คนชอบเที่ยว และรักการท่องเที่ยว ^^
|
|||
ชีวิตไม่เคยหยุดนิ่ง...ไปวิ่งเล่นที่ญี่ปุ่นกัน 12-17 มีนาคม 2558 ตอนที่ 2 วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม 2558 ซึ่งเป็นวันที่ 2 ของการเดินทาง วันนี้ ในแผนเราจะไปขึ้นกระเช้ากัน แต่ก่อนไปกระเช้า เราจะไปป้ายสุดท้ายของ Retro Bus กันก่อน ซึ่งเป็นจุดหนึ่งที่จะได้ชมฟูจิซังแบบเต็มๆ ลูก โดยไม่มีอะไรมาบดบังเลย เราตื่นแต่เช้า ตื่นก่อนนาฬิกาปลุกจะดังซะดัวย แล้วเราก็เห็นแสงลอดหน้าต่างเข้ามา ทำให้เราต้องรีบลุกขึ้นไปเปิดหน้าต่างดู ว่าฟ้าวันนี้จะเป็นเยี่ยงไร โอ้ว......ว๊าว...... ฟูจิซัง จ๋า............. รีบสะกิดคนข้างบ้านอย่างว่อง ให้ลุก เดี๋ยวไม่มีโอกาสได้เห็น แบบนี้นะ เพราะพยากรณ์อากาศแจ้งว่าวันนี้ฝนตกคร่า.... T T ไม่ต้องล้างหน้า ไม่ต้องแปรงฟันกันละ รีบลงไปถ่ายรูปก่อนเลย 555 ถ่ายมาซะหลายรูปเลย สวยจัง.... จะถ่ายตัวเองก็นะ หน้าตายังไม่พร้อมเลย 555 งั้นเบื้องหลังไปก่อนละกัน กร๊ากกกก นังชมวิวอยู่สักพักใหญ่ๆ... อากาศก็นะ จะหนาวไปไหน... ได้เวลาก็กลับที่พักไปล้างหน้าแต่งตัว พร้อมรับประทานอาหารเช้า..... ถ่ายหน้าที่พักอีกที ห้องของเรา คือห้องที่ 2 จากขวามือค่ะ แต่งตัวเสร็จ ก็มาจัดการอาหารเช้ากันค่ะ หน้าตาอาหารเช้าดูดีมีสกุลจริง... ^_^ อ้าว...ข้าวเปล่าหายไปไหนนิ... อ่อๆๆ ข้าวเปล่าอยู่ในโถนะคะ ยังไม่ได้ตักใส่ถ้วยกัน แหะๆๆๆ อิ่มกันแล้วก็ไปจัดการธุระส่วนตัว และเก็บกระเป๋ากันค่ะ เราฝากกระเป๋าไว้ที่เรียวกังกันก่อน แล้วบ่ายๆ เราค่อยมาเอา ไปรอรถที่ป้าย 17 ป้าย Music Forest Museum ที่เดิมที่เราลงเมื่อวาน เราจะนั่งไปลงป้ายสุดท้ายกัน Station no. 21: Kawaguchiko Shizen Seikatsukan ถึงแล้ว...Station no. 21: Kawaguchiko Shizen Seikatsukan แต่ๆๆๆ ฟูจิซังหายไปไหนหวา 555 ฟ้าไม่เป็นใจ มองไม่เห็นฟูจิซังแล้วค่ะ T T งั้นก็ถ่ายกับ ฟุจิซังหินไปก่อนแล้วกัน กร๊ากกกกกก ปล.