εїз . . •°o.O -:- KeeP WalKinG -:- O.o°• . . εїз
Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2550
 
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728 
 
1 กุมภาพันธ์ 2550
 
All Blogs
 

Meeting @ Pacific City Club

เมื่อวันอังคารที่ 30 มกราคม 2550 ที่ผ่านมา ต้องไปประชุมร่วมกับตัวแทนขายรายใหญ่ของบริษัท ปกติก็ไม่เคยจะต้องไป เพราะว่าเป็นการประชุมในระหว่างคนญี่ปุ่นระดับสูงด้วยกัน แต่ครั้งนี้เจ้านายเราดันกระเตงเราไปด้วย โดยบอกว่าประธานเป็นคนสั่งให้เราไปด้วย (แต่ประธานไม่เห็นทำท่าว่าสั่งเราสักนิดซักหน่อยอ่ะ)

เจ้านายบอกล่วงหน้าประมาณสองถึงสามสัปดาห์ เล่นเอาเราเป็นโรควิตกจริตอยู่ซะนาน .. ก็จะไม่ให้วิตกได้ยังไงกันหล่ะ มีแต่คนญี่ปุ่นทั้งนั้น รวมๆของฝ่ายบริษัทเราด้วยก็ปาเข้าไป 11 คนแล้ว และก็แต่ละคนมีแต่ระดับผู้บริหารระดับสูงทั้งนั้น ไล่ตั้งแต่ President ลงมาจนถึง Manager ที่เป็นชาวญี่ปุ่น .. แล้วเราก็เป็นคนไทย(ผู้หญิง)คนเดียวที่ต้องไปเข้าประชุมด้วยกัน .. ไอ้ที่ชวนให้เครียดอีกอย่างหนึ่งก็คือ สถานที่ประชุม .. ไปจัดที่ Pacific City Club ที่อยู่ติดกับโรงแรมแลนด์มาร์ค สุขุมวิท เหอๆ ระดับออกจะไฮโซขนาดนั้น กับไอ้คนติดดินแบบเรา .. ตูจะรอดไหมเนี่ย

ออกจากบริษัทไปพร้อมเจ้านายเวลาบ่ายสองโมงเกือบครึ่ง ไปถึงสถานที่ตอนประมาณสามโมงเกือบครึ่ง เมื่อขึ้นลิฟต์ไปก็พบว่า โอ้แม่เจ้า ดีนะที่ชั้นใส่รองเท้าส้นสูงที่มันดูหรูนิดนึง พร้อมกับใส่สูทมาอย่างเรียบร้อย (แต่ผมเผ้าและหน้าตาก็ยังไม่ไฮโซเพียงพออยู่ดีอ่ะนะ ) ถ้าเกิดใส่รองเท้าแบบสบายๆที่ใส่ไปทำงานทุกวัน คงต้องแย่เป็นแน่แท้ เพราะว่าสถานที่ช่างดูอลังการงานสร้าง เจ้านายบอกว่าที่นี่มีแชร์แมนใหญ่คือคุณอาสา สารสิน และก็มีแขกระดับไฮโซต่างชาติ รวมทั้งคนใหญ่คนโตในแวดวงการเมืองมาใช้บริการบ่อยๆ รวมทั้งท่านนายกฯด้วย เจ้านายก็เคยเจอมาแล้ว ... ได้ยินแล้วก็ .. อืม ตกลงเป็นบุญของเราใช่ไหมล่ะนี่??

กว่าทาง PCC จะจัดเตรียมห้องประชุมให้เรียบร้อย ก็เกือบจะถึงเวลาประชุมอยู่แล้ว เจ้านายก็เลยให้เราไปเตรียมแจกเอกสารที่จะใช้ในการประชุมวางเรียงไว้ให้ที่โต๊ะของทุกคน แต่ยังดีที่ผู้ร่วมประชุมส่วนใหญ่ต่างก็มาสาย เนื่องจากรถติด ก็เลยมีเวลาเหลือเฟือที่จะตรวจตราความเรียบร้อยทั้งหมด และทาง PCC ก็ตระเตรียมทุกอย่างไว้ให้อย่างดีมาก (สมกับราคาจริงๆ หุหุ)

