ชีวิตคืองาน งานคือชีวิต.....
Group Blog
 
 
มีนาคม 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
3 มีนาคม 2554
 
All Blogs
 

ปรัชญาชีวิตและการทำงาน โดย ดร.เทียม โชควัฒนา

ปรัชญาการทำงานและการดำเนินชีวิต

1. รู้น้อยไม่เกี่ยงงาน
คนเราหากมีความรู้น้อยต้องไม่ท้อถ้อยหรือเลือกงาน เพราะการทำงานคือหนทางเพิ่มความรู้และประสบการณ์
2. เที่ยงธรรมและเยือกเย็น
ผู้บริหารที่ดีต้องปกครองคนด้วยความเที่ยงธรรมและสุขุมเยือกเย็นเป็นสำคัญ
3. ขยัน อดทน รักษาเครดิต คบคนดี อย่าเอาเปรียบใคร และไม่สร้างศัตรู
คนที่จะประสบความสำเร็จในชีวิต ต้องมีความขยัน อดทน ประพฤติตนน่าเชื่อถือ รู้จักคบคนดีเพราะคนดีย่อมนำพาไปสู่สิ่งดีๆและที่สำคัญไม่ควรเอาเปรียบหรือเป็นศัตรูกับผู้อื่น
4. เป็นร่มเงาให้ประโยชน์สุข
ต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาและอุดมด้วยดอกผล อันเอื้อประโยชน์แก่ผู้ปลูกทำนุบำรุง และคนทั่วไปฉันใดองค์กรที่เจริญเติบโตมั่นคงย่อมควรจะเอื้อประโยชน์และเกื้อกูลแก่บุคลากรและสังคมฉันนั้น
5. รักตนเอง รักครอบครัว รักบริษัท
บุคคลใดดำเนินชีวิตด้วยพื้นฐานจากพลังแห่งความรักในตนเองครอบครัว และองค์กรเป็นสำคัญ บุคคลนั้นย่อมประสบความสำเร็จที่ยั่งยืนทั้งในชีวิตส่วนตัวและชีวิตการทำงาน
6. ความรู้เหมือนดาบ ยิ่งใช้ยิ่งคม
ผู้ใดมีความรู้แล้วนำความรู้ของตนมาใช้และถ่ายทอดให้ผู้อื่นผู้นั้นจะยิ่งเกิดความชำนาญ และเป็นการเพิ่มคุณค่าแห่งความรู้นั้นด้วยเปรียบเสมือนดาบที่นำมาถูกใช้ประโยชน์ และได้รับการเอาใจใส่ดูแลให้คงไว้ซึ่งความคมตลอดเวลา
7. เรียนรู้สิ่งใด เรียนรู้จากคน
เรื่องราวทุกอย่างคนเป็นผู้สร้างขึ้น ดังนั้น ถ้าต้องการเรียนรู้สิ่งใดให้เรียนรู้จากคนซึ่งล้วนเป็นขุมทรัพย์แห่งความรู้และประสบการณ์
8. การใช้โทสะ มีแต่สร้างความรุนแรง
การใช้โทสะเข้าตัดสินปัญหา ไม่เกิดผลดีกับใครเลยมีแต่สร้างความรุนแรงเพิ่มขึ้น
9. ไม่แล่เนื้อ เถือหนังพวกพ้อง
อดอยากแค่ไหน จงทำตัวเป็นเสือไม่แล่เนื้อเถือหนังพวกพ้องเดียวกันแต่ต้องพยายามเป็นผู้ช่วยเหลือผองเพื่อนจะดีกว่า
10. ทบทวนอดีต ศึกษาปัจจุบัน เพื่อวางอนาคต
การทบทวนประสบการณ์จากอดีตทั้งของตนเองและผู้อื่น และการศึกษาเรื่องราวจากคนและสิ่งรอบข้างในปัจจุบันเป็นแนวทางให้เราวางอนาคตได้ถูกต้องแม่นยำยิ่งขึ้น
11. มากคน มากวาสนา
คนเราทุกคนล้วนมีวาสนาบารมี ถ้าทุกคนเอาวาสนาบารมีมาร่วมกัน บริษัทก็จะเจริญก้าวหน้า
12. อย่าปล่อยชีวิตให้หมดไปอย่างไร้ค่า
คนเราถ้าเข้าใจการจากไปอย่างไม่ย้อนกลับของเวลาย่อมใช้ชีวิตในแต่ละช่วงอย่างมีค่า
13. เร็ว ช้า หนัก เบา
ในการทำงาน ควรหมั่นพิจารณาอยู่เสมอว่า งานไหนทำก่อน งานไหนทำทีหลัง งานไหนต้องจริงจัง และงานไหนที่พอควร
14. ความสำเร็จย่อมเป็นของผู้มีความเพียร
