จันทน์กะพ้อ บทที่ ๑๑
มาต่อแล้วค่ะ...
ยังไม่ถึงเวลาหิ้วชะลอมเข้าบ้านทรายทอง เอ๊ย บ้านเจ้าคุณปู่....^^
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
จันทน์กะพ้อ บทที่ ๑๑
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จก็เป็นเวลาพักผ่อนของบ้านพ่อกับแม่นั่งตรวจการบ้านนักเรียนพร้อมกับดูโทรทัศน์ไปด้วยแก้วพิกุลขึ้นไปทำการบ้านในห้องนอน ส่วนเธอกับตานั่งเล่นหมากรุกกันที่หน้าบ้านได้หลายกระดานตาจึงขึ้นไปพักผ่อนเพราะตาไม่ชอบนอนดึกจันทน์กะพ้อมานั่งดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนพ่อกับแม่ได้พักใหญ่ โทรศัพท์ของเธอก็มีสายเรียกเข้ามาจึงถือโทรศัพท์ขึ้นไปบนห้อง จันทน์กะพ้อทิ้งตัวเองลงบนเตียง วางโทรศัพท์ลงเขตชลวางสายไปแล้ว พรุ่งนี้เขามีประชุมแต่เช้า เธอรู้ว่าเขตชลทำงานหนักแม้เจ้าตัวจะไม่ค่อยเอ่ยถึงก็ตามอังสนากรุ๊ปเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ ทุกคนในแวดวงอสังหาริมทรัพย์รู้จักกันดีเธอก็เลยไล่ให้เขาไปอ่านรายงานเตรียมตัวประชุมเจ้าตัวแกล้งทำงอแงนิดหน่อยก่อนจะวางสายไปโดยดี ตั้งแต่ขอให้เธอรับสายเขา ก็โทรศัพท์มาโดยตลอดหรือไม่ก็ส่งข้อความหรือรูปการ์ตูนสติกเกอร์มาในโปรแกรมสนทนาเรียกว่าทั้งวันแทบไม่มีเวลาคิดถึงหรอก โผล่มาตลอด เขาทำตัวไม่ได้ต่างไปจากเมื่อก่อนเลย...เหมือนเขตชลที่เป็นเพื่อนสนิทคนนั้น จันทน์กะพ้อรู้ว่าตัวเองกำลังยิ้มอยู่เมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อก่อนตอนที่รู้จักเขตชลครั้งแรกเขาเป็นเพื่อนนักศึกษาที่โดดเด่นที่สุดในคณะเพราะหน้าตาและรูปร่างถ้าบอกว่าเป็นดาราหรือนายแบบก็เชื่อได้สนิทใจนอกจากนี้เขตชลยังขับรถคันหรูมาเรียนขณะที่นักศึกษาส่วนใหญ่ใช้รถมอเตอร์ไซค์บุคลิกท่าทางก็ดูดีกว่าคนทั่วไป เพื่อนๆ ก็เลยเรียกกันว่า คุณชาย เธอก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองกับเขาจะเกี่ยวข้องกันมากไปกว่าเรียนอยู่คณะเดียวกันชั้นปีเดียวกัน ไม่นึกว่าเธอจะต้องมาทำงานร่วมกับเขาเป็นตัวแทนคณะด้วยการเลือกของรุ่นพี่ เธอคิดว่าพวกรุ่นพี่จงใจเลือกเขตชลนั่นแหละ ส่วนเธอเป็นตัวแถมจากการที่เกิดวันเดียวกับเขา ๑๔ กุมภาพันธ์ ก็เป็นวันๆ หนึ่งนั่นแหละ แต่มันก็เรียกเสียงฮือฮาเพราะมันคือวันวาเลนไทน์ หากเธอก็ไม่คิดว่าตั้งแต่นั้นมาเขตชลจะกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนักศึกษาตลอดสี่ปีจนกระทั่งเรียนจบเขาก็หายวับไป กระทั่งวันรับปริญญาเขาก็ไม่ได้มา ...