จะก้าวข้ามความสับสนรุนแรงนี้ไปได้อย่างไร
นอนเงียบ ๆ มาหลายชั่วโมงแล้ว รู้สึกไม่ดีมากกว่าจะเอาความรู้สึกดีเก่า ๆ มาเยียวยา
กำลังจะออกไปใช้ชีวิตอยู่บนบาทวิถี แต่ร่างสังขารไม่เป็นใจเลย มันจะสำออยอะไรกันนัก
ลุกขึ้นสิยาย จะนอนจมให้มันมาถมทับแบบนี้ไม่ได้ ถ้าจะต้องตาย ก็ให้มันตายไปเลย พี่จะไม่ยอมรอความช่วยเหลือจากผู้ใดอีกแล้ว รอขอความช่วยเหลือที่สร้างแต่ความสับสน เท่ากับว่า เราเปิดทางให้สิ่งอื่น ๆ เข้ามาเทียบเสมอความเมตตาจากพระเจ้า
ถ้าจะต้องมีการเจรจา มันก็จะตั้งอยู่บนฐานที่เขาได้สร้างความเดือดร้อนให้ผู้อื่น พี่จะไม่ยอมเจรจาขอความเวทนาสงสารให้ปล่อยเราไปโดยยอมทำตามในสิ่งที่เขาต้องการเด็ดขาด โลกนี้ มันไม่มีหรอก ใครจะช่วยใครฟรี ๆ โดยที่เขาต้องเสียเวลา ใช้แรงพลังมากมาย
อย่ามาบีบคั้นหัวใจตัวเองให้มันมากไปกว่านี้เลย ถ้าวันนี้ไปไม่ถึง พี่จะไม่ให้อภัยตัวเองไปตลอดชีวิต
ไม่มีใครช่วย หรือใครก็ช่วยไม่ได้ ก็ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย อย่าสำออยได้ไหม แค่จะตาย มันย้งคงหายใจได้ มันทำอะไรเราไม่ได้มากไปกว่านี้หรอก
ทรมานใช่ไหม? ก็ดีแล้วนี่ ขอบพระคุณที่หยิบยื่นความทรมานเช่นนี้มาให้ นับจากนี้ต่อไป ค่าของมันก็แค่ความไร้สาระ อันจัญ ไร ไม่ได้มีความสำคัญอันใดกับการใช้ชีวิต ถ้าจะทำให้พี่จะตาย ขอบใจ ตายเร็วก็ดี พี่ชอบ ถ้ามันทำให้เราเจอกับเรื่องยาก โอ้วววว ดีมาก มาบ่อยๆ ก็ตื่นเต้นดี ชีวิตดูมีสีสัน
พอแล้วสำหรับวันนี้ ...ไปเถอะยาย ออกไปตามที่หัวใจมันอยากจะไป ใจจดจ่ออยู่ตรงไหน ไปตรงนั้น
ค่อยเดิน เหนื่อยพัก หนักวาง รู้สึกไม่ไหวก็ขอความช่วยเหลือ พี่เชื่อว่า ที่ตรงนั้นจะมีแต่คนดีดี
Create Date : 29 ตุลาคม 2560 |
Last Update : 29 ตุลาคม 2560 13:38:39 น. |
|
150 comments
|
Counter : 1769 Pageviews. |
|
|
ออกจากที่พักเกือบบ่ายสามโมงเย็น
เรียกวินฯ ไปส่งท่ารถตู้อนุสาวรีย์ชัยฯ
นั่งไปเรื่อยเปื่อย ไม่มีจุดหมาย...อธิษฐานในใจ
"หากข้าพเจ้ามีบุญพอ ก็ขอให้ท่านช่วยนำทาง ไปยังที่ที่เหมาะสมที่สุด"
พอปล่อยใจลอย ความเศร้าก็เข้าครอบงำ
