องเฉพาะช่วงเช้า
เอกสารที่ต้องเตรียมไปประกอบด้วย
- Passport(ตัวจริง และถ่ายเอกสาร หน้าที่มีรูปเรา)
- รูปถ่าย 2 นิ้ว 1 ใบ
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- แบบฟอร์มในการยื่นคำร้อง(ไปรับได้ที่หน้าประตูทางเข้าหรือเดี๋ยวนี้เขามีให้ดาวน์โหลด แล้ว)

พอยื่นเรื่องเสร็จเรียบร้อย ก็จะทำการนัดรับ Passport อีกครั้งหนึ่ง ณ วันที่ไปยื่นเรื่องยังไม่มี ค่าใช้จ่ายใด ๆ ค่อยไปเสียเงินวันรับเล่ม ใช้เวลาประมาณ 1 อาทิตย์ ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 700 บาท แต่ถ้าใครอยากได้ด่วน ค่าธรรมเนียมก็จะสูงขึ้นตามความด่วนที่ต้องการ

กรณีขอ VISA ประเภท L นั้น ทางสถานฑูตปรกติจะให้อยู่ได้ 60 วันนับจากวันเข้าประเทศ และหลังจากนั้นเราค่อยไปต่อ VISA เพิ่มที่ปักกิ่ง

3. แปลทะเบียนสมรส จากภาษาไทยเป็นภาษาอังกฤษ(คร.2) ทั้งด้านหน้าและหลัง จากกระทรวงการต่างประเทศ(กรมการกงศุล)
การแปลเอกสาร >> สามารถแปลเอง ก็ได้เพราะเดี๋ยวนี้มีตัวอย่างให้ ดาวน์โหลด เยอะมาก หรือถ้าไม่สดวกก็สามารถไปหาแปลได้แถว กรมการกงศุลต่างประเทศ(แจ้งวัฒนะ) ได้เลย เวลาเราเดินเข้าไป จะมีคนเข้ามาคุยกับเราเองว่า แปลเอกสารมั้ยกรณีต้องการด่วนก็ใช้บริการได้เพราะไม่เกิน 1 ชม. ก็จะได้แล้วเขาจะเอางานเราไปแปลข้างนอกไม่มีร้านประจำอยู่ที่นั่น
หรือถ้าไม่มั่นใจใน กรมการกงศุล ชั้น 1 จะมีร้านค้าสวัสดิการ มองจากด้านหน้าเหมือนขายหนังสือ ที่นั่นเขารับแปลเอกสารด้วย หน้าตาคนที่คอยรับงานอาจจะไม่ค่อยรับแขกเท่าไหร่ อาจจะเป็นเพราะว่างานที่นี่เขาเยอะ ส่วนมากจะไม่ได้ วันต่อวัน ต้องมารับอีก วันหนึ่งหรือ 2 วัน ซึ่งถ้าหากแปลไม่ถูกต้องยังไง เรายังหาตัวคนแปลเจอ
เอกสารที่ให้เขาไปแปลนั้น เตรียม COPY ให้ตัวจริงไม่ต้องให้ไป ทั้ง 2 แบบราคาพอ ๆ กันคืออยู่ที่แผ่นละประมาณ 400 บาท(อันนี้ขึ้นอยู่กับ รายละเอียดของเอกสารด้วย)

4. รับรองเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศ(กรมการกงศุล) ชั้น 3
เอกสารประกอบด้วย
- ใบยื่นคำร้อง
- ทะเบียนสมรส(คร.2) ตัวจริง Version ภาษาไทย
- ทะเบียนสมรส(คร.2) ตัวแปล Version ภาษาอังกฤษ
- สำเนาบัตรประจำตัวของเจ้าของเอกสาร(กรณีไม่ได้ไปด้วยตนเอง ต้องมีใบมอบอำนาจไปด้วย)
ใช้เวลาดำเินินการประมาณ 1 อาทิตย์เช่นกัน ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ ประมาณหน้าละ 200 บาท(ราคาไม่ค่อยไม่ค่อยมั่นใจเพราะทำนานแล้ว)

5. รับรองเอกสารจาก สถานฑูตจีนประจำประเทศไทย
เมื่อได้รับเอกสารที่ทำการรับรองจาก กรมการกงศุล เป็นที่เรียบร้อยแล้วต้องนำไปให้ สถานฑูตจีนประจำประเทศไทย รับรองอีกครั้งหนึ่ง
เอกสารประกอบด้วย
- เอกสารที่รับรองแล้วจาก กรมการกงศุล(ตัวจริง และสำเนา 1 ชุด)
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
ค่าใช้จ่ายในการรับรองเอกสาร อยู่ที่ชุดละ 700 บาท

เมื่อทำทุกขั้นตอนเสร็จเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ก็แพ็คกระเป๋าเดินทางไปปักกิ่งได้เลย