อยากประสบความสำเร็จในชีวิตการทำงาน ต้องพาตัวเข้าหางานอย่าคอยให้งานมาหาตัว เพราะงานคือทุกอย่างของชีวิตที่เราต้องพากเพียรและพยายามทำตลอดไป
15. ไม่มีอะไรเกินความพากเพียรของมนุษย์
คนเราถ้าไม่นิ่งนอนใจ แต่เพียรพยายามใช้สติปัญญาต่อสู้อย่างเต็มกำลังแล้ว ในที่สุดเราก็จะเป็นผู้มีชัยชนะ
16. ความสำเร็จของงาน อยู่ที่คุณภาพของคน
หัวใจในการทำงานให้สำเร็จ มิใช่อยู่ที่การสร้างคนให้มีความเชี่ยวชาญในการทำงานเท่านั้น แต่ต้องร่วมถึงการสร้างเสริมให้ทุกคนอยู่ร่วมกันด้วยความรัก และความสามัคคีด้วย
17. แค่หยุดอยู่กับที่ ก็กลายเป็นผู้ล้าหลัง
นักธุรกิจต้องเป็นคนไม่หยุดนิ่งเพียงวันนี้แต่ต้องมีการปรับเปลี่ยนให้ทันสมัยทันโลก พร้อมที่จะก้าวสู่วันพรุ่งนี้ได้เสมอ
18. ชมเกินจริงเป็นโทษ ติเกินเหตุเสียน้ำใจ
การชมเชย อย่าให้เขาหลงระเริงจนอาจลืมกับความสำเร็จ ก่อให้เกิดความประมาทที่อาจนำไปสู่ความล้มเหลวในอนาคตได้ การติ ต้องทำด้วยจิตใจที่หวังดีและใช้คำพูดที่สร้างสรรค์
19. ผู้ที่ยิ้มแย้มแจ่มใส มักเป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป
ความเป็นคนมีอารมณ์ดี ยิ้มแย้มมีชีวิตชีวานั้นเป็นเสน่ห์ของมนุษย์อย่างแท้จริง
20. ทำดีเปรียบการเดินทวนกระแสน้ำ ทำชั่วเปรียบการลอยตามน้ำ
การทำความดีเปรียบเหมือนปลาว่ายทวนน้ำขึ้นไปที่สูงจะพบแต่น้ำที่ใสสะอาดฉันใด คนที่พยายามทำความดีแม้จะลำบากยากเย็น ก็ย่อมพบชีวิตที่ดี สะอาดสดใสอันเป็นมงคลแก่ตนเองฉันนั้น
21. มนุษย์สัมพันธ์ คือพื้นฐานของความสำเร็จ
องค์กรจะเจริญรุ่งเรืองได้บุคคลในองค์กรต้องมีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีความสุภาพอ่อนโยน รู้จักข่มอารมณ์และให้อภัยซึ่งกันและกันเสมอ
22. ความก้าวหน้าที่แท้จริง ย่อมเกิดจากฝีมือการทำงาน
ความก้าวหน้าที่ได้มาจากความสามารถในการทำงานจะให้ผลที่จีรังยั่งยืน
23. งานสำเร็จได้ดี เพราะทีมงานดี
การประสานพลังใจและพลังความคิดของทีมงานที่ดีนำมาซึ่งความสำเร็จของงาน
24. อดทนและอดกลั้น นำไปสู่ความสำเร็จ
คนที่อดทนต่อปัญหาและอุปสรรคต่างๆได้ดีกว่าคนอื่นจะเป็นคนที่ประสบความสำเร็จในชีวิต
25. อยากขยายใหญ่ ใจต้องกว้าง
ในการถ่ายทอดความรู้ให้ลูกน้อง การขยายกิจการให้ใหญ่โตต้องอาศัยพลังความสามารถ ความรู้และความคิดจากทุกคน ฉะนั้น หัวหน้างานต้องใจกว้างหมั่นสอนและฝึกฝนความชำนาญให้ลูกน้องเสมอ
26. คนคือทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในโลก
คนเป็นทรัพยากรอย่างหนึ่งของโลกแต่คนจะมีคุณค่ายิ่ง หากรู้จักประพฤติตนให้เป็นประโยชน์ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม
27. ความรู้ต้องมองสูง ความเป็นอยู่ต้องมองต่ำ
ความรู้เปรียบเหมือนขุมทรัพย์ คนที่อยากก้าวหน้าต้องใฝ่รู้เรียนรู้ให้มากขึ้นอยู่เสมอ แต่ความเป็นอยู่นั้นต้องเรียบง่าย ไม่ฟุ้งเฟ้อ