เมื่อเริ่มประชุม เราก็ได้รู้ซึ้งถึงสิ่งที่กลัวไว้แล้วล่วงหน้า .. "ฟังไม่ทันจริงๆด้วย" .. ก็แหม แต่ละคนเล่นโซโล่กันซะปานสายฟ้าแลบ กว่าเราจะแปลครบทุกประโยคที่เค้าพูดกันได้ ก็พูดต่อๆกันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว.. และก็ได้รู้ซึ้งถึงความเครียดและหัวคิดของผู้บริหารระดับสูง (หลังจากที่ไม่ได้ฟังมานาน นับตั้งแต่ลาออกจากที่เก่า) อืมมม สมแล้วที่แต่ละคนเป็นระดับประธานบริษัท พูดแสดงความคิดเห็นในเชิงธุรกิจกันได้ล้ำลึกสุดๆ แต่เจ้านายให้เราจดบันทึกการประชุม เราก็ไม่รู้จะจดอะไร เพราะว่าจดไม่ทัน และอีกอย่างคือ "แปลออกไม่หมด" รู้สึกว่าตัวเองช่างโง่เขลาจริงๆ แต่ก็ยังปลอบใจตัวเองว่า เรามันก็เป็นแค่ล่ามกะเลขาฯ จะให้ฟังแล้วจดได้ทุกประเด็น แล้วจดให้ทันทุกคนที่พูดมันจะเป็นไปได้ยังไง เพราะเราก็ไม่ได้เป็นคนญี่ปุ่นซะหน่อย แต่มันก็รู้สึกแย่อยู่ดี รู้สึกตัวหดเหลือกระจิ๊ดเดียวเอง

ทุกคนมาเข้าร่วมประชุมสาย ดังนั้นก็เลยรีบๆพูด รีบๆประชุมเพื่อรักษาเวลาในการเช่าห้องประชุมไว้ ดังนั้นก็เลยกลายเป็นพูดกันหยั่งกับไฟแล่บ แล้วก็ประชุมกันโดยที่ไม่มีเบรคดื่มกาแฟ+ทานแซนวิชกันเลย ไอ้เราก็ต้องนั่งจด ได้แต่นั่งมองตาปริบๆ (ถึงแม้ประธานของเราจะบอกว่าเชิญทานได้ตามสบายก็เถอะ แต่คนอื่นไม่มีใครกินเลยนอกจากประธานเราหยิบไปชิ้นนึงเท่านั้น) หิวก็หิว เครียดก็เครียด โอย แย่จริงๆ...

สุดท้ายก็จบประชุม แล้วก็ต้องไป Dinner กันต่อที่อีกห้องหนึ่ง ... เฮ้อ เจอความเครียดอีกรอบ .. เพราะเมื่อไปถึงห้องดินเนอร์ โอ้แม่เจ้า เล่นเป็นห้องส่วนตัวกันเลยเนาะ จัดไว้สำหรับ 11 ที่พอดิบพอดี แถมเจ้านายเราดันบอกให้เราไปนั่งติดกับประธาน (ถึงจะเคยนั่งดินเนอร์อย่างหรูด้วยกันมาแล้วเมื่อตอนไปอบรมที่ญี่ปุ่นก็เถอะ ก็ยังอดประหม่าไม่ได้อยู่ดี) แล้วอาหารมือนี้มันธรรมดาซะเมื่อไหร่...เป็นโต๊ะจีนแบบที่ไม่เคยกินแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ... ปกติโต๊ะจีนที่หรูสุดของเราก็ยังเป็นแบบโต๊ะจีนที่เสิร์ฟอาหารรวม แล้วตักแบ่งกันเองอยู่ดี แต่นี่เล่นมาเสิร์ฟแยกกันเป็นคนละชุดไปเลย อาหารอย่างหนึ่งก็จัดแยกมาให้แต่ละคน คนละ 1 ที่เล็กๆ ... ถึงแม้จะเป็นอย่างละนิดเดียว แต่กว่าอาหารจะครบทุกเมนู ก็เล่นเอาซะอิ่มจนกินไม่หมดเชียวแหละ .. ช้อน ส้อม ตะเกียบ ล้วนทำจากเงิน แบบนี้หรูไหมล่ะ

