Smiley.๐Smiley*~๐..ความรัก เป็นเรื่อง สวยงาม..๐Smiley*~๐Smiley.๐Smiley*~๐.
Group Blog
 
 
ตุลาคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
2 ตุลาคม 2552
 
All Blogs
 
2..ชีวิตสาวออฟฟิศ

***คำเตือน
ขอสงวนสิทธิ์ใดๆ ตามกฎหมาย ในการทำคัดลอก เผยแพร่ ดัดแปลง ส่วนหนึ่งส่วนใด หรือทั้งหมดของนิยายเรื่องนี้ โดยไม่ได้รับอนุญาต และ หากผู้ใดกระทำการคัดลอกหรือนำไปโพสในเวปอื่น ๆ หรือบล็อค หรือตีพิมพ์ โดยมิได้รับอนุญาตมีโทษปรับตามมาตรา 69 แห่ง พ.ร.บ.กฏหมายลิขสิทธิ์





นิรันดร…



จะมีสักกี่คนที่รู้จักกับคำว่า “นิรันดร” ความหมายแห่งรักที่ผูกพัน ลึกซึ้ง และสืบนานเท่านาน แม้ความตายก็มิอาจพลัดพราก




2...ชีวิตสาวออฟฟิศ...




วันนี้ฝนตกพร่ำๆ ตลอดทั้งวัน จริงๆ แล้วฝนนั้นตกติดต่อกันมาเกือบตลอดสัปดาห์แล้ว ทั้งๆ ที่นี่ก็ไม่ใช่หน้าฝน...ฉันมองออกไปทางหน้าต่างออฟฟิศ มองเม็ดฝนที่จับตัวเกาะเต็มบานกระจก หยาดน้ำหยดย้อยไหลลื่นลงมาเป็นสายตามแนวกระจก....เหมือนหยาดน้ำตา



อันที่จริง ฉันไม่ค่อยชอบสายฝนสักเท่าไหร่ มันเฉอะแฉะ ...ฉันไม่ชอบน้ำขังริมทางเท้า และพยายามหลีกเลี่ยงที่จะก้าวเหยียบมันทุกครั้งไป...สายฝนทำให้อากาศเย็น และยิ่งบวกกับอุณหภูมิในห้องแอร์ด้วยแล้ว ยิ่งทำให้อากาศเย็นชื่นเข้าไปอีก.....ฉันเหลือบมองดูนาฬิกาแขวนผนังตรงข้างฝาห้องทำงาน...เข็มนาฬิกาบอกเวลาว่า ขณะนี้เป็นเวลาเกือบ 5 โมงเย็นแล้ว และนั่นคือเวลาเลิกงานของฉันสำหรับวันนี้....สายฝนยังคงโปรยปรายอยู่ด้านนอก ท้องฟ้าอึมครึมสีหม่นเทาดูวังเวงใจ



สาวๆ ในออฟฟิศต่างก็เก็บข้าวของสัมภาระของตนลงในลิ้นชัก และจัดการหยิบกระเป๋าสะพายขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงานแทน พร้อมกับหยิบพับแป้งผัดหน้าขึ้นมาแต่งเสริมเติมสวยกันตามอัธยาศัย อรนุช หรือ แอน...สาวออฟฟิศที่อายุน้อยที่สุด หยิบเอาลิปสติกสีชมพูสดขึ้นมาแต่งแต้มริมฝีปากของเธอ เธอมักจะพูดเสมอว่า “ผู้หญิงเราจะดูสวยต้องไม่ปากซีด” ....ส่วน เบญจวรรณ หรือ เบญ สาวออฟฟิศที่มีอายุเท่าๆ กันกับฉัน ก็เป็นอีกคนที่นิยมชมชอบรักการแต่งตัวเป็นที่สุด เธอคว้าเอาผ้าพันคอสีหวานออกมาจัดแจงพับ แล้วพันรอบลำคอของเธอ ผูกโบว์สไตล์เก๋ไก๋ หมุนซ้าย หมุนขวา ส่องกระจกแบบพับตั้งได้ของเธอ เพื่อเช็คความเรียบร้อย ตามวิสัยเจ้าระเบียบเล็กๆ ของเธอ



“อ้าว ยังไม่เตรียมตัวอีกหรอ กาน” เบญจวรรณ หันมาร้องถามฉันเมื่อเธอสังเกตเห็นว่าฉันยังคงนั่งจ้องมองออกไปนอกหน้าต่าง ยังไม่ได้เตรียมตัวกลับบ้านเหมือนคนอื่นๆ