28. ความรักและความเข้าใจกัน เป็นความสุขอย่างยิ่งของผู้มีภูมิปัญญา
คนที่มีภูมิปัญญา จะมีความสุขอย่างแท้จริง หากรู้จักทำงานร่วมกับผู้อื่นด้วยความรักและความเข้าใจที่ดีต่อกัน
29. ศึกษาเพื่อมอบงานให้เหมาะกับความสามารถ
หัวหน้างานที่ดีต้องเป็นคนช่างสังเกตและใกล้ชิดลูกน้องสามารถวิเคราะห์ได้ว่า งานใดเหมาะกับความสามารถของลูกน้องคนใดเพื่อมอบหมายงานให้ตรงกับความสามารถของเขา
30. ความประมาท ความหลงตัวเอง อาจนำไปสู่ความพินาศ
การกระทำสิ่งใดโดยขาดความระมัดระวังและคิดว่าตนเองเก่งเหนือผู้อื่นเสมอ อาจนำมาซึ่งความล้มเหลวแต่หากกระทำสิ่งใดด้วยความรอบคอบและอ่อนน้อมย่อมนำไปสู่ความสำเร็จ
31. เข็มเล่มหนึ่ง ไม่มีปลายแหลมสองด้าน
ทุกคนมีทั้งจุดเด่นและจุดด้อย คนเราจึงไม่มีใครเก่งทุกอย่างเปรียบเสมือนเข็มที่มีปลายแหลมสำหรับเย็บประชุนได้เพียงด้านเดียว ฉะนั้นคนเราควรรู้และทบทวนจุดเด่น และจุดด้อยของตนอยู่เสมอ
32. หนังฉายช้าไม่ตื่นเต้น ตลกมุขเก่าคนไม่ฮา
งานทุกงานควรต้องได้รับการปรับปรุงและพัฒนาให้ดีขึ้น และสอดคล้องกับวันเวลาที่เปลี่ยนไปเสมอ
33. ผู้เป็นพนักงานขายที่ดี ใช่ว่าจะเป็นชุปเปอร์ที่ดีได้เสมอไป
ผู้มีความสามารถสูงในงานอย่างหนึ่ง ใช่จะทำงาน อีกอย่างหนึ่งได้ดีเสมอไป ดังนั้นผู้ที่จะเป็นหัวหน้าที่ดีได้นอกจากจะต้องทำงานแก่งแล้ว ต้องเข้าใจวิธีสอนและปกครองคนด้วย
34. หมั่นเล่าสร้างความจำ หมั่นซักถามสร้างความรู้
เมื่อได้เรียนรู้สิ่งใดแล้วหมั่นถ่ายทอดให้ผู้อื่นรับรู้ด้วยจะทำให้เราจำได้ดีขึ้น และเมื่อไม่รู้สิ่งใดก็อย่าอายที่จะถามเพราะจะช่วยให้เรารู้มากขึ้น ในขณะที่คนที่โออวดว่ารู้หมดแล้วแท้จริงคือคนที่ไม่รู้อะไรเลย
35. มอง ฟัง คิด ถาม พื้นฐานของการเรียนรู้
พื้นฐานที่ดีของการเรียนรู้ต้องอาศัยทั้งการมอง ฟัง คิด ถาม ประกอบกันอย่าเพียงแต่มอง ฟัง หรือถามแล้วนำมาใช้โดยไม่การคิดไตร่ตรองหาเหตุผลเสียก่อน
36. ความเป็นเพื่อนเป็นสิ่งดีงามที่มนุษย์จะพึงปฏิบัติต่อกัน
คนเราจะมีความสุขในชีวิต หากรู้จักมอบความสุขในชีวิตหากรู้จักมอบความเป็นเพื่อนให้แก่คนรอบข้าง รู้จักช่วยเหลือเกื้อกูลกันอย่างจริงใจโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน
37. เป็นคนต้องรู้จักตัวเอง
การหมั่นสำรวจตัวเอง ย่อมทำให้คนเรารู้จุดอ่อนจุดแข็งของตนเองสามารถแก้ไขข้อบกพร่องและพัฒนาตนเองได้ถูกต้องเสมอ
38. พลังกายในวัยหนุ่มมีเหลือเฟือควรใช้ให้คุ้มค่า
เกิดเป็นคนต้องใช้ชีวิตคุ้มค่าต่อตนเอง ต่อผู้อื่น และต่อสังคม อย่าให้มีช่วงเวลาใดที่ต้องรู้สึกเสียดาย ที่ให้เวลาผ่านไปอย่างไร้ประโยชน์
39. การแข่งขันบังคับให้ต้องใช้สมอง
การแข่งขันคือ การที่ทำให้คนเราต้องคิดและตื่นตัวเสมอทำให้เกิดการพัฒนาความสามารถตลอดเวลา
