Group Blog
ธันวาคม 2550

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
7
8
9
10
11
12
13
14
15
16
17
18
19
21
22
24
25
26
27
28
30
31
 
 
ทำยังไงสำเนียงภาษาอังกฤษถึงจะเป็นฝรั่ง? (ตอน 3: เป็นวิศวะแต่ไปเรียน speaking กับพวกเด็กอักษรฯ)
กลับมาเล่าต่อแล้วครับ...
หลังจากผมพลาดทุนไปเรียนต่อต่างประเทศตามที่เล่าไปแล้ว ก็เริ่มหันกลับมาฟิตภาษาอังกฤษจริงๆ จังๆ สักที เมื่อก่อนผมชอบสำเนียงภาษาอังกฤษของคุณศันสนีย์ เมอเล่อร์มาก ผมว่าคนรุ่นหลังนี้อาจจะไม่รู้จักเธอแล้ว เธอเป็นพิธีกรหญิงรายการตามไปดู หน้าตาไทยๆ แต่เมื่อได้เห็นเธอพูดภาษาอังกฤษเหมือนเจ้าของภาษาแล้ว รู้สึกว่าสำเนียงเธอเพราะจัง ฟังลื่นหู และมันทำให้เธอดูเท่ห์มีเสน่ห์มากๆ (เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ ว่าคนไทยที่พูดภาษาอังกฤษได้สำเนียงใกล้เคียงเจ้าของภาษา จะดูเท่ห์มากๆ) อยากพูดได้อย่างนี้บ้างจัง คงเท่ห์มาก พอเล่าให้เพื่อนสนิทฟัง ก็อย่างที่บอกแหละครับว่าเพื่อนพามารู้จักกับครูเคทเลยทำให้ได้ไปเรียนภาษาอังกฤษกับครูเคท (แนะนำให้อ่านตอน 1 นะครับจะได้ทราบว่าผมเจอครูเคทได้ยังไง?)

ช่วงแรกที่เรียนกับครูเคท ก็เรื่อยๆ ครับ ครูเคทสั่งให้ฝึกฝนเทคนิคต่างๆ เป็นการบ้าน ซึ่งผมก็ทำตามบ้าง ไม่ทำบ้าง(ถ้าขี้เกียจ) เลยไม่ค่อยเห็นผลชัดเจนเท่าไหร่ นึกย้อนกลับไปที่ผมพลาดทุนไปเรียนต่อต่างประเทศตอนเรียนอยู่ป.ตรี ปี 3 แรงฮึดของผมเกิดขึ้นตอนปี 4 (เพราะใกล้เรียนจบ ออกไปเผชิญโลกภายนอกตอนหางานทำ ต้องฝ่าฟันสู้กับบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยอื่นๆ) คือมีวิชา free elective ให้เราเลือกเรียนวิชาอะไรก็ได้ในมหาวิทยาลัย ซึ่งดูจากเพื่อนๆ ส่วนใหญ่จะไปเลือกวิชาที่ทำเกรดง่ายๆ เช่น เต้นรำ เป็นต้น ตอนแรกผมก็เกือบจะลงตามกระแสไปแล้วเชียว แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า มันมีบางวิชาในมหาวิทยาลัยที่ผมอยากรู้ว่า เค้าเรียนกันยังไง? ทันใดนั้นเอง ความคิด(อุตริ)ของผมก็เกิดขึ้นว่า ผมจะลงวิชาภาษาอังกฤษทั้งหมดให้ครบทุกทักษะเลย นั่นคือ reading, writing, speaking และ listening โดยบางตัวเรียนเกินหน่วยวิชาที่เค้ากำหนดเลยเอาแค่ผ่านหรือไม่ผ่านก็ได้ ซึ่งแน่นอนครับ ไม่มีเพื่อนวิศวะคนไหนมาลงเรียนกับผมด้วยแน่ๆ เพราะเกรดที่ได้อาจจะไม่ได้ A มาง่ายๆเหมือนกับพวกวิชาเต้นรำ งานนี้ผมเลยฉายเดี่ยว (และอาจตายเดี่ยว)

หลักสูตรการอ่านกับการเขียนก็เรียนรวมกับคณะอื่นๆ ทั่วไปโดยเน้น grammar ส่วนหลักสูตร speaking ต้องไปลงเรียนกับพวกเด็กอักษรศาสตร์รุ่นน้อง ผมคิดในใจ “ดีล่ะ! อยากรู้มานานละว่าพวกเด็กอักษรศาสตร์เค้าเรียนอะไรกัน? อาจารย์เค้าจะสอนยังไงให้เด็กจบออกมาใช้ภาษาได้คล่อง จบออกไปเป็นครูสอนภาษาได้เลย” พวกคุณก็คงอยากรู้ล่ะสิ? วิชา speaking ที่ผมเรียน มีอาจารย์ต่างชาติมาสอนก็จะเป็นแนวเล่นเกม เล่นละคร สวมบทบาทต่างๆ แล้วมาคุยกันเป็นภาษาอังกฤษ (คล้ายๆกับหลักสูตร Jack Jaguar ของครูเคทน่ะครับ สำหรับใครเคยผ่านหลักสูตรนี้มาจะจินตนาการออกว่าประมาณไหน?) ซึ่งผมก็เอาตัวรอดมาได้ แต่ก็สู้พวกเด็กอักษรเค้าไม่ได้หรอก เล่นละครอะไรอย่างนี้...เด็กวิศวะจะไปสู้เด็กสายศิลป์ได้ยังไง? แค่รอดมาได้ก็บุญแล้ว แต่พอมาถึงทุกวันนี้ ผมไม่เคยคิดเสียดายเลยที่ได้ลงวิชานี้เพราะมันเป็นการเปิดโลกทัศน์ของผมอย่างมาก แถมยังได้เรียนภาษาอังกฤษในราคาถูก (เพราะจ่ายแค่หน่วยกิต ซึ่งเมื่อก่อนถูกมากเมื่อเทียบกับไปเรียนพิเศษข้างนอก) นึกแล้วยังขอบคุณตัวเองที่คิดอะไรได้อย่างนี้ ไม่ทำตามกระแสชาวบ้านเค้าเท่าไหร่

อีกวิชาที่ทำเอาเสียวมากเหมือนกันคือ Listening ครับ เพราะบอกแล้วว่าภาษาอังกฤษผมปานกลางไม่ได้แย่นักแต่ก็ไม่ดีมากซักเท่าไหร่ วิชานี้ผมต้องลงเรียนกับนักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ซะส่วนใหญ่ ได้เข้าห้อง sound lab ทุกสัปดาห์เพื่อไปทำข้อสอบ TOEFL ในส่วนของการฟัง ส่วนคะแนนเหรอครับ ลุ้นทุกครั้งที่ประกาศคะแนน ไม่ใช่ลุ้นว่าเต็มหรือเปล่านะครับ แต่ลุ้นว่าจะตกหรือเปล่าต่างหาก! เพราะตอนนั้นฟังอะไรไม่ค่อยออกเลย ส่วนไอ้พวกเก่งๆ นะ มันจะทำคะแนนได้ไม่เต็มก็เฉียดเต็ม เด็กรัฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่ลงเรียนวิชานี้จะไฮโซครับ มีตังค์ไปเรียน summer ที่ต่างประเทศ ภาษาอังกฤษพวกนี้เลยหายห่วง แต่ในที่สุดผมก็ผ่านวิชานี้ได้มาอย่างหวุดหวิด

ใครกำลังเรียนมหาวิทยาลัยอยู่แล้วต้องเลือกเรียนวิชา free elective จะเอาวิธีผมไปใช้ก็ได้ ไม่สงวนลิขสิทธิ์แต่อาจจะต้องมีเกรดสะสมพอสมควรก่อนนะครับ (เผื่อได้เกรดไม่ดีจะมาโทษผมไม่ได้นะ) แต่มันจะทำให้คุณขยันเพื่อทำให้ผ่านมาให้ได้ และที่สำคัญคือได้เรียนภาษาอังกฤษในราคาถูกและได้มาตรฐานไงครับ

แล้วผมจะกลับมาเล่าต่อว่าจะทำยังไงให้พูดภาษาอังกฤษได้ดีและฟังออกในที่สุด ใกล้ถึงตอนนั้นแล้วครับ...โปรดติดตามตอนต่อไปเร็วๆ นี้ (ยิ่ง comment มาก ยิ่งได้อ่านตอนต่อไปเร็วครับ)



Create Date : 29 ธันวาคม 2550
Last Update : 29 ธันวาคม 2550 16:58:08 น.
Counter : 1907 Pageviews.

13 comments
  
หวัดดีค่ะ เพิ่งเข้ามาเมนต์ครั้งแรก
เวปนี้มีประโยชน์ดีนะคะ คือว่าอยากจะถามว่าพี่พอจะรู้เวป online dictionary ที่มี phonetics กำกับมั๊ยคะ
อย่าเพิ่งบ่นที่ใช้ดิกออนไลน์นะคะ พอดีเอาไว้ใช้เวลาที่ไม่ได้พกดิกเล่มใหญ่น่ะคะ โดยส่วนตัวแล้วก้อชอบเปิดจากดิกเล่มใหญ่เหมือนกันค่ะ
ปล แอบนอกเรื่องจากบล๊อคนิดนึง ไม่ว่ากันนะคะ
ขอบคุณล่วงหน้าค๊า
โดย: Tiang IP: 68.197.18.178 วันที่: 30 ธันวาคม 2550 เวลา:15:48:43 น.
  