ขั้นตอนการต่อ VISA ที่ปักกิ่ง
1. เมื่อเข้าปักกิ่งแล้ว ต้องทำไปทำการแจ้ง(รายงานตัว) ที่สถานีตำรวจใกล้ที่พัก ภายใน 24 ชม. หากไม่ไปรายงานตัวจะเสียค่าปรับ และจะมีปัญหาตอนไปขอต่อ VISA
เอกสารที่ต้องเตรียมไป
- Passport
- รูปถ่าย 1 นิ้ว 1 ใบ
- ตัวเจ้าของบ้าน ที่เราแจ้งที่อยู่ในปักกิ่งไว้ ต้องไปรับรองเราที่สถานีตำรวจด้วย
- สำเนาทะเบียน ที่อยู่ในปักกิ่ง
** Passport & สำเนาทะเบียนเตรียม ถ่ายเอกสารไปด้วย อย่างละ 1 ชุด
ทางสถานีตำรวจจะออกเอกสารใบตอบรับการรายงานตัว ให้เรา 1 ฉบับ รอรับเอกสารได้เลย ไม่มีค่าธรรมเนียมใด ๆ ทั้งสิ้น
ประมาณ 1 อาทิตย์ จะมีตำรวจ โทรเข้ามาสอบถามว่ามีบุคคลนี้อาศัยอยู่บ้านหลังนี้จริงหรือไม่ และจะมาหาเราที่บ้านด้วย ตามที่อยู่ ทีแจ้งไว้เหมือนไปเยื่ยมเยียนเรามากกว่า ตำรวจค่อนข้างอัธยาศัยดี พูดจาไพเราะ ซึ่งจะขอดูแค่ Passport เราแค่นั้น ไม่มีการเซ็นต์เอกสารใด ๆ ทั้งสิ้น (ของเราระยะเวลาประมาณนั้น แต่ไม่แน่ใจว่า เขตอื่นใช้เวลานานกว่าหรือไม่)

2. เมื่อใกล้ครบกำหนด 60 วัน อย่างน้อยควรไปขอต่อ VISA ที่ ต.ม. ปักกิ่ง ก่อนสัก 1 อาทิตย์เพราะว่าใช้เวลา ยื่นเรื่อง 1 อาทิตย์ พยายามอย่าให้ VISA หมดอายุก่อนที่จะมาต่อ เพราะว่าค่าปรับสูงมาก 500 หยวน/วัน(ประมาณ 2,500 บาท/วัน)
เอกสารที่ต้องเตรียมไป
- Passport
- ทะเบียนสมรส ที่ทำการรับจากเมืองไทยมาแล้ว(กรมการกงศุล&สถานฑูตจีนประจำประเทศไทย)
- ใบรายงานตัว จากสถานีตำรวจ
- ทะเบียนบ้าน ที่เราพักอาศัย(ถ่ายเอกสารหน้าแรก และหน้าชื่อสามี ของเรา)
- บัตรประจำตัวประชาชน ของสามี
- รูปถ่าย 2 นิ้ว 1 ใบ

เอกสารทุกอย่างนำตัวจริงไปด้วย พร้อมเตรียมสำเนา 1 ชุด ตัวจริงยกเว้น Passport จะแค่ดูประกอบเท่านั้น จะเอาไปแค่ ฉบับสำเนา
ค่าธรรมเนียม ขึ้นอยู่ว่าต้องการเข้า - ออกประเทศกี่ครั้ง
1 ครั้ง/ปี ราคาอยู่ที่ 160 หยวน
2 ครั้ง/ปี ราคาอยู่ที่ 235 หยวน
และอื่นฯ อีกหลายแบบ

3. วันรับ Passport วันนี้เตรียมจ่ายเงินอย่างเดียว และที่สำคัญตอนไปรับต้องเตรียม ใบรายงานตัว จากสถานีตำรวจ ครั้งที่แล้วไปด้วย
เพราะหลังจากรับเล่ม เรียบร้อยแล้วต้องไปรายงานตัวต่อที่สถานีตำรวจใกล้บ้านอีกครั้ง หลังจากนั้นสถานีตำรวจจะทำการเปลี่ยนใบรายงานตัวให้เราฉบับใหม่

สำหรับใบรายงานตัว จากสถานีตำรวจนี้ ควรเ็ก็บคู่กับ Passport ไว้เพราะว่าถ้าเราเข้า - ออก ประเทศเมื่อกลับมาต้องมารายงานตัวภายใน 24 ชม. เหมือนครั้งแรกด้วย

***** แค่นี้เป็นอันเสร็จเรียบร้อย สามารถอยู่ปักกิ่งได้เลย แต่อย่าลืมวันหมดอายุ *****

เมื่อทำการอยู่ปักกิ่งครบ 5 ปี สามารถทำการขอ VISA แบบถาวรได้ คือไม่ต้องไปต่อทุกปี(เสียตังค์ทุกปี) เพียงแต่แค่ไปรายงานตัวเท่านั้น เอาไว้ครบ 5 ปีแล้วจะมาเขียนอีกครั้งหนึ่งว่าต้องเตรียมเอกสารอะไรบ้าง...แต่ว่า จะอยู่ถึง 5 ปีหรือเปล่าเนี่ย อยากกลับเมืองไทยม๊าก ๆ เลยคิดถึง เธอประเทศไทย

Create Date : 23 เมษายน 2553 Last Update : 23 เมษายน 2553 23:18:48 น. Counter : 9048 Pageviews.		22 comments
Share Tweet