40. อารมณ์ชั่ววูบ อาจทำลายมิตรภาพที่ยืนยาวได้
การแก้ปัญหาโดยขาดสติ หรือใช้อารมณ์ก่อให้เกิดความรู้สึกไม่ดีระหว่างกัน และอาจลุกลามไปสู่ความบาดหมางกันได้
41. การพูดจาอ่อนน้อมถ่อมตน ทำให้คนยอมรับ
การรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตนช่วยให้เราครองใจผู้อื่นได้
42. ความคิดสร้างสรรค์ คือ พื้นฐานสำคัญของผู้ประกอบการค้า
ในการทำธุรกิจ ต้องพัฒนาความคิดสร้างสรรค์อยู่เสมอ เพราะการผูกติดกับความคิดเก่าๆในขณะที่เวลาเปลี่ยนไปนั้นเป็นการปิดกั้นความเจริญก้าวหน้าของธุรกิจ
43. อย่าหลงเชื่อคำกล่าวของผู้อื่นโดยขาดสติ และความรอบคอบ
ก่อนที่จะเชื่อและคล้อยตามคำพูดใดๆ ของผู้อื่น ต้องใช้สติไตร่ตรองด้วยเหตุและผลอย่างรอบคอบเสียก่อน
44. เป็นคนต้องรักตัวเองในทางที่ถูก
คนที่รักตัวเองอย่างแท้จริง คือ คนที่สร้างคุณค่าให้ตนเองอย่างสม่ำเสมอด้วยการหมั่นศึกษาพัฒนาตนเอง ดำรงชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดี มีเพื่อนที่ดี และหลีกหนีให้ห่างไกลจากอบายมุข
45. หากอยากมีอนาคตที่มั่นคง จงอย่าเห็นแก่ตัว
คนดีย่อมไม่เห็นแก่ตัว ชอบช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน คนเช่นนี้ควรได้รับการสนับสนุนให้ได้ดีมีอนาคต
46. การศึกษาข้อบกพร่องของตน ทำให้เรารู้จักตัวเองและผู้อื่นดีขึ้น
คนเรามีข้อบกพร่องในตัวเองทุกคนไม่มากก็น้อย ฉะนั้น ให้เรารู้จักพิจารณาข้อบกพร่องของตนเองด้วยปัญญาจะทำให้เกิดการปรับปรุงและพัฒนาตนเอง และช่วยให้เข้าใจผู้อื่นที่เขาอาจมีขอบกพร่องเช่นเดียวกับเรา
47. ไม่มีใครเก่งแต่เพียงผู้เดียว
ทุกคนภายในองค์กรเปรียบเสมือนเฟืองจักรกลแต่ละชิ้น ในเครื่องจักรใหญ่ที่ต้องทำงานประสานกัน ถ้าเฟืองชิ้นใดชำรุดหรือบกพร่อง เครื่องจักรก็ไม่สามารถทำงานได้ นั่นคือ งานใดๆจะสำเร็จด้วยดีต้องอาศัยความสามารถและการประสานงานของทุคนในทีมงาน มิใช่สำเร็จได้ด้วยคนเพียงคนเดียว
48. ผู้มีความคิดวิจารณญาณ จะก้าวทีละขั้นอย่างมั่นคง
การขยายแนวธุรกิจอย่างมั่นคง ต้องอาศัยการพิจารณาอย่างรอบคอบถึงหลักการและกระบวนการปรับปรุงระบบการทำงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน
49. อย่าเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนจนขาดมนุษยธรรม
คนที่ทำธุรกิจแบบไร้คุณธรรมเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนย่อมจะหาความสุขใจและความเจริญในชีวิตได้ยาก
50. แม้จะลำบากเพียงใดก็ย่อมฟื้นคืนเป็นดีได้
จงคิดเสมอว่าคนเรานั้นแม้จะประสบความล้มเหลว ก็ย่อมสามารถปรับปรุงให้กลับคืนดีได้หากไม่ท้อแท้ต่อโชคชะตา และคิดเสมอว่าเมื่อล้มแล้วก็สามารถลุกขึ้นยืนได้อยู่เสมอ
51. สร้างคนต้องใช้เวลา
การสร้างคนเหมือนปลูกต้นไม้ใหญ่ ต้องอดทนใช้เวลานานไม่เหมือนการปลูกถั่วงอก ซึ่งวันเดียวก็เห็นผล
