|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ถนนสายนี้..สีเขียว(4)
ลองของ แล้วอีกไม่นาน ข้าพเจ้าก็ได้ข่าวว่าอสท.มีโปรแกรมจักรยานท่องเที่ยว ภูชี้ฟ้า-ผาตั้ง ตอนปลายปี พอดีกับช่วงที่ข้าพเจ้าได้วันหยุดพักหนาวเหมือนนัดกันไว้อย่างงั้นเชียว แต่คราวนี้ข้าพเจ้าต้องฉายเดี่ยว เพราะพี่สาวอีกสองคนที่ขี่จักรยานด้วยกันเขาไปด้วยไม่ได้ อีกอย่างเขาก็มีโปรแกรมจะไปขี่ที่ราชบุรีอีกอาทิตย์ถัดไปซึ่งข้าพเจ้าก็ไปด้วยไม่ได้ ก็เลยต้องทางใครทางมัน เริ่มจากโทร.ไปจองทริปเอง เอาจักรยานไปฝากไว้ที่ททท.ให้เขาขนขึ้นรถบรรทุกล่วงหน้าไปก่อน จัดสัมภาระลงเป้เดินทาง รวมถึงวิ่งไปซื้อกางเกงจักรยานในวันสุดท้ายหลังจากตัดใจอยู่นาน ก็ราคามันถูกเสียเมื่อไหร่ล่ะ ส่วนถุงมือยังไม่ซื้อ ตังค์ไม่พอ จะวิ่งไปหยิบยืมก็ไม่ทัน... คนที่คุ้นกับการไปเที่ยวกับเพื่อนๆคงรู้สึกแปลกๆเมื่อต้องร่วมทางกับคนที่ไม่เคยรู้จัก ข้าพเจ้าเองก็เป็นเช่นนั้น แต่คนแปลกหน้าก็กลายเป็นคนคุ้นเคยกันได้ในเวลาไม่นาน หากว่าเขามีความคิดและใจชอบตรงกัน มันก็เหมือนกับการเดินทางครั้งนี้ ข้าพเจ้าได้รู้จักกับคนต่างสาขาอาชีพ ทั้งพ่อค้า นายธนาคาร อาจารย์ สถาปนิก นักจัดรายการวิทยุ และอื่นๆ รวมถึงช่างภาพคนทำหนังสือ คือคุณอภินันท์แห่งอสท.ที่เป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการจัดทริปครั้งนี้ แต่ไม่เจอนักวิจัยฝุ่นหรือคนตกงานเลยสักคน ไม่เหมือนกับตอนที่ไปร่วมทริปกับชมรมจักรยานฯ คราวนั้นมีทั้งแม่บ้าน คนไม่มีงานทำ รวมทั้งเด็กนักเรียนตัวกระเปี๊ยก สำหรับทริปนี้ ข้าพเจ้าล่ะมั้งที่อายุน้อยที่สุด... แรกเริ่มก็คึกอีกเช่นเคย คราวนี้เตรียมพร้อม กินนอนมาเต็มอิ่ม อาการร่อแร่แบบหนก่อนคงไม่มี ชาวคณะลงเรือจากเชียงของล่องโขงมาเทียบตลิ่งแถวๆบ้านปากอิง หลังจากตะกายขึ้นฝั่งมาได้ ขบวนจักรยานเริ่มออกสตาร์ทจากบ้านปากอิงได้อย่างสวยงาม ความงามของเส้นทางและสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ ข้าพเจ้าจะไม่ขอเอ่ยซ้ำอีกให้น่าเบื่อ ในเมื่อคุณเจี๊ยบ--อภินันท์ บัวหภักดี ได้บรรยายไว้แล้วในหนังสืออสท. ฉบับต่อมา แต่ความโหดร้ายที่เกิดขึ้นกับนักหัดเดินทางคนนี้ล่ะ เล่าไปแล้วจะมีใครเชื่อ แต่ก็จะเล่าตรงนี้ล่ะนะ
พอพ้นทางเรียบเราก็เริ่มไต่เขา เริ่มต้นจากบ้านปางหัดจนขึ้นไปถึงสถานีอนามัยผาตั้ง แดดตอนใกล้เที่ยงร้อนจ้า แต่หนทางข้างหน้านั้นเห็นแล้วกลับหนาว... เหมือนตอนที่ขี่กลับจากบางปู ข้าพเจ้าเริ่มคิดหาคำตอบให้ตัวเองอีกครั้งว่าต้องการอะไรจากการขี่จักรยาน แต่คราวนี้ยากกว่าครั้งที่แล้ว อากาศร้อนสะบัด ทางก็ชันจนต้องแหงนคอตั้งบ่า แต่ข้าพเจ้าไม่มีแรงแม้แต่จะเข็นขึ้นไป สุดท้ายก็ทิ้งจักรยานลงนอนแอ้งแม้งกับพื้น ยอดหญ้าริมทางไหวน้อยๆเหมือนจะหัวเราะเยาะเด็กโง่ที่ฝันว่าจะถีบจักรยานขึ้นดอย แต่แล้วก็ทำไม่ได้อย่างที่ฝัน ข้าพเจ้าก้มหน้ายอมรับสังขารตัวเองโดยดุษณี ทรุดนั่งบนถนน คำถามเดิมยังวนเวียนอยู่ในใจ ขณะที่คำถามใหม่ถูกยกขึ้นมาอีกหนึ่งกระทู้ว่าถ้าหากข้าพเจ้าเกิดคิดบ้าเดินทางด้วยจักรยานคนเดียว แล้วมาเจอสภาพแบบนี้จะทำอย่างไร ก็โบกรถสิ (วะ) ตำนานของจักรยานคราวนี้จึงจบลงที่หลังรถกระบะ แม้ต้องยอมรับในเรื่องกำลังกายว่าสู้ไม่ไหว แต่ใจยังหวังอยู่ลึกๆว่าต้องมีวันนั้นสักวันสิน่า อย่างน้อยข้าพเจ้าก็ได้บทเรียนใหม่ ว่าด้วยเรื่องการรักษาตัวให้ตลอดรอดฝั่ง ไม่ต้องทนทรมานตัวเองจนเกินพอดี ตึงนักมักขาด หย่อนนักก็มักยาน---เอาเท่าที่พอไหว ก้นจะได้ไม่ช้ำ น้ำตาจะได้ไม่ตก หรือที่พระท่านว่า เดินทางสายกลางนะโยม...สาธุ
อ่านต่อ
|
Create Date : 29 สิงหาคม 2552 |
Last Update : 30 สิงหาคม 2552 8:22:04 น. |
|
0 comments
|
Counter : 234 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
อยากให้โลกในวันที่ฉันจากไป สดใสกว่าวันที่ฉันเกิดมา อยากให้วันในบางเวลา ยาวนานกว่าที่เคยเป็น อยากให้ฟ้าสีฟ้าที่ว่าฟ้า สวยกว่าฟ้าที่เคยเห็น อยากให้น้ำใสใส ยิ่งใสเย็น อยากให้เป็นเช่นนี้ทุกวัน
|
|
|
|
|
|
|