เหนื่อยก็พัก หนักก็ผ่อน หย่อนก็ดึง ... ชีวิตจะตึงกันไปทำไมนัก
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2552
 
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
26 สิงหาคม 2552
 
All Blogs
 

ถนนสายนี้..สีเขียว(3)






ทดสอบสังเวียน..



แล้วพี่ที่ทำงานร่วมรั้วโรงพยาบาลเดียวกัน ก็มาแปะโน้ตไว้ที่หน้าห้อง
...อาทิตย์นี้ว่างไหม จะชวนขี่จักรยานไปบางปูกัน..

รอโอกาสนี้มาตั้งนานจะไม่ว่างได้อย่างไร พอจัดแจงเรื่องวันหยุดจนเรียบร้อยแล้วก็นับวันรอ

คึกคักตั้งแต่ตีห้า ลุกขึ้นมาอาบน้ำอาบท่าเตรียมตัวสำหรับการออกทริปครั้งแรก นัดหมายกันไว้ที่สวนจตุจักรตอนเจ็ดโมงเช้า แต่ข้าพเจ้ากับพี่อีกสองคนต้องออกจากหอพักตั้งแต่หกโมงเพื่อไปให้ทันเวลานัด ข้าพเจ้าเข็นจักรยานมารออยู่ที่ชั้นล่าง ไม่ลืมเอาหมวกกันน็อกลงมาแต่ยังไม่กล้าใส่ รู้สึกว่ามันยังไงก็ไม่รู้ รูปร่างก็แปลกๆ ใส่แล้วเหมือนพวกนักแข่งจักรยาน ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น พอนึกถึงคำที่เจ้าของร้านจักรยานบอกไว้เมื่อแรกซื้อว่า จักรยานเสียน่ะซ่อมได้....แต่หัวคนไม่มีอะไหล่ให้เปลี่ยน ฟังแล้วชวนขนลุก เลยต้องหยิบมันลงมาด้วย เห็นพี่เขาใส่กันแล้วก็เลยเขินน้อยลง


“เมื่อคืนนอนหลับหรือเปล่า” พี่คนที่ชวนขี่จักรยานถาม ข้าพเจ้าพยักหน้ายิ้มนิดๆ แต่ขอบตาคล้ำโบ๋

เขาถามว่าหลับไหม แต่ข้าพเจ้าหลับๆตื่นๆ อย่างนี้เขาก็เรียกว่าหลับไม่ใช่หรือ..

แสงแดดอ่อนยามเช้าวันอาทิตย์ค่อยเผยอยิ้มทักทายเมื่อข้าพเจ้าปั่นจากท่าพระจันทร์มาได้ครึ่งทาง แต่แล้วก็ต้องจอดเมื่อแดดนั้นเป็นสัญญานเตือนให้ข้าพเจ้ารู้ว่าโรคเก่ากำลังกำเริบ

ทั้งๆที่แดดอุ่น แต่ตัวข้าพเจ้าเริ่มเย็นชืด เหงื่อออก ใจเต้นหวิวๆ หูอื้อ ตาเริ่มลาย...ข้าพเจ้ากำลังจะเป็นลม

หยุดพักลงนั่งตรงฟุตบาทข้างป้ายรถเมล์ ควักหายาดมในกระเป๋า โชคดีที่เอาติดมาด้วย พี่อีกคนวกรถย้อนกลับมาเมื่อไม่เห็นใครตามหลัง มาช่วยพัดอยู่ข้างๆ อีกคนก็ส่งน้ำจากกระติกให้กิน ข้าพเจ้านั่งก้มหน้าหลับตาอยู่ตรงนั้นนานพอสมควร จนรู้สึกดีขึ้นเลยลุกตั้งท่าจะไปต่อ

“ไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวก็ไม่ต้องฝืนนะ” พี่สาวถามด้วยเห็นว่าหน้ายังซีดอยู่

“ค่อยยังชั่วแล้วพี่”
ข้าพเจ้าตอบไปเพราะไม่อยากทำให้กลุ่มเสียเวลาไปมากกว่านี้ อีกยี่สิบนาทีก็จะเจ็ดโมงแล้ว

พอปั่นไปได้อีกหน่อยก็ทำท่าว่าจะเป็นแบบเดิม ข้าพเจ้าทนก้มหน้าหลับหูหลับตาปั่นจนในที่สุดก็ถึงสวนจตุจักรทันเวลา ไม่รอช้า วิ่งหาร้านโจ๊กมาช่วยต่ออายุไปได้หนึ่งมื้อ พออิ่มท้องอาการปั่นป่วนทั้งหลายก็มลายหายวับไปเกือบทันที