52. เมื่อจะแหงนมองฟ้า ก็อย่าลืมว่าเท้าตัวเองสัมผัสดินอยู่
คนเราต้องเตือนตนไม่ให้ลืมตัว อย่าทะนงว่าตนนั้นเลิศเลอไปกว่าคนอื่นจงคิดเสมอว่าในโลกนี้มีคนที่ดีกว่าเราอีกมาก
53. จะให้ลูกน้องกล้าตัดสินใจ ผู้ใหญ่ต้องรับผิดชอบความเสี่ยง
เมื่อเห็นว่าลูกน้องสามารถทำงานได้ ต้องมอบให้เขาทำถ้าเขาทำผิดพลาด เราก็ต้องช่วยรับผิดชอบด้วย
54. ปลูกต้นไม้ใหญ่อย่าเก็บผลไว้กินแต่เพียงผู้เดียว
การทำงาน เมื่อประสบความสำเร็จแล้วควรแบ่งปันผลประโยชน์ให้ผู้อื่นและส่วนรวมด้วย
55. ความรักเป็นความสุขเหนือทรัพย์สินเงินทอง
คนที่มีความรัก มีจิตใจดี และมองโลกในแง่ดีจะมีความสุขยิ่งกว่าสิ่งใด ๆ
56. มองกระจกที่มีปรอท จะไม่เห็นอะไรอื่นนอกจากตัวเอง
คำว่า “ปรอท” ภาษาจีนใช้คำว่า “สุ่ยหยิน” หมายถึง เงินเหลวคนจีนเปรียบคนที่เห็นแก่ตัว ไม่เห็นใจผู้อื่น คิดถึงแต่ตัวเอง เหมือนที่มองแต่กระจกฉาบปรอท ซึ่งไม่มีวันที่จะเห็นสิ่งอื่นนอกจากตนเองเท่านั้น
57. การล่าช้ามิได้หมายความว่าเป็นผู้ล้าหลัง
อย่ารีบร้อนเพราะกลัวว่าจะล้าหลังคู่แข่งควรพิจารณาด้วยรอบคอบจะไม่ได้ผิดพลาด
58. ชนะใจมิตรและศัตรูได้ คือผู้ชนะที่แท้จริง
ชนะสิ่งใดก็ไม่มีความหมายเท่าชนะใจ ทั้งมิตรและศัตรู
59. กินข้าวอย่างมังกร ทำงานอย่างเสือ
คนจีนมองมังกรเป็นสัตว์ที่สง่างาม ฉะนั้นถ้าจะทำอะไรรวดเร็วก็ต้องเร็วแบบสง่างาม ส่วนเสือนั้นคนจีนมองว่าปราดเปรียวในการล่าเหยื่อและไม่กินลูกตัวเอง หมายถึงให้ทำงานอย่างคล่องตัวทำงานเป็นทีมและไม่รังแกพวกเดียวกัน
60. ตักน้ำเต็มได้แค่ภาชนะบรรจุเท่านั้น
ในการทำธุรกิจ ถ้ารู้จักเสียสละแบ่งปันผลประโยชน์ให้ผู้อื่นหรือสังคม รวมทั้งจ่ายภาษีให้รัฐได้พัฒนาประเทศอย่างเต็มที่ธุรกิจก็จะเจริญรุ่งเรืองขยายกิจการใหญ่ขึ้นได้ อุปมาเหมือนภาชนะที่มีน้ำเต็มแล้ว ตักน้ำออกไปทำประโยชน์ที่อื่นบ้างก็จะมีโอกาสจะตักน้ำเติมเข้ามาได้อีกและมากขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุดก็มีโอกาสที่จะเพิ่มจำนวนภาชนะหรือขยายขนาดภาชนะให้ใหญ่ขึ้นได้
61. สะสมลาภยศความดี เพื่อประโยชน์ในภายภาคหน้า
ถ้าจะให้ชื่อเสียงดี มีเกียรติยศ มีภาพพจน์ดี เป็นที่รับรู้ของคนทั่วไปในอนาคตต้องกระทำความดีอย่างสม่ำเสมอ
62. เดินเร็ว ฝีเท้าย่อมไม่สวยและอาจหกล้มได้
จะก้าวให้มั่นคงและกิจการไม่ล้มเหลวต้องรอบคอบเสมอ
63. เกียรติที่สูง ไม่จำเป็นต้องให้ตัวเองอวดอ้าง
ถ้าเราทำตัวเหมาะสมกับคนที่มีเกียรติแล้วไม่อวดอ้างคนอื่นก็จะมอบเกียรติให้เราเอง
64. การช่วยเหลือผู้อื่น และมองคนในแง่ดี ทำให้เกิดสุขทางใจ
การทำบุญการทำทานช่วยเหลือผู้อื่น มองหรือคิดถึงผู้อื่นในแง่ดี ทำให้จิตใจของตนดีและมีความสุขได้
65. ผู้ที่เป็นผู้นำได้ ต้องผ่านความลำบากมาก่อน
คนที่เคยลำบากมาแล้วย่อมเป็นหัวหน้างานที่สามารถให้กำลังใจลูกน้องได้ดี
