จันทน์กะพ้อ บทที่ ๑
จันทน์กะพ้อกวาดสายตามองไปรอบกายขณะยืนรอรถไฟฟ้าที่ชานชลาผู้คนบางตาเมื่อเทียบกับภาพที่เคยเห็นคนแออัดรอรถไฟฟ้าแม้กระทั่งถนนเบื้องล่างที่เธอออกมาจากสถานีขนส่งกับเพื่อนสาวก็ถึงจะมีรถแล่นไปมาหากก็ไม่เห็นจะคับคั่งอย่างภาพที่เคยเห็นจากสื่อต่างๆ คนบ่ค่อยหลายเนาะรถก็บ่ค่อยติด จันทน์กะพ้อเอ่ยด้วยภาษาอีสานบ้านเกิดอย่างเคยชินความจริงเธอก็ใช้ทั้งภาษาไทยกลางกับภาษาถิ่นกับเพื่อนโดยเฉพาะพะนอขวัญซึ่งรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ก็นี่มันตอนบ่ายคนก็เลยอยู่ในตึกในออฟฟิศกันน่ะสิ เดี๋ยวตอนแลงๆเลิกงานจะรถเมล์รถไฟฟ้าก็แน่นกว่าปลากระป๋องซะอีก พะนอขวัญเอ่ยกลั้วหัวเราะตอบด้วยภาษาเดียวกัน จันทน์กะพ้อพยักหน้าเพื่อนคนนี้อยู่กรุงเทพฯ มาหลายปี เพราะเข้ามาเรียนมหาวิทยาลัยและทำงานตอนนี้เป็นนักออกแบบเฟอร์นิเจอร์เธอไม่ค่อยแปลกใจนักที่พะนอขวัญจะเลือกเรียนทางศิลปะและการออกแบบต่างจากเพื่อนในห้องคนอื่นๆเพราะถึงตอนมัธยมจะเรียนสายวิทยาศาสตร์แต่พะนอขวัญก็ออกจะ ติสส์มาแต่ไหนแต่ไร ไม่สิ...เรียกว่าเป็นมาตั้งแต่เด็กแล้วเพราะเธอกับพะนอขวัญนั้นเรียนด้วยกันมาตั้งแต่ประถม ส่วนเธอนั้นเลือกเรียนคณะวิศวกรรมศาสตร์ที่มหาวิทยาลัยในจังหวัดใกล้บ้านแล้วก็ยังทำงานอยู่ในเขตจังหวัดใกล้เคียงกัน แต่เธอกับพะนอขวัญก็ยังติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ เป็นเพื่อนสนิทในแบบที่ไม่ต้องคุยกันทุกเรื่องไม่ต้องรู้ทุกอย่าง ไม่ต้องเจอกันบ่อยๆ แต่ถ้าเมื่อไรที่มีปัญหาสามารถคิดถึงอีกฝ่ายได้ทันที ดีที่แพงซิ่งพี่ตองไปทำงานทุกวันสินะ จันทน์กะพ้อจำได้ว่าเพื่อนสาวถ่ายรูป รถคันแรกของตัวเองอวดเพื่อนๆแทนที่จะเป็นรถเก๋งป้ายแดงอย่างเพื่อนคนอื่นที่พอเริ่มทำงานก็เริ่มซื้อรถใช้กันแต่กลับเป็นเวสป้าสีเขียวตองอ่อนที่เจ้าตัวตั้งชื่อให้ว่า พี่ตอง หากก็สมกับเป็นพะนอขวัญแล้ว ก็ใช่สิ...การไม่ต้องเสียเวลาบนถนนทุกเช้าทุกเย็นเป็นเรื่องดีจะตาย...เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้ตั้งเยอะ พะนอขวัญพยักหน้าเธอเลือกที่พักอยู่ใกล้ที่ทำงานและใช้เวสป้าซอกแซกไปตามซอยต่างๆทำให้ประหยัดเวลาไปได้มาก ก็ถูกของแกนะ จันทน์กะพ้อพึมพำ เพราะตอนนี้แม้จะเป็นต่างจังหวัดแต่ในเขตตัวเมืองใหญ่ก็มีปัญหารถติดเช่นกัน แม้จะไม่ได้สาหัสเช่นกรุงเทพฯแต่ก็ชวนให้หงุดหงิดบ้าง และเธอเองก็ต้องมาผจญกับรถติดที่กรุงเทพฯอย่างน้อยก็ตั้งสองปี เออ...แล้วนี่แพงต้องกลับเข้าออฟฟิศอีกบ่ จันทน์กะพ้อถามอย่างนึกขึ้นมาได้เพราะเมื่อเช้านี้พะนอขวัญก็ยังเข้าไปทำงานหากเธอยืนยันว่าจะไปรับเธอที่สถานีขนส่ง บ่แล้ว...โดดเลย เฮ้ย...จริงเหรอ จันทน์กะพ้ออุทาน ล้อเล่น...ลาตอนบ่ายไว้แล้ว พะนอขวัญพูดยิ้มๆ แววตาแจ่มใส แหมๆเพื่อนอ้ายเข้ากรุงครั้งแรก จะปล่อยให้เปล่าเปลี่ยวอ้างว้างเดียวดายได้ยังไงล่ะจ๊ะนี่คำแพงคนสวยและใจดีมากนะ อ่า...ที่สุดล่ะเพื่อนฉันทั้งสวยและใจดี แถมมีแฟนหล่อและรวยมากด้วยจันทน์กะพ้อลากเสียงหลิ่วตาล้อเลียนเพื่อนสาวที่เพิ่งจะมีความรักกับชายหนุ่มแสนเพอร์เฟคแม้จะบังเอิญได้พบกับแฟนของเพื่อนสาวแล้วเมื่อไม่นานนี้ที่บ้านเกิดแต่ก็ยังไม่ทันได้ทำความรู้จักมากนัก เท่าที่เห็น พี่ใหญ่ก็หล่อสมคำล่ำลือ มาดเหมือนพระเอกละครอย่างที่เนตราเพื่อนสนิทอีกคนซึ่งเป็นคนแถลงข่าวให้เพื่อนๆรู้แทนเจ้าตัวพูดไม่มีผิด เพียงแต่...พี่ใหญ่คนนั้นทำให้เธอนึกถึง ใครบางคน... ไม่ต้องมาแซวเลยของอ้ายเถอะเมื่อไหร่จะเปิดตัวสักที อ้ายเนี่ยนะ...จะเอาอะไรมาเปิด จันทน์กะพ้อตอบกลั้วหัวเราะ ก็ไม่เคยตั้งใจจะอยู่เป็นโสดอะไรหรอกนะเพียงแต่ไม่มีใครผ่านเข้ามาก็เท่านั้น หากเธอก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไรหรอกนะ ถึงจะไม่มีแฟนก็มีความสุขดี จริงน่ะ... พะนอขวัญทำเสียงไม่ค่อยเชื่อถือนัก แม้เจ้าตัวจะพูดเสมอว่าไม่มีแฟนก็ตามแต่เพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกับจันทน์กะพ้อก็บอกว่าเจ้าตัวมี เพื่อนสนิท อยู่คณะเดียวกันนั่นแหละ ก็ไม่รู้จะปิดทำไมนี่นะแต่มันไม่มีต่างหากเล่า จันทน์กะพ้อยักไหล่เคยมีกับคนอื่นเขาที่ไหนล่ะแฟนน่ะแต่ถ้าคนที่คนอื่นเข้าใจว่าเป็นแฟน...ก็คงพอจะมีล่ะมั้ง แต่นั่นก็เพื่อนกันเท่านั้น...แถมตอนนี้ยัง เฮอะ! อ้าว...รถไฟฟ้ามาพอดีไปเหอะ...