เขตชลเป็นไข้หวัดใหญ่ก่อนวันเดินทางต้องเข้าโรงพยาบาลที่ต่างประเทศทำให้กลับมาไม่ได้...ขันติบอกกับเพื่อนๆว่าอย่างนั้น ที่จริงถ้าเขามารับปริญญา...เธอก็ยังไม่แน่ใจว่าปฏิกิริยาของตัวเองจะเป็นยังไง จันทน์กะพ้อเลื่อนตัวเองขึ้นดึงลิ้นชักที่หัวเตียงแล้วหยิบกล่องเล็กๆ ออกมา แล้วเปิดดู... เหรียญสัญลักษณ์เกียร์ของคณะวิศวกรรมศาสตร์สองอันวางคู่กัน เป็นสิ่งได้รับมาหลังจากจบห้องเชียร์ของคณะ เป็นของรักของหวงอีกชิ้นหนึ่งของเธอ เพื่อนๆ ส่วนใหญ่มักจะร้อยใส่เป็นจี้ห้อยคอแต่เธอไม่สวมสร้อยคอจึงมักจะชอบร้อยกับสร้อยข้อมือในวันที่ต้องการกำลังใจเป็นพิเศษ ปกติก็จะเก็บไว้ในกล่องสำหรับเก็บของสำคัญคงเพราะว่าใส่บ้างเก็บบ้าง... ตอนปีสี่...มันหายไป จำได้ว่าเธอโวยวายและบ่นอยู่สองสามวัน แล้วเขตชลก็ยื่นเกียร์ให้มาบอกว่าเขาเจอมันที่ห้องคอนโดมิเนียม เธอไม่ได้สงสัยเพราะคอนโดมิเนียมของเขตชลนั้น เธอกับเพื่อนคนอื่นไปบ่อยๆเธอจึงเก็บไว้อย่างดี ไม่ได้หยิบออกมาใช้อีก เมื่อเรียนจบ...เขตชลหายเงียบไป เธอกลับบ้านและเริ่มทำงานด้วยความรู้สึกที่ปะปน...ทั้งโมโหและไม่เข้าใจ หากวันหนึ่งก็พบเกียร์อีกอันในถุงผ้าใบเล็กอยู่ในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือที่บ้าน จันทน์กะพ้อจำได้ว่าวันนั้นเอาแต่เพ่งมองเกียร์สองอันอยู่นาน บางคนอาจจะเห็นมันเป็นแค่สิ่งของธรรมดาๆชิ้นหนึ่ง แต่สำหรับเธอมันเป็นของสำคัญ และเขตชลเองก็เช่นกัน ขันติเคยแซวบ่อยๆว่าเขตชลไม่ให้เกียร์สาวคนไหนสักที ให้เกียร์...ก็คือให้ใจ ถ้าเจอคนที่ใช่ ก็จะให้ทั้งใจทั้งเกียร์ อีตาคุณชายตอบแบบน้ำเน่าสุดๆ หากแววตาของเขตชลในตอนที่พูดนั้น...ไม่ได้ล้อเล่นเลยสักนิด
อ้ายอ้าย...หลับหรือยังเสียงเคาะประตูต่อด้วยเสียงน้องสาว ทำให้จันทน์กะพ้อเก็บกล่องไว้ที่เดิมแล้วร้องบอกน้องสาวให้เข้ามา ว่าจังใด๋ จันทน์กะพ้อถามน้องสาว เหลือการบ้านอยู่สองข้อ อ้ายอ้ายสอนแก้วแหน่แก้วพิกุลมาพร้อมกับสมุดการบ้าน ขอร้องให้พี่สาวสอนการบ้านที่ยังไม่เสร็จ หืม...