66. ทำงานมากก็ผิดพลาดมาก ทำน้อยก็ผิดพลาดน้อย
คนเราทำงานก็ต้องมีการผิดพลาดบ้าง คนที่ไม่มีความผิดก็คือคนที่ไม่ได้ทำอะไรเลย
67. หากดีแต่พูดไม่ลงมือทำ ความคิดก็ไม่อาจเป็นจริงได้
เมื่อไม่ลองปฏิบัติก็ไม่รู้ว่าที่คิดนั้นทำง่ายหรือยากงานบางอย่างอาจพูดง่ายแต่ทำยาก
68. การทำงาน ต้องมีเป้าหมาย
การทำงานโดยไม่มีเป้าหมาย เหมือนคนที่ไม่มีจุดมุ่งหมายของชีวิต
69. เราพูดด้วยความโมโหเพียงครั้งเดียว แต่อยู่ในใจของคนอื่นตลอดชีวิต
การพูดโดยใช้อารมณ์ ไม่ใช้สติไตร่ตรองเสียก่อนแม้เพียงครั้งเดียวก็อาจทำลายทั้งตนเองและมิตรภาพได้ตลอดไป
70. ความใกล้ชิด ย่อมนำมาซึ่งความเข้าใจ และผลของงานที่ดี
การทำงานใกล้ชิดกับลูกน้อง หัวหน้านอกจากมีโอกาสศึกษาผลของงานแล้ว ยังได้ศึกษานิสัยการทำงานของลูกน้องด้วย
71. ทำการค้าต้องเดินทางสายกลาง ยึดหลักมั่นคงไว้ก่อน
ทำการค้าอย่าลงทุนเกินตัว ต้องเก็บส่วนหนึ่งไว้เป็นความมั่นคงของตนเองและครอบครัวด้วย
72. ผิดครั้งแรกเป็นครู แต่ผิดซ้ำสองถือว่าโง่
คนเราทำงานก็ต้องมีผิดพลาด แต่สิ่งสำคัญต้องจดจำความผิดนั้นนำมาวิเคราะห์หาสาเหตุ ถ้าผิดซ้ำซากก็เหมือนคนที่หาบทเรียนจากประสบการณ์ไม่ได้
73. คนจะโง่หรือฉลาด ดูได้จากคำพูด
คำพูดเปรียบเหมือนประตูของจิตใจ คนโง่จะพูดเรื่องที่ขาดหลักคิดและเหตุผล ในขณะที่คนฉลาดจะมีเหตุผลและหลักคิดที่ดี
74. ไม่มีใครเคยตายเพราะงานหนัก
ในการทำงาน ให้ยึดหลักว่าทำเข้าไปเถิดสิ่งที่ว่ายากเพราะยิ่งทำสิ่งที่ยากมาก หรือหนักมาก ก็ยิ่งรู้มาก
75. ชีวิตการศึกษาต่างชีวิตการทำงาน
ในชีวิตการศึกษา เราจะรับความรู้จากครูบาอาจารย์คนที่จบการศึกษาใหม่ๆ มักจะยึดติดกับทฤษฏีที่ร่ำเรียนมาเปรียบเหมือนมีศีรษะและความคิดเป็นรูปสี่เหลี่ยมมีด้านและมุมตายตัว จึงเข้ากับผู้อื่นได้ยาก แต่ในชีวิตการทำงานเราต้องหาความรู้จากสิ่งรอบข้างและประสบการณ์แล้วถ่ายทอดต่อให้ผู้อื่น จึงต้องปรับตัวเข้ากับผู้อื่นให้ได้เปรียบเหมือนพัฒนาศีรษะและความคิดของตน จากรูปทรงสี่เหลี่ยมให้เป็นทรงกลม ทรงรี และทรงแหลมในที่สุด เพราะรูปทรงแหลมสามรรถสอดแทรกไปได้ง่ายหมายความว่าคนผู้นั้นมีความสามารกปรับตัวเข้ากับผู้อื่นได้
76. ตระกูลดีที่สะสมแต่กรรมดี ย่อมประสบแต่สิ่งสิริมงคล
ชีวิตของคนเราต้องทำแต่สิ่งที่ดีงาม จึงจะเจริญ
77. ความรู้มีอยู่ทุกหนแห่ง อยู่ที่เราจะรับรู้หรือไม่
เราหาความรู้ได้ทุกหนแห่งทุกเวลา อยู่ที่เราจะเก็บเกี่ยวอย่างไรและเมื่อไร บางคนมีความสามารถในการเก็บเกี่ยวซึมซับความรู้จากสิ่งแวดล้อมและประสบการณ์อาจมีความรู้มากกว่าคนที่จบจากมหาวิทยาลัยเสียอีกและบางครั้งความรู้ที่ได้จากสถานการณ์จริงและประสบการณ์นั้นสามารถนำมาใช้ในชีวิตได้ดีกว่า
78. หัวหน้าที่ดีต้องรู้จักชื่นชมลูกน้อง
