|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 |
|
|
|
|
|
|
|
สอนเด็กอ่อน กับสอนเด็กเก่ง
แรกเริ่มเดิมที บล็อกนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อไว้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างครูภาษาอังกฤษด้วยกัน หรือกับท่านที่สนใจเกี่ยวกับการเรียนการสอนภาษาอังกฤษ แต่ไปๆมาๆ ก็กลายเป็นบล็อกเรื่อยเปื่อยของจขบไป หลังเรียนจบมีเวลาพบปะเพื่อนพ้องร่วมอาชีพตามงานต่างๆมากขึ้น เลยได้โอกาสแนะนำบล็อกเรา จขบเลยตั้งใจว่าจะนำเรื่องราวที่น่าสนใจทั้งที่ เกี่ยวกับภาษาอังกฤษโดยตรงและเกี่ยวกับการเรียนการสอนมานำเสนอ เพื่อนๆท่านใดอ่านแล้วมีความคิดเห็นประการใด แสดงความคิดเห็นได้เลยนะคะ
ตอนนี้ จขบมีนักเรียนใหม่ เป็นนักเรียนม.2มาเรียนส่วนตัวที่บ้าน มาวันแรก เอาหนังสือทั้งอังกฤษหลัก อังกฤษอ่านเขียนที่เรียนตอนม.1มาให้ดู จขบดูแล้วรู้เลยว่า แกเป็นเด็กขยัน ก็มีร่องรอยการจดคำแปลศัพท์ซะเต็มหน้า จนลายพร้อยไปทั้งหน้า และเกือบแทบทุกหน้า จขบถามแกว่า หลังจากแปลศัพท์ที่ไม่รู้ความหมายทุกตัวแบบนี้ แล้วอ่านรู้เรื่องมั้ย แกก็ตอบตรงๆว่า ไม่ค่อยรู้เรื่อง ซึ่งเป็นคำตอบที่ จขบคาดเอาไว้แล้ว
ก็เลยบอกแกว่า ภาษาอังกฤษน่ะ มันมีอยู่สองแก๊งค์ใหญ่ คือแก๊งค์นามกับแก๊งค์กริยา... ที่อธิบายแบบนี้ก็เพื่อให้แกหาหลักยึด เพื่อจะเชื่อมโยงความรู้ใหม่เข้ากับความรู้เดิม ไม่ใช่เรียนนั่นนิด นี่หน่อย แตกกระสานซ่านเซ็น จัดหมวดจัดหมู่อะัไรในสมองไม่ได้เลย แฟนเราเจอแม่เด็ก แม่เด็กเล่าให้แฟนฟังว่า ลูกบอกว่า เรีบนภาษาอังกฤษมาก็เพิ่งจะเข้าใจตอนมาเรียนกับเรา
และจากการสอบถามพูดคุย เด็กรู้ศัพท์น้อยมาก เราเลยสอนแบบ เวลาทำแบบฝึกหัด ใช้วิธีให้แกเขียนตามคำบอก คำไหนเขียนไม่ได้ เราก็สะกดออกเสียงให้ฟัง(เด็กออกเสียงผิดเยอะมาก จะไปให้แกออกเสียงตามหรือแก้ให้ทุกครั้ง จะเป็นผลเสียมากกว่าดี เพราะแกเรียนกับเราคนเดียว จะทำให้แกรู้สึกอายได้ แต่ถ้าสอนทั้งห้องก็ให้เด็กออกเสียงตามได้) และภาษาที่ใช้ในแบบฝึกหัด ก็เลือกที่เด็กจะนำไปใช้ได้จริงในการสื่อสาร
จขบเคยมีนักเรียนส่วนตัวคนหนึ่ง สอนตั้งแต่ม.1 จนเรียนเตรียมฯ สอบเทียบได้ เรียนปีหนึ่งก็ยังสอนกันอยู่ ตอนนี้จบโทจากญี่ปุ่น ทำงานแล้ว คนนี้ตอนม.2 จขบสอนต่างจากคนปัจจุบัน เรียกว่าคนละเรื่องคนละวิธีเลย ไม่ต้องมานั่งเขียนตามคำบอกแล้ว ให้ทำแบบฝึกหัดจากชีท เอาเรื่องที่น่าสนใจจากนสพ.ภาษาอังกฤษ มาให้อ่านตั้งแต่เรื่องดาวหางไฮยากุตาเกะ จนประวัติ ลีโอนาโด ดาวินชีฯลฯ เรียกว่าได้ความรู้กันทั้งคนเรียนคนสอน
แต่ไม่ว่าจะสอนเด็กอ่อน เด็กเก่ง เราก็ต้องเตรียมการสอน เด็กอ่อนก็ต้องเตรียมว่า จะสอนอะไรต่อจากคราวก่อนให้มันเชื่อมโยงกัน จะ่ถ่ายทอดยังไงให้แกเข้าใจ แบบฝึกก็ต้องใช้คำศัพท์สำคัญที่แกยังจำความหมายไม่ได้ และใช้โครงสร้างภาษาที่สอนไปแล้วประกอบด้วย ยกตัวอย่างนะคะ เช่นครั้งก่อนๆสอนเรื่อง past simและcomparison ไปแล้ว คราวนี้สอนprep phrase ที่ทำหน้าที่ขยายได้ทั้งนาม และกริยา แบบฝึกหัดก็จะเป็นแบบนี้
My mother bought a few pomegranates from the farmer market.
The pomegranates from the farmer market are much cheaper than those from the supermarket.
เด็กเก่งเตรียมง่ายกว่ามาก แต่ก็ต้องเตรียม จะสอนอะไรก็แค่อ่านทำความเข้าใจซะก่อน เผื่อจะมีศัพท์สำคัญที่ยังไม่รู้ความหมาย แปลไม่ได้อธิบายไม่คล่องนี่เสียหายมาก ในความคิดของจขบ
Create Date : 04 มิถุนายน 2550 |
|
7 comments |
Last Update : 4 มิถุนายน 2550 14:00:50 น. |
Counter : 1936 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: Fleur Bleue (Fleur Bleue ) 4 มิถุนายน 2550 12:40:11 น. |
|
|
|
| |
โดย: engo 4 มิถุนายน 2550 13:41:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: ริมยมนา 4 มิถุนายน 2550 16:44:24 น. |
|
|
|
| |
โดย: Stricky-rice IP: 125.24.59.26 15 มิถุนายน 2550 3:46:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: เรน จัมโบ้ IP: 158.108.55.142 15 มิถุนายน 2550 15:09:20 น. |
|
|
|
|
|
|
|
แต่ตอนนี้เปลี่ยนอาชีพแล้ว
แต่ก็ยังไม่ทิ้งงานสอนซะทีเดียว เพราะใจก็ยังรักอยู่
ก็เลยยังรับJob สอนพิเศษตามโรงเรียนกวดวิชาอยู่บ้าง
บ่อยครั้งในสถานการณ์จริง ทฤษฎีการสอนที่มีอยู่เต็มหัว กลับนำมาใช้ไม่ได้เลย
ทฤษฎีนั้นเป็นหลักความคิดในอุดมคติ อาจนำมาใช้กับเด็กเก่งได้ แต่สำหรับเด็กอ่อนนั้น ครูต้องทำอะไรมากกว่านั้น
เด็กอ่อนสอนยากกว่าเด็กเก่งหลายเท่า
แต่การสอนเด็กอ่อนให้กลายเป็นเด็กเก่งได้นั้น
ก็น่าภูมิใจมากมายหลายเท่าเช่นกัน