ดีครับ เขียนได้หน้าติดตามดีครับ
รออ่านตอนต่อไปอยู่ครับ
โดย: เสือ IP: 125.24.31.230 วันที่: 30 ธันวาคม 2550 เวลา:21:53:46 น.
  
ติดตามทุกตอนเลยค่ะ มีประโยชน์มากๆ
โดย: nina IP: 125.24.82.188 วันที่: 3 มกราคม 2551 เวลา:17:19:16 น.
  
ตอบคุณ Tiang,
ลองเข้า //www.thefreedictionary.com ดูนะครับ มีเสียงฝรั่งให้เป็นตัวอย่างเลยไม่ต้องนั่งเทียบตัว phonetic เองครับ
โดย: Kru Fiat IP: 222.123.190.226 วันที่: 4 มกราคม 2551 เวลา:5:15:44 น.
  
ค่าๆๆ เข้ามาอ่านอีกตอนแล้ว อยากอ่านต่อไปแล้วง่ะ
โดย: Ann IP: 69.122.146.54 วันที่: 4 มกราคม 2551 เวลา:11:43:29 น.
  
รอติดตามอยู่นะคะ สำหรับตอนสอง เพราะอยากรู้ว่าทำยังไงถึงจะพูดภาษาอังกฤษได้สำเนียงฝรั่งและพูดได้คล่องค่ะ
โดย: Lingnoinarak วันที่: 5 มกราคม 2551 เวลา:23:23:25 น.
  
งั้นต้องเมนท์ให้มาก ๆ แระ อยากอ่านต่อเร็ว ๆ อิอิ อยากพูดภาษาอังกฤษให้ได้ใกล้เคียงกับเจ้าของภาษาเหมือนกัน แต่เราขี้อาย เวลาพูดกะฝรั่งทีลิ้นแข็งขึ้นมาทันทีทันใด
โดย: bebek วันที่: 10 มกราคม 2551 เวลา:22:11:27 น.
  

ร่วมด้วยช่วยคอมเมนท์ เพิ่งอ่านตอนแรก แต่จะรออ่านไปเรี่อยๆนะ ถ้าไม่เขียนโกรธด้วยอ่ะ
โดย: m IP: 58.9.186.141 วันที่: 13 มกราคม 2551 เวลา:18:18:57 น.
  
ครูต้องเป็นคนหัวดีแน่เลยถึงมีเกรดสวยไว้รองรับ ชื่นชมครับ
โดย: ตาตั้ม IP: 203.131.208.115 วันที่: 5 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:14:21:15 น.
  
ทำเหมือนกันเลยค่ะ เป็นเด็กวิศวะ เลือกเรียนวิชา free elective เป็นภาษาอังกฤษหมด แถมยังลงหน่วยเกินด้วย
รู้สึกคุ้มมาก เป็นการเรียนภาษาที่ราคาถูกจริงๆ ถึงแม้จะเหนื่อยตัดเกรดกับเด็กอักษรก็เถอะ...แต่ปัจจุบันภาษาก็ยังไม่พัฒนาเท่าไหร่เลยค่ะ T_T
โดย: Twinkle_la IP: 146.23.250.105 วันที่: 25 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:12:55:45 น.
  
เวปที่ให้ความรู้มากเลยครับ
โดย: goz IP: 125.24.183.125 วันที่: 1 มีนาคม 2551 เวลา:16:59:10 น.
  
ขอบคุณพี่มากนะคะที่ทำให้หนูตาสว่างขึ้นมาเลยละค่ะ
มัวงมโข่งตั้งนาน....
โดย: กุ๊กกิ๊ก IP: 118.175.188.196 วันที่: 2 สิงหาคม 2552 เวลา:13:57:26 น.
  
มาเร่ียนกับผมสิครับ เพียงไม่กี่ชั่วโมง ผมมีเทคนิคสอนให้คุณพูดแบบบริติชได้เลย drx_71@hotmail.com
โดย: ดร.เอ็กซ์ IP: 223.24.177.86 วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:0:09:10 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

KruFiat
Location :
ชลบุรี  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 304 คน [?]



ครูเฟียต ธีรเจต บุญพยุง
"หากคุณพูดภาษาไทยได้ คุณก็ควรจะพูดภาษาอังกฤษได้ด้วยเช่นกัน เพราะเป็นการเรียนรู้ภาษาด้วยวิธีธรรมชาติเหมือนกัน"
ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook 4| | | ข่าวดีสุดๆ!หนังสือ pocket book เล่มแรกของครูเฟียต ชื่อ "เรียนภาษาอังกฤษในไทย ทำไงให้ใครๆ คิดว่าคุณจบนอก" มีวางจำหน่ายในรูปแบบ E-book แล้ว และขึ้นอันดับ 1 top seller เป็นหนังสือที่ขายดีที่สุดใน Ookbee อยู่ในขณะนี้ อย่าบอกนะ ว่าคุณยังไม่ได้ download ที่ https://bit.ly/KruFiatBook | | |3