“ฝนยังตกอยู่เลย” ฉันตอบเสียงเบาๆ ก่อนจะจัดการก้มเก็บข้าวของเครื่องใช้สำนักงานที่กองอยู่เต็มโต๊ะทำงานของฉันลงไปในลิ้นชัก และหยิบเอากระเป๋าสะพายขึ้นมาวางบนโต๊ะทำงานแทน



นาฬิกาบอกเวลาว่า ขณะนี้ ได้เวลาเลิกงานแล้ว แน่นอนว่า เบญจวรรณ และ อรนุช ต่างก็รีบกุรีกุจอ ลุกขึ้นจากโต๊ะทำงานทันทีอย่างรวดเร็ว ก็แน่ล่ะ เพราะวันนี้ เป็นวันทำงานวันสุดท้ายในสัปดาห์นี้ และยังเป็นวันศุกร์สุดท้ายของเดือนอีกต่างหาก ธรรมเนียมเล็กๆ ของออฟฟิศเราคือ ทุกวันศุกร์สุดท้ายของเดือน พวกเราเหล่าสาวๆ ออฟฟิศ จะพากันออกเที่ยว บางครั้งก็จะมีพี่ๆ หัวหน้าแผนกต่างๆ ไปร่วมด้วย และที่พิเศษสุดในวันนี้คือ เจ้านายคนเก่งของพวกเราขอเป็นเจ้ามือ...



“ป๊ะ กาน” เบญจวรรณ เดินตรงมาที่โต๊ะทำงานของฉัน เธอจับไหล่ฉันเบาๆ เมื่อเห็นว่าฉันยังคงนั่งนิ่งอยู่กับที่...อรนุช เดินไปเปิดประตูออฟฟิศรอท่า



ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างเชื่องช้า อ้อยอิ่ง เก็บเก้าอี้เข้าที่ให้เรียบร้อย และ ต้องจำยอมเดินตามเบญจวรรณ ออกจากไปเผชิญกับอากาศหนาวเย็น และบรรยากาศเฉอะแฉะที่ฉันไม่ชอบเอาซะเลย สายฝนยังคงโปรยลงมาไม่รู้จักหยุด ....จริงๆ ช่วงกลางวันฉันก็ได้พูดกับเบญจวรรณไปแล้วว่า ฉันไม่อยากออกเที่ยวในค่ำคืนนี้เลย นอกจากเบื่อหน่ายต่อความวุ่นวายต่างๆ แล้ว ฉันยังรู้สึกหงุดหงิดกับสายฝนที่ไม่รู้จักหยุดตกสักที แต่ทั้งเบญจวรรณ และ อรนุข ต่างก็ไม่ยอมความ พวกเธอบอกว่า พวกเธอยอมให้ฉันเบี้ยวตอนไปชอปปิ้งเมื่ออาทิตย์ก่อนแล้ว ฉะนั้นคืนนี้ฉันไม่อาจปฏิเสธใดๆ ได้เลย



พวกเราเดินลงบันไดเล็กข้างตึก เพื่อลงไปยังลานจอดรถด้านล่าง ซึ่งก็มองเห็นได้ชัดถึง กลุ่มคน 3-4 คนที่กำลังยืนรอท่าด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง... สายฝนยังคงโปรยลงมาไม่หยุด ละอองฝนเม็ดเล็ก ปลิวมากระทบเข้ากับผิวเนื้อของฉัน มันทำให้รู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมาทันที ฉันยกมือขึ้นลูบต้นแขนเบาๆ ก่อนจะพยายามขยับเสื้อให้กระชับขึ้น ดึงผ้าคลุมไหล่ผืนบางให้ช่วยปกปิดต้นแขน