เดี๋ยวหาอะไรกินกันด้วย พะนอขวัญหันไปมองรถไฟฟ้าที่แล่นเข้ามาจอดเทียบชานชลา จันทน์กะพ้อก้าวตามเพื่อนสาวเข้าไปในรถไฟฟ้า ชีวิตคนกรุงเทพฯ เริ่มต้นแล้วสินะ อพาร์ตเมนต์ของพะนอขวัญก็ไม่ได้ต่างจากห้องพักที่เธอใช้ระหว่างทำงานนักเหมาะสำหรับอยู่คนเดียว พะนอขวัญบอกว่าอยู่ไม่ไกลจากที่ทำงานสามารถเดินทางได้สะดวกด้วย พี่ตอง เวสป้าสีเขียวตองอ่อนที่เจ้าตัวแสนจะรักเธอเห็นแล้วก็อยากจะขอยืมไปขี่อยู่เหมือนกัน จันทน์กะพ้อวางกระเป๋าไว้ข้างตู้เสื้อผ้าแล้วทรุดนั่งลงที่โต๊ะทำงานเพื่อนสาวซึ่งมีกองกระดาษวางซ้อนๆ กันอยู่อย่างไม่เป็นระเบียบนัก หากก็ไม่ได้รกระเกระกะ เป็นไงเหนื่อยไหมอยากนอนพักหรือว่าอยากไปไหน บอกได้เลยนะ ไม่ต้องเกรงใจพะนอขวัญทรุดนั่งลงบนเตียงพลางเอ่ยกับเพื่อนสาวเมื่อกี้พวกเธอแวะกินก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยที่อยู่ใกล้ๆ อพาร์ตเมนต์แล้วความจริงแถวๆอพาร์ตเมนต์ของเธอนั้นมีร้านอาหารหลากหลายสัญชาติและหลากหลายระดับราคาแต่จันทน์กะพ้อบอกว่าขอกินอะไรที่มันง่ายๆ เร็วๆ ก็แล้วกัน บ่อยากนอนแต่ก็บ่รู้ว่าจะไปใด๋ดี งั้นก็ไปร้านกาแฟ จันทน์กระพ้อยิ้มกว้างพยักหน้าตกลง ดีๆตอนนี้คาเฟอีนในเส้นเลือดต่ำสุดๆ แล้ว พะนอขวัญหัวเราะคำพูดของเพื่อนก่อนที่จะขอตัวเข้าห้องน้ำ ส่วนจันทน์กะพ้อกวาดสายตาไปรอบๆ ห้องก่อนจะหยุดลงที่กองกระดาษบนโต๊ะทำงาน กองหนึ่งเป็นกระดาษร่างแบบตัวการ์ตูนพะนอขวัญเคยบอกไว้ว่าเพนต์เสื้อขายกับเพื่อน เห็นตัวการ์ตูนแล้วก็อดยิ้มไม่ได้บางทีเห็นจะต้องอุดหนุนเพื่อนสักหน่อยแล้วเพราะเธอก็ชอบสวมเสื้อยืดและสิ่งที่ดึงดูดความสนใจอีกอย่างก็คือแผ่นกระดาษสีชมพูแบบต่างๆ จะแจกการ์ดแล้วเหรอเพื่อน...มาเร็วเคลมเร็วเลยนะเอ่อ...พี่ใหญ่ใช่ไหม จันทน์กะพ้อร้องเย้าเมื่อเพื่อนสาวออกมาจากห้องน้ำหยิบการ์ดขึ้นมาโบก หึๆ ไอ้บ้าอ้ายช่วยดูชื่อเจ้าบ่าวเจ้าสาวด้วย พะนอขวัญโคลงศีรษะรู้ว่าเพื่อนสนุกที่ได้กระเซ้าเย้าแหย่เห็นทีเธอก็จะเจอแบบนี้ไปอีกพักใหญ่นั่นแหละ จันทน์กะพ้อหัวเราะเธออ่านตั้งแต่แรกแล้วว่าเจ้าบ่าวเจ้าสาวก็คือเพื่อนร่วมห้องตอนมัธยมปลาย อึดจริงๆ นะไอ้สองคนนี้ นั่นสิ...