ฟิสิกส์จันทน์กะพ้อรับสมุดของน้องสาวมาดู โจทย์ที่ค้างไว้แก้วพิกุลเรียนดีและก็ขยันใช้ได้ อย่างน้อยก็ไม่ทำให้พ่อกับแม่ต้องห่วงเรื่องเรียนแต่เจ้าตัวก็ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าอยากจะเรียนต่อคณะอะไร หากก็ยังพอมีเวลาให้คิด แก้วพิกุลนอนคว่ำลงบนเตียงพี่สาวฟังจันทน์กะพ้อที่ค่อยๆ อธิบายอย่างใจเย็นและทำโจทย์ไปด้วยพี่สาวไม่เคยทำการบ้านให้ แต่ไม่เบื่อที่จะอธิบายจนเธอเข้าใจ เสร็จแล้ว...ขอบคุณจ้า แก้วพิกุลปิดสมุดยิ้มกว้าง เดี๋ยวอ้ายอ้ายก็บ่อยู่แล้ว บ่มีคนสอนการบ้าน แล้วผู้ใด๋โทรไปถามการบ้านตอนอ้ายอยู่อุดรจันทน์กะพ้อย้อนน้องสาวขำๆ ระยะทางไม่ได้เป็นอุปสรรคในการสอนการบ้านน้องหรอกยิ่งเดี๋ยวนี้มีโปรแกรมสนทนาผ่านอินเตอร์เน็ตยิ่งง่าย แก้วพิกุลหัวเราะ แต่ก็แอบใจหายเหมือนกันนะถึงแม้ว่าพี่สาวจะไปเรียนแล้วก็ทำงานอยู่ที่อื่นมานานแล้ว แต่ก็ดูเหมือนใกล้ๆนี่เอง แต่คราวนี้ไปอยู่กรุงเทพฯ แถมยังไปอยู่กับบ้านนั้นอีกต่างหาก เสียงเตือนจากโทรศัพท์มือถือของจันทน์กะพ้อดังขึ้นทำให้แก้วพิกุลอดหันไปดูไม่ได้ เพราะว่าอยู่ใกล้ๆ เธอนี่เอง ชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอทำให้เธอร้อง โอ๊ะๆ พี่อ้ายแม่นบ่น้อ จันทน์กะพ้อโคลงศีรษะใช้นิ้วชี้จิ้มหน้าผากน้องสาวเบาๆ ที่ชอบล้อดีนัก พี่อ้าย ที่แก้วพิกุลพูดนั้นไม่ได้หมายถึงตัวเธอ แล้วอีตาคุณชายนี่ก็...ไล่แล้วยังไม่เลิก
เขตชลหัวเราะเบาๆเมื่อได้รับข้อความตอบมาว่าถ้าไม่เลิก พรุ่งนี้จะไม่รับโทรศัพท์ ก็เลยต้องหยุดส่งข้อความแล้วเพราะจันทน์กะพ้อพูดจริงทำจริงเสียด้วย ยิ่งคุยก็ยิ่ง...อยากเจอ เขตชลมองหน้าจอโทรศัพท์ที่ตั้งเป็นภาพด้านหลังของหญิงสาวที่ย้อมด้วยแสงสีส้มพระอาทิตย์ตอนใกล้จะลับขอบฟ้าเป็นหนึ่งในไม่รู้กี่พันภาพที่เขาถ่ายไว้ตลอดเวลาสี่ปีภาพของจันทน์กะพ้อที่ทั้งยามเจ้าตัวรู้และยามเผลอ ภาพนี้ตอนที่พวกเขาอยู่ปีสี่...แถวๆบึงกว้างหน้ามหาวิทยาลัย เป็นรูปที่กลับมาดูอีกครั้งแล้วให้ความรู้สึกว่า...ตอนนั้นเขาคงไม่ได้มองจันทน์กะพ้อเป็นแค่เพื่อนแล้ว
จันทน์กะพ้อตื่นแต่เช้ามืดและออกไปวิ่งออกกำลังกายแม้เธอจะตื่นเช้าแล้วแต่คนในหมู่บ้านก็ตื่นเช้ากว่ามาก หมู่บ้านของเธอเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ห่างจากตัวจังหวัดสิบกิโลเมตร สามารถที่จะเข้าไปในเมืองได้สะดวกแม้ความเป็นอยู่จะเริ่มเปลี่ยนไปตามกาลเวลา หากก็ยังคงความเป็นหมู่บ้านอยู่มาก อ้าว...