หัวหน้างานที่ค้นหาจุดเด่นของลูกน้องแล้วชมเชย จะเป็นกำลังใจให้ลูกน้องหมั่นทำความดีต่อไปแต่หัวหน้างานที่คอยแต่จะค้นหาจุดด้อยมาตำหนิจะทำให้ลูกน้องหมดกำลังใจ กล่าวได้ว่าเป็นคนที่มองไม่เห็นคุณค่าของลูกน้อง
79. ร่างกายต้องการอาหารกายฉันใด จิตใจต้องการอาหารใจฉันนั้น
ขณะที่ร่างกายของคนเราต้องการอาหารเพื่อเป็นพลังในการมีชีวิตจิตใจของคนเราก็ต้องการความรู้และหลักคิดที่ดีเพื่อเป็นพลังในการเป็นคนดี
80. ปลูกต้นไม้ใหญ่ใช้เวลาเป็นหลายร้อยปี สร้างคนใช้เวลาสิบปี
การจะสร้างสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้แข็งแกร่งมีคุณค่า ต้องใช้ความอดทนใช้เวลา โดยเฉพาะการสร้างคนหนึ่งคนให้เก่ง ยิ่งต้องใช้ความอดทนและใช้เวลามาก ทั้งตัวผู้สร้างและผู้ถูกสร้าง เพราะนั่นหมายถึงการให้คนคนนั้นเพียบพร้อมทั้งความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์
81. ทำคุณให้ผู้อื่นต้องลืม ผู้อื่นทำคุณให้ต้องจำ
หากเราเคยทำประโยชน์หรือช่วยเหลือใครไว้อย่าจดจำหรือคาดหวังการตอบแทน เพราะอาจไม่ได้ดังที่ใจหวัง หรือเผลอไปทวงบุญคุณให้เขาเสียความรู้สึก แต่ถ้ามีใครช่วยเหลือเราต้องจดจำให้แม่นเพื่อหาโอกาสตอบแทนบุญคุณ
82. คนที่ชอบโยนความผิดให้ผู้อื่น เป็นคนที่อยากจะพัฒนาให้ดีขึ้น
คนบางคนไม่ยอมรับความผิดของตน ชอบหาแพะรับบาปหมกมุ่นกับการหาวิธีโยนความผิดให้ผู้อื่น แทนที่จะใช้เวลาในการพัฒนางานของตนคนประเภทนี้ ยากที่จะพัฒนาได้
83. อยากเจริญก้าวหน้า ต้องทำตัวเหมือนคนกำลังจะขึ้นเขา
คนเดินขึ้นภูเขา จะต้องโน้มตัวไปข้างหน้าเสมอ เปรียบเสมือนคนอ่อนน้อมถ่อมตน ซึ่งจะมีแต่คนรักแต่คนเดินลงภูเขาจะเอนตัวไปข้างหลังเปรียบเสมือนคนเย่อหยิ่งจองหอง ซึ่งไม่มีใครชอบ ดังนั้น ถ้าต้องการให้มีคนรักและช่วยสนับสนุนให้เจริญก้าวหน้าควรประพฤติตนเสมือนคนกำลังเดินขึ้นเขา
84. ผลักน้ำออกไป น้ำไหลเข้ามา วักน้ำเข้ามา น้ำไหลออกมา
คนที่เป็นผู้ให้ มักได้รับสิ่งตอบแทนเสมอ อย่างน้อยก็ต้องได้ความรักและความชื่นชมจากผู้อื่น เปรียบเสมือนผลักน้ำออกไปจากตัวน้ำก็ยิ่งจะไหลเข้ามา แต่คนที่มีแต่ความโลภอยากได้จากผู้อื่น กลับต้องเป็นผู้สูญเสียไม่ได้รับแม้แต่ความรักและความศรัทธาเปรียบเสมือนคนที่พยายามวักน้ำเข้าตัวน้ำก็จะยิ่งไหลออกไป
85. มีคู่แข่งได้ แต่ต้องไม่มีคู่แค้น
การทำธุรกิจก็เหมือนการเล่นกีฬา ต้องมีคู่แข่ง มีผู้แพ้ผู้ชนะ แต่ต้องไม่มีคู่แค้น เพราะการมีคู่แค้นทำให้ธุรกิจนั้นมัวหมองไม่สดใส ไม่มีอนาคต
86. เกิดเป็นคน เงยหน้าต้องไม่อายฟ้า ก้มหน้าต้องไม่อายดิน
คนเราเกิดมาอย่ามุ่งแต่จะหาประโยชน์ใส่ตนจนกลายเป็นคนเอาเปรียบสังคม หรือเบียดเบียนธรรมชาติแวดล้อม
87. คบคนดี ไม่สร้างศัตรู
การคบคนดีก็เหมือนการคบบัณฑิตพาไปหาผลการยอมกันสักนิดเพื่อไม่เป็นศัตรูกันจะดี เพราะการมีศัตรูเป็นหนทางสู่ความหายนะ