ร่มโปร่งใสถูกกางออก ...ฉันยกมันขึ้นบังฝนให้กับตัวเอง ส่วนเบญจวรรณ และ อรนุช ต่างก็หลบสายฝนภายใต้ร่มคันใหญ่กว่า สีเหลืองสดใส พวกเธอดูร่าเริงสมวัย และเดินตรงไปร่วมเข้ากับกลุ่มคนที่รอพวกเราอยู่....พี่มาร์ หัวหน้าแผนกวิศวกรรม ยืนรอท่าอยู่ข้างๆ รถคันใหม่ของเค้า รถโตโยต้า คัมรี่ รุ่นใหม่เอี่ยม สีบอนด์เงินมันเงา ซึ่งตอนนี้มีเม็ดฝนเกาะเต็มไปหมดตลอดทั้งคัน ส่วนพี่อู้ด หัวหน้าแผนกช่างซ่อม อยู่ในชุดหมีสีน้ำเงินเข็ม ชุดทำงานประจำของเค้า ยืนกอดอกข้างๆ พี่ยุพินภรรยา ซึ่งอยู่แผนกตรวจสอบสินค้า หรือเรียกกันสั้นๆ ว่า QC. พวกเค้ากำลังคุยกันสนุกสนาน กับ คุณพล หรือ คุณพลมา เฉิน เจ้านายหนุ่มลูกครึ่งเชื้อสายไทย-จีนไต้หวัน ผู้จัดการโรงงานของฉันเอง



เบญจวรรณ และ อรนุช เดินตรงรี่เข้าไปสมทบกับทุกคนในกลุ่ม ...ฉันเดินตามเข้าไปเป็นคนสุดท้าย พี่มาร์ หันมายิ้มให้ฉัน ฉันจึงจำต้องยกริมฝีปากขึ้นยิ้มตอบ จริงๆ แล้ว พี่มาร์ เป็นชายหนุ่มหน้าตาดี ผิวเข้ม รูปร่างสูงใหญ่ สมาร์ท ดูสมชาย ฉันได้ยิน อรนุช แอบพูดชมบ่อยๆ เวลาอยู่กันตามลำพังในออฟฟิศ ....อรนุช เดินเข้าไปหาพี่มาร์อย่างไม่ต้องสงสัย เธอส่งยิ้มหวานให้เค้าเหมือนทุกครั้ง



“อ้าว มากันครบแล้วใช่มั้ย” คุณพล หันมาทักทาย เมื่อฉันเดินไปถึงกลุ่ม



“งั้น ไปกันเถอะ” พี่ยุพินออกอาการกระตือรือร้นเหมือนทุกครั้ง ...แล้วพี่ยุพินก็เปิดประตูรถกระบะสีดำของพี่อู๊ด แล้วขึ้นไปนั่งฝั่งข้างๆ คนขับอย่างเคยชิน พี่อู๊ด เดินอ้อมไปขึ้นรถ ประจำตำแหน่งคนขับ



“เออ น้องกาน...” พี่มาร์ตั้งท่าจะชวนฉันเหมือนทุกครั้ง แต่แล้วอรนุช ก็ทำหน้าที่ของเธอได้เป็นอย่างดีเช่นเคย “แอนไปกับพี่มาร์นะคะ” หญิงสาวกล่าวจบ ก็รีบเปิดประตูรถคันใหม่ แล้วโยนตัวเองขึ้นไปนั่งด้านข้างคนขับอย่างรวดเร็ว จนเจ้าของรถคันใหม่ ไม่สามารถตอบปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย



“ปะ ไปกันเถอะ กาน” เบญจวรรณ หันมาพูดกับฉัน แล้วเดินไปทางด้านขวาของรถนิสสัน เซฟิโร่ สีน้ำเงินมันเงา ของเจ้านายหนุ่ม เธอเปิดประตูรถด้านหลังคนขับ แล้วเข้าไปนั่งอย่างเคยชิน ...แน่นอนที่สุด เธอจงใจทิ้งตำแหน่งข้างๆ คนขับไว้ให้ฉันดั่งเช่นทุกครั้ง... คุณพลเดินไปทางด้านคนขับ และหันมาส่งยิ้มเย็นให้ฉัน ก่อนจะเข้าไปนั่งประจำตำแหน่ง ฉันแอบถอนหายใจเล็กๆ ออกมา แล้วจึงเปิดประตูรถ และขึ้นไปนั่งให้เรียบร้อย....ร่มสีโปร่งใส ถูกหุบลง และสะบัดเบาๆ ก่อนจะดึงมันเข้ามาในรถ วางตรงพื้นผ้ายาง



เมื่อประตูรถถูกดึงปิด รถทุกคันก็เริ่มส่งเสียงครางกระหึ่ม....แล้วพากันแล่นออกจากพื้นที่ลานจอดรถ ทิ้งไว้เพียงร่องรอยของสายน้ำที่โดนล้อบดจนเกิดฟองสีขาวเล็กๆ ประปรายบนพื้นปูน



ฉันยังคงนั่งนิ่ง จ้องมองเม็ดฝนที่เกาะแน่นอยู่บริเวณกระจก หยาดน้ำไหลย้อยลงมาไม่ขาดสาย หยดแล้วหยดเล่า หยดหนึ่งไหลย้อยลงไป หยดใหม่ก็เข้ามาเกาะแทนที่ เป็นอย่างนี้สม่ำเสมอ....ท้องฟ้าตอนนี้เริ่มมืดครึมลงเรื่อยๆ อากาศทั้งด้านในและนอกรถ คงไม่ต่างกันนัก หนาวเย็น....ฉันกอบกระชับผ้าคลุมไหล่ให้มากขึ้น เสียงเพลงสากลร่วมสมัยดังเบาๆ มาจากเครื่องเสียงที่คุณพล ติดตั้งไว้ในรถ เครื่องเล่นอันทันสมัย หน้าปัดมีแสงไฟเล็กหลากหลายสี กระพริบตามจังหวะเพลง เบญจวรรณ โยกตัวเบาๆ ไปตามจังหวะเพลง ดูท่าทางคืนนี้เธอออกจะครึกครื้นน่าดู ส่วนคุณพลเอง ก็เคาะนิ้วเบาๆ ที่พวงมาลัย เค้ามักจะมีรอยยิ้มน้อยๆ บนใบหน้าเสมอ



“คืนนี้ วงบราวน์ จะมานะ” จู่ๆ คุณพลก็พูดขึ้น สีหน้าของเค้าแสดงให้รู้ได้ชัดว่า กำลังอยู่ในห่วงอารมณ์สบายใจ “ว้าววว ดีจังเลยค่ะ” เบญจวรรณ รีบยื่นใบหน้ามาทางด้านหลัง เพื่อช่วยเสริมว่า สิ่งที่คุณพละกำลังพูดถึงอยู่นั้น คือเรื่องวิเศษสำหรับค่ำคืนนี้



คุณพลส่งยิ้มเย็นให้ฉันอีกครั้ง ฉันจำต้องยกริมฝีปากยิ้มตอบกลับตามมารยาท....ฉันหันหน้ามองไปบนถนน และสายฝนเบื้องหน้า ภาพการจราจรที่เริ่มจะต่อตัวติดขัดบนถนนในเมือง แสงไฟสีแดงส้มจากด้านหลังของรถคันข้างหน้าส่องผ่านสายฝนเข้ามากระทบกระโปรงรถ และกระจกหน้าของรถ ที่ปัดน้ำฝนทำงานของมันอย่างสม่ำเสมอ ปัดหยาดฝนที่ปลิวมาเกาะติดกระจกให้ลื่นหายไป และหยดฝนหยดใหม่ก็ปลิวเข้ามาเกาะแทน เป็นอยู่อย่างนี้ตลอดเส้นทาง...แสงไฟจากท้ายรถของพี่อู๊ด ที่ขับตามหลังรถของพี่มาร์ แล่นผ่านป้ายไฟสีเขียวอมฟ้าของร้านเมาเท้นท์ ร้านประจำของกลุ่ม รถเลี้ยวซ้ายเข้าไปยังลานจอดของร้าน...คุณพลขับตามพี่อู๊ดเข้าไปติดๆ ขณะที่รถของคุณพลกำลังวนหาที่จอดเหมาะๆ พี่มาร์ และ อรนุช ก็ลงมาจากรถเรียบร้อยแล้ว....ร่มคันสีเหลืองสดกางออก อรนุชรีบเดินไปหาพี่มาร์ และยกร่มให้สูงขึ้นเพื่อบังฝนให้อีกฝ่าย ทั้งสองเดินไปยังระเบียงหน้าร้าน ที่มีพื้นที่สำหรับหลบฝน


รถของเราจอดสนิทนิ่ง....เบญจวรรณ เปิดประตูรถ และกางร่มสีน้ำเงินอ่อนของเธอออก แล้วจึงย้ายตัวออกจากรถ....ร่มของเบญจวรรณ เป็นร่มคันเล็ก ใช้ได้สำหรับคนเดียวเท่านั้น เธอหันมายิ้มบอกกับคุณพลก่อนปิดประตูรถ “คุณพลเข้าไปพร้อมกานนะคะ ร่มกานเค้าใหญ่กว่าของเบญ” พูดจบ เบญจวรรณ ก็ปิดประตูรถทันที...