มาตั้งแต่มื่อใดล่ะอีหล่า มาแต่มื่อก่อนจ้ะยายจันทน์กะพ้อตะโกนตอบยายเฒ่าที่กำลังกวาดหน้าบ้านซึ่งเธอกำลังวิ่งผ่านแม้จะไม่ได้เป็นญาติกันแต่คนส่วนใหญ่ในหมู่บ้านก็รู้จักกันทุกคนรู้ว่าเธอไปทำงานที่จังหวัดอื่น เดี๋ยวนี้หมู่บ้านเองก็เริ่มกลายเป็นหมู่บ้านของผู้สูงวัยและเด็กคนวัยทำงานวัยหนุ่มสาวต่างก็ออกไปเรียนต่อหรือทำงานกันนอกจังหวัดอย่างเช่นตัวเธอไม่ใช่เพียงแค่หมู่บ้านเธอเท่านั้นแต่เป็นสิ่งที่ปรากฏทั่วไป พวกเพื่อนๆของเธอก็มีคนที่กลับมาทำงานบ้านเพียงไม่กี่คน ส่วนหนึ่งก็เพราะเรื่องงาน แต่ก็มีบ้างที่ตั้งใจไปอยู่ที่อื่นอยู่ที่ทางเลือกของแต่ละคน จันทน์กะพ้อวิ่งไปเรื่อยๆ อากาศตอนเช้าสดชื่นตั้งแต่เริ่มเล่นบาสเก็ตบอลตอนมัธยมต้น เธอก็วิ่งออกกำลังกายเป็นประจำเพราะต้องฟิตร่างกายให้แข็งแรงเช่นเดียวกับทักษะกีฬาที่ต้องฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอแม้เมื่อเรียนจบแล้วจะไม่ได้เล่นบาสเก็ตบอลอีกแต่ก็ยังวิ่งออกกำลังกายอยู่เหมือนเดิม ปกติเธอทำงานอยู่ขอนแก่นก็เลือกสวนสาธารณะใกล้ๆอพาร์ตเมนต์ หรือไม่ก็เข้าไปวิ่งในมหาวิทยาลัยบางทีก็ได้เจอรุ่นน้องหรือเจ้าหน้าที่คนรู้จักที่ยังอยู่ในมหาวิทยาลัยหากทุกครั้งก็จะถูกถามถึงใครบางคน ก็ตลอดสี่ปี่นั้น ทุกวันบนเส้นทางที่เธอวิ่งไปจะมีร่างสูงวิ่งเป็นเพื่อนอยู่ข้างๆ เสมอ ถึงเขาจะหายไปจากสายตาเธอ...แต่เขาก็ไม่ได้หายไปจากชีวิตเลยสักนิด
จันทน์กะพ้อวิ่งกลับมาที่บ้านก็เห็นตายืนรอเตรียมใส่บาตรที่บ้านเธอใส่บาตรเป็นประจำ ถ้าวันพระก็หิ้วปิ่นโตไปที่วัดเมื่อกี้เธอได้ยินเสียงระฆังดังมาจากวัดของหมู่บ้าน อีกสักครู่พระคงจะผ่านมาหน้าบ้านของเธอจันทน์กะพ้อไปล้างมือแล้วมายืนรอกับตา รอกันไม่นานหลวงตาแม่นเจ้าอาวาสซึ่งเป็นเพื่อนสนิทกับตาเมฆมาตั้งแต่เด็กก็นำพระและเณรอีกสามรูปเดินมา จันทน์กะพ้อช่วยตาใส่บาตร เสร็จแล้วจึงกรวดน้ำรับพร เห็นตาเมฆบอกว่าสิไปเรียนต่ออยู่กรุงเทพฯ ติหลวงตาแม่นถามหลังจากให้พรแล้ว จ้ะหลวงตา หลวงตามองเด็กที่ท่านเห็นมาตั้งแต่แบเบาะเพื่อนสนิทรักหลานสาวมากเป็นที่รู้กันในหมู่บ้านเรื่องราวในอดีตดูเหมือนจะผุดขึ้นมาอีกครั้งหลังจากเป็นตะกอนนอนนิ่งอยู่ก้นโอ่งมายี่สิบกว่าปีเท่ากับอายุของจันทน์กะพ้อนี่แหละ เอ้า...