แต่ก็ดีแล้วล่ะพะนอขวัญเห็นด้วย คู่รักวัยเรียนที่หลายๆ คนมองว่าจะไปกันรอดหรือเปล่าแต่เวลาผ่านไปหลายปีแม้จะหวานบ้างทะเลาะกันบ้างหากก็ยังคบกันยืดยาวจนกระทั่งประกาศแต่งงานเป็นคู่แรกของห้อง เธอจึงรับปากเพื่อนทันทีที่ขอร้องให้เธอช่วยออกแบบการ์ดงานแต่งงานให้ แล้วเลือกแบบไหนล่ะจันทน์กะพ้อถาม เพราะมีตัวอย่างการ์ดอยู่สามแบบแต่ละแบบก็ดูสวยแล้วยังจับบุคลิกของเพื่อนทั้งสองใส่ลงไปได้อย่างลงตัว กำลังตัดสินใจอยู่ไม่รู้ว่าทะเลาะกันไปกี่รอบแล้ว พะนอขวัญตอบกลั้วหัวเราะ มันก็ทะเลาะกันทุกเรื่องนั่นแหละแต่ก็รักกันทนกันมาได้ จันทน์กะพ้อส่ายหน้า วางการ์ดลงบนโต๊ะก่อนจะหันไปสบตาเพื่อนสาว อยากเห็นการ์ดของแพงด้วย ไปร้านกาแฟเหอะ...คาเฟอีนในเลือดต่ำทำให้คนฟุ้งซ่าน จันทน์กะพ้อหัวเราะเสียงดังเมื่อถูกเพื่อนเปลี่ยนเรื่องแต่ก็ไม่คัดค้าน หยิบเพียงกระเป๋าเงินและโทรศัพท์ออกมาจากเป้สอดไว้ในกระเป๋ากางเกงยีน เพราะไม่ชอบถืออะไรพะรุงพะรังสายตาเหลือบไปที่การ์ดสีชมพูหวานอีกครั้ง เปลี่ยนจากเพื่อนกลายเป็นคนรัก...เป็นคู่ชีวิต...อย่างนั้นหรือ ร่างสูงโดดเด่นที่ก้าวเข้ามาในบริเวณสนามบาสเก็ตบอลในยิมเนเซียมของสปอร์ตคลับเรียกทั้งสายตาและเสียงซุบซิบได้ทุกครั้งโดยเฉพาะสาวๆที่มารอแฟนริมสนามต่างก็มองไปยังร่างสูงทั้งอย่างเปิดเผยและไม่เปิดเผย ไอ้คุณชายชัวร์ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผิวเข้มซึ่งกำลังวอร์มร่างกายอยู่ริมสนามรอเวลาเอ่ยกับเพื่อนอีกคนก่อนจะหันไปมองก็เป็นอย่างที่คาดไว้ คนที่เรียกปฏิกิริยาจากสาวๆ ก็คือเพื่อนสนิทที่ได้รับฉายาว่าไอ้คุณชาย มาตั้งแต่เรียนปีหนึ่งในมหาวิทยาลัย ไอ้เด็กกรุงเทพฯ สูง ขาว หน้าหล่อแถมด้วยมาดคุณชายสุดๆ ที่เห็นแวบแรกแล้วชวนหมั่นไส้ เออ...มีคนเดียวล่ะ มาทีกลบรัศมีกูหมดวิชชาเหลียวมองตาม ก็เห็น ไอ้คุณชาย โบกไม้โบกมือให้พร้อมกับเร่งฝีเท้าเข้ามาหา มึงก็อีกคนล่ะไอ้วิช...ไม่รู้ว่ากูคิดถูกหรือผิดที่เป็นเพื่อนกับพวกมึงทำเอาความหล่อกูแทบหายขันติแทบอยากจะค้อนให้เพื่อนซึ่งเพิ่งรู้จักกันไม่นานนี้เอง รูปร่างหน้าตาก็พอฟัดพอเหวี่ยงกับไอ้คุณชายนั่นแหละจนเขาอยากจะให้ฉายาว่า ไอ้เทพบุตร คู่กับไอ้คุณชายดังนั้นความซวยก็ตกอยู่ที่เขา ถ้าอยู่คนเดียวสาวๆ ก็คงจะมองหนุ่มใต้ผิวเข้มหน้าเข้มอย่างเขาอยู่บ้างหรอก แต่เมื่อมายืนเทียบกับไอ้คนกรุงเทพฯหน้าหล่อสองคนนี่...