ประธานเราเป็นคนชอบไวน์ ท่านก็เลยเอาไวน์ที่ทางบริษัทไปซื้อมาจากโรงผลิตไวน์ที่เขาใหญ่ ไอ้เราก็ไม่ใช่คอไวน์น่ะนะ(ถึงจะชอบก็เถอะ แต่ก็ไม่มีความรู้ด้านนี้) แต่ก็เชื่อได้เลยว่าต้องเป็นไวน์ชั้นดีมีตระกูล เห็นเขียนว่า Brumes และประธานก็เล่าให้ทุกคนฟังว่านี่เป็นไวน์ที่ทางประเทศไทยใช้ต้อนรับอาคันตุกะที่มาประชุมเอเปคและทุกคนเอ่ยปากชมว่าเป็นไวน์ที่อร่อยมาก ซึ่งการผลิตไวน์นี้ได้มีผู้ควบคุมการผลิตเป็นชาวฝรั่งเศส แต่ว่าทำที่ประเทศไทยแถวๆเขาใหญ่ เราลองชิมดู มันก็อร่อยจริงๆแหละ หอมและมีรสหวานปนด้วย ไม่ฝาดเหมือนไวน์ที่เคยดื่มมาก่อนหน้านี้ (ไวน์ที่ประธานเลี้ยงที่ญี่ปุ่นก็ยังไม่อร่อยเท่านี้เลย) ไอ้เราจะดื่มเยอะก็ไม่ได้ ต้องรักษาภาพพจน์ซะหน่อย รวมทั้งนี่เป็นการดื่มในระหว่างการปฏิบัติงานซะด้วย แถมไม่ได้ดื่มอยู่ที่บ้านอีก ก็ต้องระวังตัวหน่อย ไม่งั้นกลับบ้านสามีต้องดุแน่ๆ .. แต่ว่าปกติเราดื่มไวน์แล้วจะไม่เมา ไม่เหมือนเบียร์หรือสปาย ดื่มไปมากๆยังมีอาการมากกว่าไวน์ซะอีก แปลกจริงๆ .. สงสัยเกิดมาคอสูง กินได้แต่ของแพง 5555555

ในโต๊ะอาหาร ทุกๆท่านจะคุยกันเรื่องผ่อนคลาย แต่โดยรวมก็เป็นเรื่องในประเทศไทยนี่แหละ มันก็เลยทำให้เรารู้สึกแปลกๆนิดหน่อย เพราะดูเหมือนว่าทุกคนจะลืมไปหรือเปล่าว่าฉันเนี่ย คนไทยนะ ... แต่มันก็ไม่ใช่เป็นเรื่องไม่ดีหรอกนะ มันเป็นเรื่องแปลกๆ หรือเป็นเรื่องบ่นซะมากกว่า เป็นต้นว่า บ่นเรื่องน้ำท่วม หรือรถติด หรือเรื่องหมาแถวบ้านเห่าเสียงดัง หรือเรื่องหมาของคนรู้จักหนักตั้ง 52 กิโล(หนักกว่าเราอีกนะนั่น ) หรือเรื่องเสียงละหมาดตอนเช้ามืดที่ทำให้ประธานเราตกใจตื่นทุกที เป็นต้น ฟังแล้วมันก็เพลินๆ ดีเหมือนกันนะ แต่ที่ขำที่สุดคือ คนญี่ปุ่นมานั่งบ่นว่าประเทศไทยหนาวเนี่ยสิ ฟังทีไรก็ขำทุกที เพราะบ้านเค้าเวลาอากาศหนาว ก็หนาวกว่าบ้านเราตั้งเยอะ แต่มานั่งบ่นกันว่าเนี่ย อุณหภูมิต่ำสุดตั้ง 15 องศาเชียวนะ หนาวมากๆเลย เจ้านายเราก็เลยพูดซะว่าเนี่ยได้ยินจากเราว่าหนาวที่สุดในรอบ 50 ปีเลยนะ ก็ยิ่งเป็นทอปิคในการพูดกันไปซะอีก ตลกดีแฮะ