จากรูปบนน้องเราใส่หมวกอยู่ ถึงป้ายสุดท้าย ลงรถ ยังไม่สำนึกว่าหมวกหายไปแล้ว 555 สถานีต่อไปเราจะไปขึ้นกระเช้ากัน ยืนรอรถตรงจุดเดิม ที่เราลงรถกันมานั้นละคะ เรานั่งรถ ไปลงป้าย 10 ค่ะ Yuransen Ropeway Iriguchi เป็นกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปสู่จุดชมวิวบนยอดเขาเท็นโจ ราคาตั๋วไป-กลับ 720 เยน แต่เราซื้อ R Coupon มา ซึ่งรวมกระเช้าแล้ว เราเอาตั๋วที่ได้มา ไปแลกเป็นตั๋วกระเช้าอีกที ตรงจุดขายตั่วนั้นละ หน้าตาตั๋วกระเช้าที่แลกมาแล้ว ข้างบนเป็นจุดชมวิว, มีกระดิ่งคู่รัก, มีรูปปั้นกระต่ายกับทานุกิ และมีเหมือนมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ส่วนนี้เราไม่ได้เดินเข้าไปค่ะ เห็นหลายๆ ท่านเดินออกมา แล้วมีเคาะรองเท้ากันเป็นแถว แบบขีโคลนเกาะรองเท้าเต็มเลยอ่ะ แหะๆๆ ไปต่อคิวขึ้นกระเช้ากันดีกว่าค่ะ เช้าๆ หน้าตายังสดใสอยู่ แสงยามเช้าทำให้หน้านวลเชียว 555 ว๊าวๆๆๆ วิวสวยมากเลยอ่ะ เสียดาย ถ้ามีแดดสักนิดนะ สุโค้ยยยยย กระต่ายและตัวทานูกิ เห็นว่ามีนิทานพื้นบ้านกล่าวถึงสัตว์ 2 ตัวนี้ด้วย แต่อ่านแล้วไม่ค่อยเข้ากับหน้าตาที่ปั้นออกมา และสถานที่ตั้งของตุ๊กตากระต่ายกับทานูกิเท่าไหร่ 555 เสียใจฟ้าเน่า ทำให้ไม่เห็นฟูจิซังแล้ว T T แต่เราก็ไม่หยุดลั้ลลานะคะ 555 จัดไปหลายๆ ช็อต ^_^ อากาศหนาวมาก พวกเราก็วิ่งเข้าวิ่งออกในร้านค้าเพื่อหลบหนาวกัน ในร้านอุ่นนิดนึงค่ะ เพราะมีเตาปิ้งดังโงะอยู่ แล้วก็ช่วยๆ ร้านค้าสักนิด กับอินเทรนสักหน่อย กับขนมดังโงะ + ชาเขียวร้อน ชุดนี้ 360 เยนค่ะ รสชาติ บอกไม่ถูกจริงๆ มันคือแป้งปิ้งนี่ละ จืดๆ แล้วราดซอส ซึ่งซอสนี่ละ ทำให้รสชาติมันแปลกๆ เหมือนมันไม่เข้ากันอ่ะ 555 ซื้อมา 1 ไม้แบ่งกัน 4 คน ยังเกี่ยงกันแล้วเกี่ยงกันอีก กินซิ กินซิ 555 นั่งกินไป หัวเราะไป ชมวิวไป สักพัก ฝนตกคร่า.... ตกปรอยๆ ตกสักพัก จากฝนกลายเป็นหิมะ คร่าาา.... น้องกับพี่ ตื่นเต้นกันใหญ่ เจอหิมะตก โอ้ว อู้ว์ ว๊าว..... ถ่ายรูปลั้ลลากันสุดฤทธิ์ 555 ข้างบนนั้นไม่มีอะไรมากนะคะ แต่ด้วยที่หิมะตก เลยอยู่กันซะนานเลย ใช้เวลาไป ชั่วโมงครึ่ง แม่เจ้า....555 หลังจากนั่งกระเช้าลงมาด้านล่าง ก็หาอะไรกินกันเลยเพราะเที่ยงแล้ว หาร้านกินแถวๆ กระเช้านั้นละคะ มีร้านอาหารหลายร้านเลย เนื่องจากฝนตก เลยไม่ได้ถ่ายหน้าร้านมานะคะ ^^ ข้างนอกจากที่หนาวๆ เดินเข้ามาในร้านนี่อุ่นเลย ระบบทำความร้อนดีเยี่ยม 555 ดูจิ เล่นจุดไฟกลางร้านเลย อิอิ ก็อากาศมันหนาวนิ เลยนั่งซะใกล้เตาไฟเลย