เริ่มหายใจติดขัด..น้ำในตารื้นไหลหยดแหมะ ๆ
พอเริ่มตัวว่าเอาอีกแล้วนะ...ไหนว่าจะเลิกร้องไห้
อย่าปรุง อย่าฟุ้ง อย่าอาวรณ์
ยายต้องเข้มแข็ง เป็นคนไทยต้องยิ้มสู้
คว้าเอาสร้อยสายสีไตรรงค์จี้รูปในหลวงรัชกาลที่๙ มารคล้องคอไว้
ให้หายฟุ้งซ่าน...จนรถจอด ต้องลงแล้ว
ดูเวลา เอาไง ตกลงไปไหนดี
เดิมทีตั้งใจจะไปรอรับที่วัดบวรฯ
ก็ยึดความตั้งใจเดิม โบกแท๊กซี่ไป
รถติด แท็กซี่ก็พาอ้อมไปอ้อมมา ไปไม่ได้ก็ไม่บอก
จนเห็นท่าไม่ดี เลยบอก "จอดตรงนี้แหละพี่หนูเดินไปเองได้"
เดินย้อนมาเลี้ยวเข้าตรงสะพานวันชาติ คนนั่งเต็มตั้งแต่ตรงนี้
เวลานั้นยังไม่ห้าโมง เจ้าหน้าที่ประกาศว่า
ยังพอมีที่ว่างตรงถนนราชดำเนินใน
เลยขอทางเดินไปตรงนั้น พอเดินไปแล้วคนนั่งอยู่เต็มสองฝั่งถนน
ย้ายที่นั่งสองหน เพราะไปนั่งตรงทางเดิน
ลุกขึ้นอีกคราวนี้เดินย้อนไปทางถนนพระสุเมรุ
มองเห็นที่นั่งตรงมุสลิมมะห์สามคน
ข้างหน้าเป็นตู้ไฟฟ้า คนเลยไม่มีกลายเป็นที่ว่าง
เข้าไปนั่ง จนกระทั่งใกล้จะได้เวลา
มีคนมาใหม่ พูดคุยกันตลอดเวลา พลอยทำให้หงุดหงิด
เลยถามน้องข้างหน้าว่า ตรงนั้นมีใครนั่งไหม พี่ขอนั่งได้ไหม
ที่ตรงนั้นคือแถวหน้าติดถนน..ในที่สุด นังยายก็มาถึงจนได้
ได้แค่นี้ ก็พอใจแล้ว...
นั่งรอจนค่ำ..ริ้วขบวนพระบรมอิสริยยศ พระบรมราชสรีรางคารผ่านไป
ทำความเคารพสูงสุด..จนคำสั่งยืนยันผ่านไป ปชช.เริ่มทยอยกันกลับ
อยู่ ๆ ก็เหนื่อยจนอ่อนกำลัง อยากกลับก็ไม่รู้จะกลับทางไหน
ไหน ๆ ก็ต้องเดินแล้ว เจอตู้ไปรษณีย์ไหน ส่งงานตรงนั้นแล้วกลับเลย
ข้ามถนนมาอีกฝั่ง..เจอเซเว่น จริงใจอยากกินข้าวฟรีนะ แต่ทนไม่ไหวแล้ว ทั้งวันได้น้ำขวดเดียว แวะซื้อขนมปัง กับน้ำของดอยคำ
พอมีแรงก็เดินต่อ ข้ามไปถ่ายรูปที่เกาะกลางถนนหนึ่งภาพ
ข้ามไปเดินเข้าถนนตะนาว
อยากกินก๋วยเตี๋ยวที่อร่อยที่สุดในยุทธจักร
เงียบเชียว เจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ จิตอาสาเต็มไปหมด
ดูวุ่นวาย ไมเกรนก็เริ่มมาสะกิดเล็กๆ มองหามุมหลบถ่ายรูป
แต่มันไม่ไหวแล้ว ต้องพัก ต้องได้อาหารแล้ว
เข้าร้านอาหารตรงข้ามพระเจดีย์ สั่งอาหารและกาแฟ
ได้โอกาสเหมาะสำหรับเขียนโปสการ์ด..