ไม่อยากจะพูด เออ...โทษทีว่ะที่เกิดมาหล่อเกินวิชชาเอ่ยกลั้วหัวเราะก่อนจะรีบกระโดดหลบลูกถีบของขันติซึ่งกำลังหมั่นไส้คนหล่อสุดๆ เออ...ไอ้หล่อ...ไอ้เทพบุตรขันติลากเสียง ขอบใจที่ชมกูนะไอ้ขันคนที่เป็นเป้าสายตาของสาวๆ มาหยุดอยู่ตรงหน้าทั้งสอง พร้อมกันรอยยิ้มกว้างมองเพื่อนทำร้ายร่างกายกันอย่างขำๆ กูไม่ได้ชมมึงไอ้คุณชายขันติแสยะยิ้มมองร่างสูงประเปรียวของเพื่อนสนิทที่มาในชุดสำหรับเล่นบาสเก็ตบอลเช่นเดียวกับคนอื่นๆแต่กลับดูดีเกินหน้าเกินตาคนทั้งสนามความจริงไม่ว่าจะแต่งตัวยังไงเขตชลก็ดูดีเกินไป ตั้งแต่รู้จักกันมาก็หาคนข่มหมอนี่ลงไม่ค่อยได้หรอก มันชมกูต่างหากวิชชารีบต่อคำทั้งที่ยังหัวเราะร่วนมองเพื่อนที่พักหลังหันกลับมาสนิทกันยิ่งกว่าแต่ก่อน เขารู้จักเขตชลมานานเนื่องจากครอบครัวรู้จักกัน เรียนโรงเรียนเดียวกัน จนมัธยมปลายก็อยู่ห้องเดียวกันหากไม่ได้สนิทกันเป็นพิเศษ จนกระทั่งแยกย้ายกันไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยคนละที่ หลายปีจึงได้กลับมาพบกันอีก มาช้านะไอ้เขต เขายักคิ้ว เออ...โทษทีว่ะ กูพยายามรีบแล้วแต่คนอื่นไม่ยอมรีบตามกู เขตชตเอ่ยขอโทษเพื่อนทั้งสองที่มาช้ากว่าเวลาที่นัดกันออกจากห้องประชุมได้กูก็รีบบึ่งมานี่แหละ ขันติกับวิชชาหัวเราะท่าทางเซ็งๆของเชตชล รู้สึกว่าช่วงนี้เขตชลจะมีประชุมบ่อยมากเพราะถูกดึงให้รับผิดชอบงานมากขึ้นแม้เจ้าตัวจะบ่นยังไงก็เห็นตั้งใจทำงานอย่างมาก เออๆ มารีบมาวอร์มก่อนเดี๋ยวจะได้เวลาพวกเราแข่งแล้ว ขันติบุ้ยใบ้ไปยังสนามซึ่งกำลังมีการแข่งขันบาสเกตบอลแบบสามต่อสามซึ่งเป็นกิจกรรมพิเศษของสปอร์ตคลับในช่วงนี้ สามหนุ่มแทคมือกันเมื่อนกหวีดหมดเวลาดังขึ้นพวกเขาเป็นฝ่ายชนะคู่แข่ง ขณะเดินออกจากสนามก็มีเสียงตอบมือและกรี๊ดจากบรรดาสาวๆแต่วันนี้ยังเหลืออีกนัด พวกเขาจึงมานั่งพักรอข้างสนาม ขอบคุณครับเขตชลเอ่ยกับสองสาวสวยที่ถือขวดน้ำเข้ามาให้พวกเขาทั้งสามเขาโปรยยิ้มนิดหน่อยก่อนจะเอ่ย ขอพวกเราพักกันก่อนนะครับ พวกเราเชียร์อยู่นะคะสองสาวยิ้มหวานก่อนจะถอยออกไปให้สามหนุ่มยืดกล้ามเนื้อหลังจากเพิ่งแข่งมาพวกเธอเคยลองคุยกับสามหนุ่มอยู่หลายครั้ง แม้ว่าจะคุยกันได้แต่สามหนุ่มก็ไม่มีท่าทีจะสานต่อแต่ว่าพวกเธอก็ยังอยากลองอยู่บ่อยๆ หึๆไม่แน่ใจว่าจะดีใจหรือเสียใจที่มีพวกมึงอยู่ด้วยขันติรับขวดน้ำมาเปิดดื่มเมื่อสองสาวกลับไปในกลุ่มของพวกเธอที่อยู่ห่างออกไปแต่ยังส่งสายตามาอยู่เรื่อยๆ อะไร...ยังไม่ชินอีกวิชชาเอ่ยกลั้วหัวเราะ ขันติชอบบ่นอยู่เรื่อยๆ ที่สาวๆเข้ามาเพราะเป้าหมายอยู่ที่เขตชลแล้วตอนนี้มีเขาเพิ่มขึ้นมาด้วยเพราะตั้งแต่ยังเป็นเด็กขาสั้นผมเกรียนเขตชลก็เป็นที่นิยมในหมู่สาวๆ อยู่แล้วถึงแม้ว่าพวกเขาจะเรียนโรงเรียนชายล้วนก็ตาม ตอนแรกที่เขตชลชวนเขามาเล่นบาสเกตบอลก็ทำเอาเขาแปลกใจอยู่มากเพราะเขตชลที่เขารู้จักเมื่อก่อนนั้นแทบจะไม่ทำกิจกรรมอะไรที่ต้องเสี่ยงให้นิ้วบาดเจ็บเลยบาสเก็ตบอลนี่อย่างมากก็แค่ในคาบเรียน แต่ไม่เคยเห็นเขตชลเล่นนอกเวลาเหมือนเพื่อนๆคนอื่น แต่เมื่อเห็นฝีมือแล้วก็ใช้ได้เลยทีเดียว แสดงว่าเวลาที่ผ่านมาก็คงทำให้อะไรๆเปลี่ยนไปได้ ความจริงเรื่องที่ทำให้คนที่รู้จักเขตชลเมื่อก่อนแปลกใจมากก็คงเป็นตั้งแต่เขาเลือกเรียนวิศวกรรมศาสตร์แล้วแถมยังไปเรียนต่างจังหวัดอีกด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเขตชลคิดอะไรและเจ้าตัวก็ไม่เคยเอ่ยอะไรกับการตัดสินใจครั้งนั้น ถึงจะแปลกใจ แต่วิชชาก็คิดว่าใครๆก็ต้องมีเหตุผลของตัวเอง บางทีเขตชลอาจจะติสส์แตกเอาช่วงนั้นก็ได้ ชินก็ชินล่ะวะขันติแสร้งถอนหายใจ ก็เป็นเรื่องปกติล่ะเขากับเขตชลรู้จักกันตอนเป็นเฟรชชี่วิศวกรรมศาตร์ในมหาวิทยาลัยใหญ่ของภาคอีสานแวบแรกที่เห็นไอ้เด็กกรุงเทพฯ หน้าหล่อ ท่าทางสุภาพ มาดดี ขับรถหรูมาเรียนแล้วยังที่รุ่นพี่ลือกันว่าคะแนนสอบที่ยื่นมานั้นติดอันดับท็อปของคณะเรียกว่าเลือกเรียนที่ไหนก็ได้ เขาก็หมั่นไส้เอามากๆ เลยทีเดียว แต่พอมารู้จักตัวจริงของเขตชล...มันยิ่งกว่าภาพลักษณ์อีกที่เห็นในตอนแรก คนอะไรวะ...โคตรเพอร์เฟกต์ แล้วไอ้มาดนิ่งๆ เนี้ยบๆ อย่างกับสุภาพบุรุษในฝันนั้นก็ไม่ใช่การเก๊กท่าแต่เป็นท่าทางธรรมชาติของเจ้าตัว เหมือนโตมาในแบบนั้นรวมทุกสิ่งทุกอย่างแล้วเพื่อนๆ ก็เลยให้ฉายาว่า คุณชายเขตชล แต่ต่อมาคุณชายก็เริ่มมีวิวัฒนาการตามเพื่อนๆในคณะ รถหรูที่เห็นขับมาตอนแรกก็ถูกจอดทิ้งไว้ที่ใต้คอนโด...