ฉันยิ้มน้อยๆ ให้กับคนทั้งสอง และเปิดประตูรถ กางร่มสีโปร่งใสของฉันออก เพื่อบังฝนที่หล่นลงมา ก่อนจะก้าวเท้าออกจากรถ...ฉันไม่ชอบพื้นที่เฉอะแฉะ ข้อนี้คุณพลย่อมทราบดี แน่นอนที่สุดว่า เหตุที่ทำให้เค้าต้องวนรถหาที่จอดเหมาะๆ จนได้พื้นที่ ที่ราบเรียบของพื้นปูน ไร้ซึ่งน้ำขังแบบนี้ได้ คงมาจากฉันแน่ๆ ความใจดีแบบนี้ของคุณพลมักจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยครั้ง...ฉันลงมายืนบนพื้นเต็มสองเท้า และปิดประตูรถก่อนจะเดินวนไปหาฝั่งคนขับตามหน้าที่ ที่เบญจวรรณระบุไว้..คุณพลจัดการปลดเนคไทออกก่อนหน้าที่ฉันจะลงมารับ เค้าพับแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นถึงข้อศอก เสื้อสูทตัวนอกถูกถอดพาดไว้กับพนักพิงคนขับ เค้าเปิดประตูออกมาเล็กน้อย และก้าวลงมาจากรถอย่างรวดเร็ว เหมือนกลัวว่าจะเสียมารยาทหากปล่อยให้ฉันยืนรอ



คุณพลลงมายืนบนพื้นปูน ปิดประตูรถ และยิ้มให้ฉันเช่นทุกครั้ง “ผมถือเองดีกว่านะ” เค้าพูดพร้อมกับยื่นมือมาจับด้ามร่มของฉัน แน่นอนว่า ฉันต้องยอมปล่อยด้ามร่มทันที เพราะตัวของคุณพลสูงกว่าตัวฉันอยู่มาก รูปร่างของหนุ่มลูกครึ่งไทย –จีนไต้หวัน คนนี้ สูงโปร่ง ผิวขาวละเอียด แต่ก็ไม่ได้ผอมบาง ผมสีดำเป็นมัน ตัดสั้นเข้ากับใบหน้ารูปรีของเค้า แม้ว่าดวงตาของเค้าจะไม่โตเหมือนชาวตะวันตกนัก แต่ก็เข้ากับจมูกโด่งเป็นสัน และริมฝีปากสีชมพูอ่อนเป็นอย่างดี...ตัวฉันสูงได้เพียงหัวไหล่ของเค้าเท่านั้น พวกเราเดินตรงไปทางระเบียงร้าน ที่ซึ่งเบญจวรรณ เดินไปถึงก่อนหน้านี้พร้อมๆ กับพี่อู๊ด และพี่ยุพิน เบญจวรรณหุบร่มของเธอ และส่งให้พนักงานต้อนรับด้านหน้า และต้อนกลุ่มคนเข้าไปในร้านก่อน โดยไม่รอฉันกับคุณพลเลย



สายฝนทำให้ฉันและคุณพลต้องเบียดกันอยู่ในร่มคันเล็กของฉัน....ดูเหมือนว่า คุณพลใช้ตัวของเค้าบดบังเม็ดฝนที่พยายามจะเข้ามารุกรานร่างกายของฉัน ตลอดทุกย่างก้าวเดิน....เค้าดูสุภาพ อ่อนโยน และใจดี ฉันไม่กล้าปฏิเสธได้เลยว่า ฉันแอบชื่นชอบกลิ่นน้ำหอมที่คุณพลชอบใช้ และยิ่งตอนนี้ฉันได้กลิ่นนั้นชัดถนัดอย่างมาก กลิ่นหอมอ่อนๆ อบอุ่น และน่าหลงใหล...ฉันไม่รู้จะอธิบายได้อย่างไร แต่ฉันรู้ว่า มันทำหน้าที่ของมันได้อย่างทรงประสิทธิภาพทุกครั้งที่ถูกประพรมบนเรือนร่างของคุณพล ....กลิ่นของคุณพล





***************************









Create Date : 02 ตุลาคม 2552
Last Update : 4 ธันวาคม 2552 10:48:13 น. 0 comments
Counter : 384 Pageviews.

kokoo_129
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Smiley*~๐.."รัก" ก็แค่คำว่า "รัก"..๐~*Smiley
Cute Cursors from Dollielove
Free Hit Counters
Friends' blogs
[Add kokoo_129's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.