นั่งสักพัก รู้สึกร้อน เริ่มแสบๆ ตรงแก้ม เหมือนถูกย่างเลย กร๊ากกกก ย้ายโต๊ะ ดีฟ่า ไปนั่งแบบญี่ปุ่นกัน ไกลเตาไฟหน่อย ฮ่าฮ่าฮ่า ยังไม่ทันจะได้ลงมือกินเลย มองนอกหน้าต่างร้านออกไป จากฝนตก เป็นหิมะตก คร่า... นั่งกินไป ดูหิมะตกไป มีความสุขจริง.... ^_^ มื้อนี้ จ่ายไป 5,350 เยน อิ่มแล้ว ก็กลับที่พักกันค่ะ เราจะนั่งรถ Retro Busไปลงป้ายที่ 18 แล้วเดินย้อนกลับที่พักกัน เปลี่ยนป้ายลงสักนิด ก็ได้เปลี่ยนวิวละ ว่าป่ะ 555 รถรอบนี้คนแน่นจุง น่าจะมาจากสถานีรถไฟละ เราเลยได้ยืนแถวๆ หน้ารถ ส่วนน้องก็ยืนไปมองโน่นนี่ไป แล้วมาติดใจตรงหมวก ที่อยู่หน้ารถ น้องก็นึกในใจ หมวกใบนั้นเหมือนหมวกมันจัง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไร จนคนทะยอยลง และรถเริ่มโล่ง ก็ได้ที่นั่งกันละ น้องก็เปิดกระเป๋าเป้ ดูว่าหมวกอยู่ไหม ถึงได้ถึงบางอ้อ ว่าหมวกหาย 555 แล้วก็ย้อนไปดูรูปในมือถือที่ถ่ายกันตอนเช้า ว่าใช่หมวกมันไหม โป๊ะเชะ เหมือนเป๊ะอ่ะ 555 ตอนจะลงรถ เราเลยบอกคนขับว่า "My hat" คนขับก็ทำมือประมาณเชิญหยิบไปได้เลย (พูดภาษาญี่ปุ่น ฟังไม่ออก แต่ดูจากท่าทางและสีหน้า) 555 มันเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต่ก็เกิดขึ้น 555 ดีจุง โชคดีของแก๊งค์เรา ที่ได้ขึ้นรถคันเดิม ขอบคุณนะคะ ที่เก็บหมวกไว้ให้ ^_^ ป้าย 18 เป็นร้านไอศกรีม และร้านอาหารค่ะ น่าตาร้านน่านั่งจัง เราเดินไปสุดทางก่อนแล้วค่อยย้อนกลับมากินละกัน สุดทางจะเป็นศาลเจ้า และป้ายหินอะไรสักอย่าง อ่านไม่ออก แปลไม่ได้ 555 หลังจากไหว้ศาลเจ้าขอพรกันแล้ว เราก็เดินกลับมาที่ร้านไอศกรีมกันค่ะ เปิดเข้าไป อืม....คนเยอะมากกกกก 555 ไม่ได้ถ่ายบรรยากาศมานะคะ เกรงใจคนมารับประทานอาหารค่ะ แต่บรรยากาศน่านั่งดีค่ะ ที่นี่ เค๊าให้สั่งอย่างน้อยคนละเมนูนะคะ มา 4 คน จะสั่ง 3 อย่าง ไม่ได้นะคะ ทางร้านขอร้องงงง 555 จัดไป 4 อย่าง (ทั้งๆที่ตรูอิ่มจากมือกลางวันท้องแทบแตก T T) แต่ละถ้วย มิใช่เล็กนะคะ มันเยอะมากกกก แค่เห็นก็อิ่มจนจุกค่ะ 555 แต่ก็กินเรื่อยๆ ค่ะ กินไป คุยเบาๆ ไป อร่อยดีค่ะ สรุป เกลี้ยงทุกอย่าง 555 ขนาดอิ่มนะนี่ มื้อนี้โดนไป 3,456 เยน แพงเอาเรื่องนะนี่ แหะๆๆ อิ่มจนจุกกันแล้ว ก็เดินกลับที่พักค่ะ ไปเอากระเป๋าที่ฝากไว้แล้วไปสถานีรถไฟ Kawaguchiko กัน มั่วแต่กินนานไปหน่อย แถมเสียเวลารอรถ Ratro Bus อีก ทำให้พลาดรถไฟเที่ยว บ่าย2 กว่าๆ ไป เลยต้องรอรถไฟรอบ 15.00 น. แทน T T เราจะนั่งจากสถานี Kawaguchiko ไปลงสถานี Nishi-Kasai ซึ่งเป็นสถานีที่ใกล้โรงแรมที่เราจองไว้ เดินทาง เปลี่ยนรถไฟ ตามนี้เลยค่ะ แล้วก็มีเรื่องฮา เกิดขึ้น ^_^ เรานั่งไปลง Nakano(Tokyo) แล้วจะต้องเปลี่ยนขบวนรถไฟ เพื่อไปลง Nishi-Kasai แต่เราไม่แน่ใจขบวน แถมมีเวลาในการเปลี่ยนขบวนน้อยมาก เราเลยถามคนท้องถิ่นที่กำลังรอขึ้นขบวนเดียวกันนี้ ประมาณว่า ขบวนนี้ไปสถานี Nishi-Kasai ไหม (เข้าใจว่าถามแบบนี้ ด้วยภาษางูๆ ปลาๆ ปนภาษามือและภาษาชี้ๆ 555) คุณผู้ชายตอบมาว่า "Yes" เราก็รีบขึ้นกันเลย สักพักคุณผู้ใจดีเดินกลับมาหาเราอีกครั้ง พร้อมบอกเราว่า รถขบวนนี้ ไม่จอดสถานีที่เราจะลง ให้ลงสถานี Toyocho แล้วเปลี่ยนขบวน เราก็รับทราบ และขอบคุณกลับไป เรานั่งไปสักพัก คิดในใจ มันเป็นเมโทรนะ ทำไมจะไม่จอดฟร่ะ มันต้องจอดทุกสถานีจิ มีไม่จอดบ้างสถานีด้วยรึ หรือเราจะฟังเค๊าพูดผิด ไม่นะ เค๊าอธิบายซะละเอียดยิบ ไม่ผิดแน่ แล้วก็คุยกับคนข้างบ้านเบาๆ ว่าเอางัยดี ปรึกษากันแล้วว่าเราจะเสี่ยงนั่งเลยไป ดื้ออีก 555 ทั้งๆ ที่รู้แก่ใจ สรุป รถไฟไม่จอดจริงๆ ด้วย 555 มันข้ามที 3 สถานีเลย T T เลยต้องนั่งรถไฟ ย้อนกลับมา 555 เรารู้แค่ว่ามันมี รถไฟเมโทรแบบด่วนด้วย ข้าม 3 สถานี จอด 1 สถานี แล้วข้ามอีก 4 สถานี งงกันไป งงจริง งงจังด้วยนะ 555 ใครจอง โรงแรม และต้องลงสถานี Nishi-Kasai ให้ระวังกันด้วยนะคะ คิดว่าถามพนักงานโรงแรม แต่คงฟังไม่รู้เรื่องเป็นแน่แท้ เลยได้ลุ้นทุกวันที่กลับมาโรงแรม เอิ๊กๆๆๆๆ กว่าจะถึงโรงแรม ก็มืดแล้วค่ะ เราจองโรงแรม BEST WESTERN Tokyo Nishikasai จองไว้ 2 คืน สนนราคาอยู่ที่ คืนละ 5,000 เยน/ห้อง พร้อมอาหารเช้า ถูกดีเนอะ 555 ไปเช็คอินกันค่ะ รูปในห้องพัก ถ่ายมาแค่นี้เองอ่ะ 555 ขนาดห้องไม่ใหญ่นะคะ แต่ก็ไม่ถึงกับเล็กมากตามไตล์ ญี่ปุ่น เตียงนอนนอนสบายดีมาก ไม่แข็งไม่นิ่มเกินไป ส่วนห้องน้ำ เล็กหน่อย แต่มีอ่างอาบน้ำนะคะ ได้นอนแช่น้ำอุ่นลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อได้ดีเลย ^_^ เก็บกระเป๋าสัมภาระ กันแล้ว ก็ออกท่องราตรีกันค่ะ ตอนแรกว่าจะไป Tokyo Metropolitan Government Buildings แต่เห็นว่าจวนปิดแล้ว ไปก็คงเสียเวลา อาจไม่ได้ขึ้นไปชมวิวอีก เลยเปลี่ยนแผน พาน้องไปเปิดหูเปิดตา ที่สถานีชิบูย่า สถานีที่มีคนมากมายเดินข้ามถนนกัน 555 น้องถึงกับอึ้ง ตื่นตาตื่นใจมากกับประชาชนที่เดินข้ามถนน ^_^ และทักทายกับ ฮาจิโกะ สุนัขยอดกตัญญู เริ่มหิวแล้ว ก็หามื้อค่ำกินกันก่อน แล้วก็นิดนึง อยากหยอดตู้กัน 555 เดินด่อมๆ มองๆ อยู่นาน มันหยอดไม่ได้ ที่แท้ ที่นั่งในร้านเต็มค่ะ พนง.จะมาปิดตู้ เลยหยอดไม่ได้ พอมีที่ว่างแล้ว พนง.ก็จะมาเปิดตู้ให้ใช้งานได้ (โง่ซะ กร๊ากกก) มื้อนี้หมดไป 2,670 เยน อิ่มแล้ว ก็เดินย่อยสักนิด เดินเล่นกันเรื่อยเปื่อย ^^ มีแอบหยอดตู้ด้วย 555 ได้สตรอเบอรี่ มาอีก 2 กล่อง แบบลูกใหญ่และลูกเล็ก จ่ายไป 1,280 เยน สบายใจ อิอิ ได้เวลาก็กลับโรงแรมกันค่ะ และก็ลุ้นทุกครั้งที่ต้องขึ้นรถไฟ ไปสถานี Nishi-Kasai ว่าจะเลยหรือได้ลง 555 เท่าที่ดู จะมีรถไฟ 2 แบบ แบบหนึ่งจะคล้ายๆ บีทีเอสบ้านเรา คือตรงประตูรถไฟ จะมีรูปบอกชื่อสถานีทุกสถานี และมีไฟกระพริบ แจ้งสถานะว่าถึงสถานีไหน ถ้าเจอขบวนนี้ก็โชคดีไป เพราะจะดูออกว่าจอดสถานี Nishi-Kasai แน่ แต่อีกขบวน ไม่เป็นแบบนี้ (แต่ที่นั่งก็มีทั้งจอดและไม่จอด) งง ดี 555 ลงรถไฟแล้ว ดันออกผิดฝั่งอีก 555 แต่ไม่มีปัญหา เพราะเป็นสถานีเล็กๆ ออกผิดฝั่ง ก็แค่เดินอ้อมสถานีเป็นวงกลม แต่ทำให้เรารู้ว่า มีมินิมาร์ทยังเปิดอยู่นะคะ แวะชอปปิ้งสักนิด ก่อนเข้าโรงแรม 555 ได้ขนมกับผงโรยข้าวมาเพียบ ซื้อของ จ่ายตังค์เสร็จ พนง.จะให้ถุงมา เราก็ยกตระกร้า ไปตรงเคาเตอร์ แถวแคชเชียร์นั้นละ เพื่อหยิบสินค้าใส่ถุงเองนะคะ ดีจัง 555 กว่าจะถึงโรงแรม ได้พักผ่อนก็เกือนเที่ยงคืนแล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าอีก ตอนที่ 2 นี้ ก็จบเพียงเท่านี้นะคะ แล้วมาลุ้นกันต่อว่าพรุ่งนี้จะเจออะไรกันบ้าง โปรดติดตามตอนต่อไปนะคะ... ที่ Gala Yazawa ^_^ |
ฮุยเฉง
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 6 คน [?] Group Blog All Blog
Link |
||
Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved. |