พอเขียนเสร็จก็อยากอ้วกพอดี..รีบจ่ายตังค์
มันต้องได้ยาแล้วไง..บอกให้เด็กเอาอาหารใส่กล่อง
เดินข้ามถนนตามคนอื่นๆไปฝั่งทางเข้าประตูวัด
เห็นป้าแก่ๆคนหนึ่งเดินออกมา
"ขอโทษนะคะ เข้าไปสวดมนต์ในนี้ได้ไหมคะ"
ได้ลูก ใครมีสมาธิ สวดไหวก็ไปสวด ยายไม่ไหวแล้ว ยายจะกลับแล้ว
ในที่สุด..ก็มาถึงจนได้ ในเวลาที่ในพระอุโบสถกำลังสวดยถาพอดี
แล้วก็มีประกาศอนุญาตให้เข้าในพระอุโบสถได้คราวละ๔๐ คน
ยายนั่งซ้ายมือคนสุดท้าย ออกคนแรก รับรูป แล้วกลับ
ออกมาถ่ายรูปกับรูปที่ได้รับมา ใต้ต้นไม้ที่ในหลวงรัชกาลที่๙ ทรงปลูก
เป็นพิกัดเดียวกับที่นั่งเขียนจดหมายลงบนธงที่เก็บจากพื้นในปี๒๕๕๕
กำลังใจพี่อยู่ตรงนี้..นั่งตรงนี้ตอนนั้น คือรอพี่ๆ เขาสวดนพเคราะห์
ออกมาเวลาใกล้จะสี่ทุ่มแล้ว..ขอลาพี่คนใจดีหน้าประตู
ยังไม่รู้จะไปไหนต่อ แต่โปสการ์ดที่เขียนไว้ต้องได้หย่อน
เดินไปเรื่อยๆ เริ่มจากถนนพระสุเมรุ เลี้ยวเข้าตรงสะพานวันชาติที่เดิม
มองเห็นร้านขายยา..แวะก่อน ยังไม่รู้ทางอีกไกลแค่ไหน
ได้ยาแล้วรีบกินทันทีก่อนจะกำเริบจนคุมสติไม่อยู่
ออกมาโผล่ตรงรร.สตรีวิทยา เลี้ยวขวาเดินย้อนขึ้นไป
กวาดตามองหาตู้ไปรษณีย์ ที่เคยมีก็ไม่มี
เดินจนเริ่มจุก นั่งพัก ..เดินต่อจนเจอพระเมรุมาศจำลองจุดที่สี่
ที่ยังมาไม่ถึง กองสลากเก่า... ถ่ายรูป แล้วเดินต่อ สุดทางข้ามถนน
ไปเดินเลียบคลอง หมายใจว่าจะข้ามไปทางถนนสนามไชย
วนรอบเกาะรัตนโกสินทร์แล้ว จนมาถึงสวนนคราตรงพระเมรุมาศจำลองสุดท้ายที่ยังมาไม่ถึง ถนนเส้นนี้งดงามร้างผู้คน
ตู้ไปรษณีย์ที่เคยหย่อนประจำถูกยกออกไป
เดินจนถึงท่าช้าง ต้องถามแล้ว ว่าตู้สีแดงๆ ตรงไหนยังไม่ถูกยกออกไปบ้าง..พี่อาสาใจดี แต่ไม่รู้หรอกนะว่ามีหรือไม่มี มาส่งตรงหน้าธรรมศาสตร์..หามีแม้นเงาไม่..ใจเริ่มท้อ ทั้งง่วง ทั้งเหนื่อย
เดินตรงไปอีกหน่อย..ถามเอากับคนกวาดขยะ
ได้รับคำตอบที่ช่างน่ารักว่า "พี่ไม่ใช่คนแถวนี้"
โอเค...ตอนนี้เริ่มมีจุดหมาย...ยากนักใช่ไหม
พี่ก็จะเดินจนหามันได้นั่นแหละ
สุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายมุ่งไปถนนพระอาทิตย์
ไปได้ตู้สีแดง ๆ ตรงถนนสายนั้น
ประหนึ่งจะบอกความนัยว่า
"พระอาทิตย์ยังมี"
ขอบคุณนะยาย..รักยายที่สุดในสามโลกหล้าเลย.