ให้โชคดีมีชัย เล่าเรียนจบไวๆจะเฮ็ดหยังกะตั้งสติ อย่าเอาแต่ตั้งทิฐิคือพ่อใหญ่เมฆเด้อ ท่านเอ่ยอย่างเป็นห่วง ตาเป็นอย่างไรหลานก็เป็นอย่างนั้นนั่นแหละ หลวงตาก็ซ่างว่าเนาะตาเมฆหัวเราะอย่างชอบใจที่ถูกเหน็บ ก่อนจะเหลือบมองผู้เป็นหลานสาว จันทน์กะพ้อพนมมือรับคำหลวงตา ก็...ไม่รู้จะทำได้มากแค่ไหน ปกติเธอก็ไม่ใช่คนทิฐิสูงอะไรยกเว้นก็เพียงแต่เรื่องเดียว กะแม่นนำที่ว่าบ่ล่ะหลวงตาย้ำว่าท่านก็ไม่ได้พูดผิดไป ตาเมฆหัวเราะไม่ค้านอะไร แล้วกะไปเอาฝ้ายอยู่วัดมาผูกแขนให้หลานนำเด้อท่านบอกให้ตาเมฆไปเอาฝ้ายสายสิญจน์ของท่านที่วัดมาผูกข้อมือให้หลานสาวแทนท่านด้วย ก่อนจะออกเดินต่อ ตาเมฆลูบศีรษะหลานสาวเบาๆ จันทน์กะพ้อถือถ้วยที่รองน้ำหยาดเมื่อครู่ไปเทยังใต้ต้นจันทน์กะพ้อที่มุมบ้านต้นไม้ชื่อเดียวกับตัวเธอที่ตาเป็นผู้หามาปลูกในปีที่เธอเกิดจันทน์กะพ้อมองน้ำที่ค่อยๆ เทลงบนพื้นพลางอธิษฐานถึงบิดามารดาทั้งสองที่เสียไปนานๆ ตาหรือพ่อพฤกษ์กับแม่อัญจะเล่าเรื่องพ่อแม่ให้ฟังสักครั้งเรื่องราวที่ตาชอบแกล้งพ่อก้องซึ่งมาจีบแม่บุษก่อนที่จะยอมรับในที่สุด ตามักจะเอ่ยถึงพ่อก้องแบบขำๆ ว่า ผู้บ่าวกรุงเทพฯ เฮ็ดหยังกะบ่เป็น
เขตชลแตะนิ้วที่แผงเหล็กเล็กๆ ข้างประตูรอสัญญาณเปิดล็อกประตูแล้วจึงเปิดประตูก้าวเข้าไปในห้องโถงของเรือนเล็ก...บ้านหลังนี้ที่สร้างขึ้นเมื่อพี่ชายคนโตกลับมาอยู่ที่เมืองไทยถาวรแต่ก็อยู่ในบริเวณเดียวกันกับบ้านไม้หลังงามที่พวกเขาโตมาเขากับแดนดินจึงย้ายจากเรือนใหญ่มาอยู่ด้วย เสียงน้ำกระทบกันแว่วมา เขตชลจึงเดินตัดห้องโถงและลงไปยังส่วนกลางของบ้านซึ่งเป็นสระว่ายน้ำ บ้านหลังนี้ผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมโดยมีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลางล้อมด้วยตัวบ้านทั้งสี่ด้านตอนนี้มีร่างสูงใหญ่ของพี่ชายคนโตกำลังแหวกว่ายอยู่กลางสระน่านฟ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อวาน แต่เขายังไม่ได้เจอเพราะไปค้างที่ห้องคอนโดมิเนียมส่วนตอนกลางวันก็ไปที่ไซต์ก่อสร้างไม่ได้เข้าบริษัท เขตชลนั่งลงที่เก้าอี้ริมสระข้างโต๊ะที่มีผ้าขนหนูและเสื้อคลุมของพี่ชายวางอยู่มองนกฟีนิกซ์สีทองที่สยายปีกกว้างบนแผ่นหลังพี่ชายคนโตสำหรับผู้ชายที่ดูเนี้ยบไปเสียทุกอย่างเช่นน่านฟ้า การมีรอยสักบนแผ่นหลังกว้างย่อมทำให้คนที่เห็นทั้งตกใจและแปลกใจมากน่านฟ้าดูเหมือนคนที่อยู่ในกรอบสังคมตลอดเวลา มีมารยาทงดงาม เป็นสุภาพบุรุษที่สาวๆใฝ่ฝัน แต่อีกด้านน่านฟ้าก็ยังเป็นตัวของตัวเองชนิดที่แดนดินเด็กติสต์ประจำบ้านยังแพ้ราบ สำหรับเขาแล้วน่านฟ้าเป็นพี่ชายที่ดีสุดเลยทีเดียว ไง...