ดร.จิตรา ดุษฎีเมธา ประธานโครงการศูนย์ให้คำปรึกษาและพัฒนาศักยภาพมนุษย์
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว) ระบุคนในสังคมปัจจุบันถือเป็นเรื่องโก้หากมีแฟนมากกว่า 1 คน จนกลายเป็นแฟชั่น ส่งผลให้วัยรุ่นวัยเรียนหลายๆ คนอยากเลียนแบบผู้ใหญ่ หากิ๊กมาควง
ทั้งนี้ดร.จิตรากล่าวว่า
คนในปัจจุบันมีภาวะเครียดมาก บางครอบครัวพ่อบ้านหรือแม่บ้านไม่เข้าใจกัน ประกอบกับความรู้สึกผิดชอบชั่วดีความผูกพันของคนในปัจจุบันมีน้อยลง ใครที่มีผู้หญิงมากกว่า 1 คน หรือมีผู้ชายมากกว่า 1 คน
ซึ่งคนๆ นั้นไม่ใช่ภรรยาหรือสามีที่บ้านจะถือว่าเป็นเรื่องโก้ หรือที่เรียกกันว่ากิ๊ก นับเป็นเทรนใหม่ที่คนจำนวนมากพยายามอยากเลียนแบบ ใครที่ไม่มีกิ๊กก็พยายามหา
|
|
|
กระแสการมีกิ๊กยังลงไปสู่กลุ่มวัยรุ่น
เพราะเขามองว่าใครมีกิ๊กมาก มีคู่หลายคนถือเป็นความภาคภูมิใจแสดงให้เห็นว่าคนๆ นั้นมีสิ่งที่ดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องรูปร่างหน้าตา ตลอดถึงฐานะ ยิ่งโลกในปัจจุบันนี้เป็นโลกแห่งการสร้างภาพ ทุกคนชอบของสวยๆ งาม ดูดีแทบทั้งสิ้น
คนจำนวนมากที่ยอมรับการมีกิ๊ก
จะมองคนที่มีกิ๊กได้หลายๆ คนว่าเท่ห์ และถ้ายิ่งต้องหลบๆ ซ่อนๆด้วยแล้ว ยิ่งเป็นเรื่องน่าตื่นเต้น เร้าใจ
|
|
|
นอกจากนี้ดร.จิตรายังบอกอีกด้วยว่าการนำไปสู่การมีกิ๊ก
สาเหตุน่าจะมาจากสังคมทุกวันนี้
ทำให้คนเหงามากขึ้นกว่าเดิม บางครอบครัวแต่งงานแล้วแยกออกมาเป็นครอบครัวเดี่ยว อยู่กันสองคนสามีภรรยา มีความซ้ำซาก จำเจ ประกอบกับในบางครั้งคุยกันไม่รู้เรื่อง จึงทำให้ตัดสินใจออกไปหาความหลากหลายนอกบ้าน
|
|
|
ทุกวันนี้พฤติกรรมการมีกิ๊กขยายวงไปสู่คนทุกกลุ่มไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่น
คนหนุ่มสาววันทำงาน หรือคนที่มีครอบครัววัยผู้ใหญ่ คนแต่ละคนจะถูกตาต้องกายต้องใจ ถึงขั้นนอกใจอีกฝ่ายหนึ่งได้นั้น มาจากการได้เห็นรูปร่างหน้าตา บุคลิกลักษณะของอีกฝ่ายหนึ่งเป็นสำคัญ
ผู้ชายจำนวนมากเริ่มนอกใจภรรยา
หรือภรรยาเริ่มนอกใจสามี มาจากอยากมีคนคุย อยากมีใครสักคนที่คอยเป็นที่ปรึกษา สร้างความสบายกายสบายใจให้กับตัวเอง เพิ่มความชุ่มชื่นใจให้กับชีวิต ลักษณะที่ว่านี้อาจเริ่มต้นจากการพูดคุยที่เข้าใจ
เริ่มจากสัมพันธ์ทางใจกันก่อน
แต่ถ้ามีจังหวะ สถานที่ มีเวลา โอกาสที่เหมาะสม จากนั้นความสัมพันธ์ค่อยๆ ขยับมากขึ้นจากที่ไม่มีอะไรกันก็เริ่มเป็นความสัมพันธ์ทางกายและท้ายที่สุดลงท้ายลงด้วยการมีเพศสัมพันธ์กัน
|
|
|
บางครอบครัวสามีไปมีกิ๊กกับผู้หญิงคนอื่น
หรือภรรยาไปมีกิ๊กกับผู้ชายคนอื่น เป็นคำที่ฟังแล้วไม่แรงเท่ากับคำว่าว่า ชู้ หลายคนจึงพยายามใช้คำว่าไปมีกิ๊ก และเชื่อว่าการมีกิ๊กไม่ผิด เป็นการใช้คำพูดที่ป้องกันตัวเอง ให้ดูดีขึ้น
ในเชิงจิตวิทยาถือเป็นการป้องกันตัวเอง
เพื่อให้ตัวเองไม่ผิด มีความรู้สึกที่ดีขึ้น การมีกิ๊กบางคู่อาจจะไม่ต้องส่งเสีย หรือไม่มีพันธะผูกพันใดๆ ทั้งสิ้น แต่สำหรับบางคู่ต้องมีการเลี้ยงดู และรับผิดและรับผิดชอบด้วย
|
|
|
ดร.จิตรา กล่าวอีกว่า
ถ้าครอบครัวไหนรู้ความจริงว่าสามีหรือภรรยาตัวเองไปมีกิ๊กหรือนอกใจไปมีคนอื่น ไม่มีใครทำใจได้ ขณะที่กระแสของการมีกิ๊กเป็นที่ยอมรับได้ในคนกลุ่มหนึ่ง แต่คนที่มีพฤติกรรมลักษณะนี้สังคมก็ไม่ยอมรับ
เพราะลักษณะนี้ถือเป็นการนอกใจ เมื่อฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดรู้ความจริงจึงต้องมีการคุยกัน เพื่อให้เกิดความกระจ่าง ท้ายที่สุดลงท้ายด้วยการทะเลาะกัน
|
|
|
การมีกิ๊กทำให้เกิดปัญหาต่างๆ ตามมาได้
คือเกิดการมั่วเพศ เกิดโรคติดต่อ สร้างความร้าวฉานเกิดขึ้นในครอบครัว เกิดการทำร้ายร่างกายและที่สุดแล้วบางครอบครัวเกิดการหย่าร้าง ในบางครอบครัวที่ตกลงกันไม่ได้อาจนำพาไปสู่การแก้ปัญหาที่รุนแรง
มีการฆ่าอีกฝ่ายหนึ่งเกิดขึ้นจากนั้นฆ่าตัวเองตาม นำไปสู่ปัญหาอาชญากรรม
แนะนำว่าการสร้างความสัมพันธ์อันดีขึ้นภายในครอบครัวหรือคู่รัก
เป็นเรื่องสำคัญและจำเป็นมาก ทำอย่างไรจึงจะมีภูมิคุ้มครอบครัวตัวเอง ให้ห่างไกลพฤติกรรมกิ๊ก เป็นเรื่องของคนสองคนต้องช่วยกัน ดร.จิตรา กล่าวทิ้งท้าย
|
|
ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: ผู้จัดการออนไลน์
|
|
|
|