............................................................................................................

คัดจากหนังสือ.."ปัชญาชีวิตและการทำงาน"ของ ดร.เทียม โชควัฒนา
พิมพ์แจกโดย บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด




 

Create Date : 03 มีนาคม 2554
3 comments
Last Update : 3 มีนาคม 2554 6:07:04 น.
Counter : 750 Pageviews.

 


คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...


แวะมาทักกันวันสีส้มจ้า ขยันหามาฝากกันจริงๆ
เอ๊ะ แต่รู้สึกว่าผู้นำบางคนยังทำไม่ได้ครบทุกข้อนะเนี่ย 555

 

โดย: หอมกร 3 มีนาคม 2554 6:54:45 น.  

 

คุณหอมกรครับ...

ในปรัชญายี้ทั้งหมด 87 ข้อ..ผู้นำบ้านเราไม่มีเลยสักข้อครับ..
น่าเศร้าใจไม๊ครับ..

 

โดย: คนอุบล 7 มีนาคม 2554 9:34:22 น.  

 


ขออนุญาติ นำมาใช้หน่อยนะค่ะ ชอบค่ะ

แวะมาทักทาย อ่านทุกบทความเลยคะ ฝากตัวด้วยนะค่ะ

 

โดย: Fung Lan 20 มีนาคม 2554 0:14:56 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


คนอุบล
Location :
อุบลราชธานี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]




เกิดอุบล.เรียนจบแค่ ปริญญาตรีที่ มข...
ทำงานส่วนตัวเป็นนักธุรกิจที่อุบล....
ที่คิดว่าโลกของตนเอง..คือธรรมะ..
และชอบศึกษา..ชอบอ่าน..ชอบท่องโลก....
คิดว่าจนเองโชคดีที่ได้เกิดที่เมืองไทย..ที่อีสาน..และที่อุบลราชธานี..
"ดินแดนแห่งธรรมะ..และน้ำใจไมตรี..."

free web counter stat counters
New Comments
Friends' blogs
[Add คนอุบล's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.