กลับบ้านได้นะเราน่านฟ้าทักน้องชายเมื่อขึ้นมาจากสระ เขารับผ้าขนหนูจากเขตชลมาเช็ดหน้าแล้วหยิบเสื้อคลุมมาสวม เขตชลหัวเราะ โดนเรื่องนี้เป็นประจำ หน้าตาสดใสนี่...มีเรื่องอะไรดีน่านฟ้าเอ่ยเย้า เขตชลเลิกคิ้ว...มองแววตายิ้มๆ ของพี่ชายไม่ใช่แค่ทักธรรมดา แต่ต้องมีความหมายซ่อนอยู่แน่นอน คุณแพงบอกอะไรไปบ้างล่ะไม่มีทางที่กลับมาแล้วน่านฟ้าจะไม่ไปรายงานตัวกับคนรักขนาดอยู่ห่างกันคนละทวีปยังห่วงและหวงเสียขนาดนั้น เขาและแดนดินก็เข้าใจดี...จึงไม่ปฏิเสธที่จะไปตามเฝ้าพะนอขวัญให้พี่ชาย เห็นพะนอขวัญเงียบๆ...แต่ก็เสน่ห์แรงไม่น้อย ไม่คิดว่านายจะเป็นคนใจเย็นขนาดนี้นะน่านฟ้าหัวเราะ ตบไหล่น้องชายเบาๆ เขตชลทำหน้ามุ่ย...อย่างที่แทบจะไม่มีใครได้เห็นนอกจากคนในครอบครัว บางทีน้องพี่ก็มีช่วงเวลางี่เง่าบ้างล่ะ น่าจะเป็นคำอธิบายตัวเขาได้ชัดเจนเลยทีเดียวล่ะ น่านฟ้าหัวเราะตอนนี้เขาได้คำตอบแล้วว่าทำไมบางเวลาถึงเห็นแววตาอ้างว้างและหม่นหมองของเขตชลโดยเฉพาะเสียงเปียโนที่บางครั้งก็เศร้าเหลือเกิน บางทีเขตชลก็คิดมากเกินไปนะ... ตอนนี้หายงี่เง่าแล้ว เขตชลพยักหน้า ต่อไปผมจะใจร้อนแบบนี่ใหญ่บ้างใครจะคิดว่าคนนิ่งๆ แบบพี่ใหญ่ พอเจอคนถูกใจแล้วจะลุยแบบไม่รีรอไม่แน่...พี่ใหญ่อาจจะแต่งงานภายในปีนี้เลยก็ได้ น่านฟ้าสบตาน้องชายยิ้มๆ ไม่ได้ใจร้อน...แค่อยากอยู่กับคนที่รักให้นานที่สุดน่านฟ้าตบไหล่น้องชายอีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นบ้านเพื่อไปเปลี่ยนชุด เขตชลมองตามร่างสูงของพี่ชาย แล้วหัวเราะเบาๆทั้งนึกทึ่งและนับถือเลยทีเดียว สำบัดสำนวน...จนไม่คิดว่าเรียนเมืองนอกตั้งแต่เด็กเลยนะ แต่ก็จริงอย่างที่น่านฟ้าพูด... อยากอยู่กับคนที่รักให้นานที่สุด ยิ่งอยากเจอหน้าจันทน์กะพ้อเสียตอนนี้เลย
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Ps... รู้สึกเหมือนพี่ใหญ่แย่งซีนนะ 555
Create Date : 18 พฤษภาคม 2558 |
Last Update : 18 พฤษภาคม 2558 19:35:19 น. |
|
8 comments
|
Counter : 3132 Pageviews. |
|
|