ไอ้คุณชายมันไม่ได้อยู่หอพักธรรมดาๆแบบนักศึกษาทั่วไป แต่เช่าห้องชุดในคอนโดมิเนียมที่ขึ้นชื่อว่าหรูที่สุดในตอนนั้นแล้วหันมาขับมอเตอร์ไซต์กลางเก่ากลางใหม่แทน ไอ้ท่าทางสุภาพๆ เนี้ยบๆก็เริ่มเถื่อนขึ้นตามลำดับ แต่สาวๆ กลับยิ่งกรี๊ดเรียกว่าสี่ปีนั้นไม่มีใครฮอตเกินหน้าเขตชล สรุปว่า...ถึงจะน่าหมั่นไส้แค่ไหนแต่เขตชลก็เป็นเพื่อนที่ดีเลยก็คบกันมาได้จนป่านนี้ แม้ว่าหลังเรียนจบก็แยกย้ายกันไปเขากลับไปทำงานกับครอบครัวที่ใต้ ส่วนเขตชลไปเรียนปริญญาโทต่อที่ต่างประเทศแล้วก็กลับมาทำงานในบริษัทของครอบครัว ซึ่งในแวดวงธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ย่อมรู้จักอังสนากรุ๊ป หนึ่งในยักษ์ใหญ่ของวงการนี้แม้จะแยกกันไปแต่ก็ยังติดต่อกันอยู่เสมอ หากเมื่อเดือนก่อนนี้เองเขาถูกครอบครัวส่งให้มาดูแลบริษัทที่กรุงเทพจึงได้กลับมาร่วมหัวจมท้ายกันอีกแล้วเขตชลก็แนะนำวิชชามาให้เขารู้จัก โปรไฟล์ของวิชชาก็พอๆกับไอ้คุณชายนั่นแหละ แต่ก็อดเบื่อพวกหล่อเกินหน้ากูไม่ได้ขันติปรายตามองเพื่อนทั้งสอง มึงก็ชอบบ่นว่ากูแต่กูก็เห็นมึงเปลี่ยนสาวตลอด เขตชลยื่นขาไปถีบเพื่อนอย่างหมั่นไส้ขันติกระโดดหนีหัวเราะร่วน พูดความจริงก็ชอบทำร้ายร่างกายเพื่อนตลอดเลยนะไอ้คุณชายเดี๋ยวกูฟ้องคุณนายใหญ่หรอก คดีมึงยิ่งเยอะๆ อยู่ด้วย คดีอะไร...หาเรื่องล่ะมึงเขตชลชักอยากเข้าไปซ้ำคนที่ลอยหน้าลอยตาพูด คราวนี้จะไม่ยั้งเท้าเลยทีเดียว โอ๊ะๆ ร้อนตัวนะไอ้คุณชายว่าแต่กล้าไปโผล่หน้าไปหาคุณนายใหญ่แล้วเรอะ ขันติยักคิ้วหัวเราะยั่วเพื่อนที่ทำท่าเหมือนอยากเข้ามาถีบเขาจริงๆ เออ...วันเสาร์มึงไปขอนแก่นกับกูเลย เฮ้ย...กูหูเฝื่อนไปหรือเปล่าวะขันติหยุดหัวเราะ มองหน้าเพื่อนอย่างประหลาดใจ ก่อนจะยิ้มกว้างเมื่อสบแววตาจริงจังของอีกฝ่าย ในที่สุดเขตชลมันก็ตัดสินใจได้สักที ให้กูถีบสักทีสองทีคงเป็นปกติล่ะวะเขตชลทำท่าขยับไปข้างหน้า ขันติจึงรีบกระโดดถอยหลังไปอีก เอะอะก็ใช้กำลังกูละสงสัยว่าไอ้ท่าทางคุณช้ายคุณชายแบบแต่ก่อนของมึงหายไปไหน หายไปเพราะคบเพื่อนแบบมึงไง อ้าว...