อืม เมื่อวันนั้นท่านอาสาก็มาที่ Pacific City Club เหมือนกัน รู้สึกว่าท่านจะมาประชุม แต่ห้องไม่ว่าง ก็เลยต้องนั่งรับประทานอาหารรอไปพลางๆ พอประธานเรารู้ก็เลยอยากพบ เพราะท่านรู้จักกันอยู่ แต่เมื่อสอบถามดูแล้วเห็นว่าท่านจะต้องมีประชุม ก็เลยบอกว่าไม่เป็นไร เสียดายจัง เลยอดพบท่านด้วยเลย ...

ของหวานของมื้อนั้น เป็นไอศครีมวนิลากับกล้วยหอมทอด เป็นสิ่งที่ไม่เคยกินมาก่อนเลยจริงๆ ไอ้กล้วยหอมทอดเนี่ย .. เมื่อมาเสิร์ฟก็พบว่าเป็นไอศครีมวนิลา 1 ลูกวางไว้บนน้ำผึ้งที่ราดไว้บนจาน มีวิปครีมนิดหน่อยแล้วก็เชอร์รี่ 1 ลูก+ใบมิ้นต์ แล้วก็กล้วยหอมชุบแป้งทอดครึ่งซีก (ครึ่งลูกแนวยาว) มันก็อร่อยดีเหมือนกันนะ แต่ไอ้ที่ทำให้เรารู้สึกขำๆก็คือ ไม่เคยเห็นคนญี่ปุ่นในวัยที่เป็นผู้บริหารระดับสูงมานั่งตักไอติมวนิลากินกันเนี่ยน่ะสิ .. มันคงจะเป็นภาพที่หายากน่าดูนะ ผู้บริหารระดับสูง 10 คนมานั่งตักไอติมกินกันน่ะ .. มองดูแล้วรู้สึกว่าน่ารักไปอีกแบบนึงแฮะ ...

เมื่อทุกท่านรับประทานกันเสร็จเรียบร้อยก็ตบท้ายด้วยชาร้อนและกาแฟร้อน แล้วจึงต่างคนต่างแยกย้ายกันเดินทางกลับ ของเรานี่ เจ้านายต้องพาไปส่งถึงบ้าน ตอนแรกก็ว่าจะส่งให้กลางทางแล้วให้สามีออกมารับ แต่สุดท้ายเจ้านายก็บอกว่าไปส่งถึงบ้านเลยก็ได้(เพราะเราบอกไปแล้วว่าจากทางด่วนไปถึงบ้านเราประมาณ 15 นาทีเท่านั้นเอง ถ้ารถไม่ติดนะ) พอรุ่งขึ้นถามเจ้านายดูว่าถึงบ้านดึกมากไหมคะ .. นายก็บอกว่าจากบ้านเราไปประมาณครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง อืมมม ก็เร็วดีนะ จากบ้านเราไปถึงแถวๆสุวรรณภูมิเนี่ย ครึ่งชั่วโมงเอง .. ก็มันดึกแล้วนี่นะ รถก็ไม่ติดแล้วหล่ะ...ไม่รู้ว่าอีกหน่อยจะได้ใจ กระเตงเราไปอยู่เรื่อยหรือเปล่าน่ะสิ .. แบบนี้ไม่ค่อยดีเลยแฮะ .. เครียดจะตาย .. แต่มันก็ทำให้ได้ประสบการณ์ดีๆมาเหมือนกันนะ




 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2550
1 comments
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2550 14:32:10 น.
Counter : 1738 Pageviews.

 

*
สวัสดีค่ะ
มาเยี่ยมเยีน ค่ะ
สบายดีนะค่ะ

 

โดย: STAR ALONE (STAR ALONE ) 1 กุมภาพันธ์ 2550 19:21:24 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


KOInobori
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed

ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ஐ..ไร้ควันบุหรี่..สิ่งแวดล้อมดี..ชีวีสดใส..ஐ
webpage counters
Google
Friends' blogs
[Add KOInobori's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.