ไอ้คุณชาย ไม่ต้องไปหาแล้ว...กูจะยุให้คุณนายใหญ่เขารับรักไอ้พี่หมอสักทีมึงรู้ไหมไอ้พี่หมอยังวนเวียนอยู่นะโว้ยไม่แน่นะ...บางทีคุณนายใหญ่เขาอาจจะใจอ่อนกับคุณหมอรูปหล่ออนาคตไกลก็ได้นะ กูจะเลิกเป็นเพื่อนกับมึงจริงๆละวะ ขันติหัวเราะจนแทบจะเอามือกุมท้องแม้จะขำสุดชีวิต แต่ก็รู้ว่าได้แต่พูดยั่วโมโหเพื่อนไปเท่านั้นแหละ เห็นไอ้คุณชายแสดงอารมณ์แล้วขำดี เออๆตอนนี้ช่างไอ้พี่หมอไปก่อนเถอะ เอาแค่มึงจะไปพูดยังไงกับคุณนายใหญ่ก็เรื่องใหญ่แล้วขันติโบกไม้โบกมือ มองสีหน้าเพื่อนแล้วก็อ่อนใจ ก็อยากคิดมากคิดนานเอง... เขตชลเผลอถอนหายใจ...เป็นเรื่องใหญ่อย่างที่ขันติว่านั่นแหละ ทั้งที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ว่าแต่...คุณนายเขาอยู่ที่ขอนแก่นใช่ไหมหรืออยู่ที่บ้าน โทรไปถามสิขันติหัวเราะสายตาเข่นเขี้ยวของเพื่อนสนิท เออๆ เดี๋ยวกูเช็กให้ไอ้คุณชายเอ๊ย...จะสมน้ำหน้าดีไหมเนี่ย หน้าตามึงบอกว่ามึงสมน้ำหน้ากู อะไร...กูจะคิดอย่างนั้นกับเพื่อนได้ไงใช่ไหมวะวิช วิชชาเลิกคิ้วเมื่อถูกลากเข้าไปในบทสนทนากะทันหันถ้าจับใจความไม่ผิด มันจะต้องเป็นเรื่องที่น่าสนใจมากๆ แน่นอน โดยเฉพาะ คุณนายใหญ่ที่ว่า อ้าว...กูอยู่ด้วยเหรอเนี่ยกูนึกว่าตัวเองเป็นอากาศธาตุซะอีก เขาเอ่ยกลั้วหัวเราะไม่ได้โกรธอะไรที่เหมือนโดนทิ้งไปชั่วครู่ แต่อยากรู้เรื่องมากกว่าท่าทางจะสนุกทีเดียว เออๆ โทษทีๆกูมัวแต่ตื่นเต้นเรื่องไอ้คุณชายขันติรีบขอโทษเพราะพูดแต่เรื่องที่รู้กันกับเขตชลแค่สองคนโดยลืมไปว่ามีเพื่อนอีกคนอยู่ด้วย ฮ่าๆ ไม่เป็นไร ไม่ซีเรียส ว่าแต่...ใครวะคุณนายใหญ่วิชชามองเพื่อนทั้งสองสลับกัน ขันติยิ้มกว้าง ส่วนเขตชลนั้นกึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง ขันติหัวเราะในลำคอก่อนจะเอ่ย อ๋อ...เพื่อนสนิทกูเองแล้วก็เพื่อนสนิทม้ากมากของไอ้คุณชายมัน
.....................................................................................งงงง
Create Date : 30 มีนาคม 2558 |
Last Update : 6 เมษายน 2558 21:31:16 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1439 Pageviews. |
|
|