เห็นคนร่วมหกสิบคน เขาว่าเป็นพวกสมาชิกชมรมจักรยานเพื่อสุขภาพแห่งประเทศไทยที่นัดหมายจะไปขี่จักรยานกัน ข้าพเจ้าไม่ใช่สมาชิก แต่พี่อีกสองคนก็รุนหลังให้เข้าไปรวมกลุ่มกับเขาจนได้ เขาบอกว่าไม่เป็นไรไม่มีใครว่า

เมื่อเริ่มออกเดินทาง เป็นครั้งแรกที่ข้าพเจ้าได้เห็นกับตาตัวเองว่ามีจักรยานมากกว่าสิบคันแล่นอยู่บนถนนพร้อมๆกัน ความกลัวรถยนต์ของข้าพเจ้าเริ่มน้อยลง แต่ความกลัวอย่างอื่นเข้ามาแทนที่

..กลัวจะปั่นไม่ทัน..

ขนาดว่าเร่งฝีเท้าเต็มที่ บางทีก็แข็งใจสปีดเร่งรอบถีบขึ้นมาอีกหน่อย แต่ก็ช่วยได้ไม่มากนัก เห็นหลายคนค่อยๆแซงหน้าขึ้นไปทีละคนๆก็เริ่มท้อ แดดก็ร้อน เหนื่อยก็เหนื่อย เมื่อไหร่จะถึง พี่ที่มาด้วยกันหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ เหลียวไปข้างหลังก็เห็นว่ามีจักรยานอีก

สองสามคันคอยรั้งท้ายขบวนอยู่ ข้าพเจ้ายิ้มได้เมื่อเห็นว่าหนึ่งในนั้นคือพี่สาวนั่นเอง

ทุกครั้งที่มีการหยุดพัก ข้าพเจ้าก็ได้รู้จักเพื่อนใหม่เพิ่มขึ้นทีละคนสองคน แต่ละคนก็เห็นท่าว่าจะปั่นเก่งๆทั้งนั้น ดูแล้วจะมีข้าพเจ้าคนเดียวกระมังที่เป็นมือใหม่หัดถีบจริงๆ

กว่าจะถึงจุดหมาย ข้าพเจ้าก็หมดแรงโจ๊ก รวมถึงข้าวมันไก่กับก๋วยเตี๋ยวมื้อเที่ยงไปเรียบร้อย พี่สาวคนดีมากระซิบบอกว่าไม่เป็นไร(--อีกแล้ว) ตอนบ่ายเขาจะเช่ารถกลับ ให้นอนพักไปได้เลย หรือถ้ายังมีแรงก็ขี่จักรยานรอเล่นแถวนี้ก่อน ข้าพเจ้าจึงเลือกเอาอย่างแรก

แต่แล้ว..ยิ่งกว่าโดนแดดน็อก เมื่อข้าพเจ้าตื่นขึ้นมาพบว่าในกลุ่มที่ขี่จักรยานมีการตกลงกันใหม่ว่าน่าจะปั่นกลับ เพราะยังมีเวลาช่วงบ่ายอีกเหลือเฟือ แต่ถ้ามีใครไม่ไหวก็ให้ยกมือขึ้น เขาจะให้ส่วนหนึ่งขึ้นรถกลับ ข้าพเจ้าลุ้นอยู่ในใจว่าขอให้มีใครสักคนยกมือขึ้นหน่อยเถิด แล้วจะมีผู้ติดสอยห้อยตามทันที...แต่ไม่มีใครยก

มองหน้าพี่สาวร่วมขบวนอีกสองคนก็ไม่เห็นว่าอย่างไร ได้แต่บอกว่าตามใจ ข้าพเจ้าก็ว่าตามใจท่าน (จริงๆแล้วเกรงใจมากกว่า)

เลยสรุปว่าปั่นไปก่อน ถ้าไม่ไหวค่อยว่ากันอีกที...

ระหว่างทางขากลับ ข้าพเจ้าเริ่มค้นหาว่าที่ตัดสินใจมาขี่จักรยานนี่เพราะอะไร อยากโก้ใช่ไหม..ไม่ใช่ อยากเป็นนักจักรยานแข่งก็ยิ่งไม่ใช่ใหญ่ แล้วข้าพเจ้าจะมาหาสัจธรรมอะไรหรือ จนแล้วจนรอดก็ยังไม่ได้คำตอบ

รู้แต่ว่าตอนนั้นมันระบมก้นอย่างหนัก ไม่รู้ว่าจะเอามันไปวางไว้ที่ไหนดีที่ไม่ใช่อานจักรยาน มือก็แดงเริ่มจะพองนิดๆ ร่างกายเริ่มอุทธรณ์อ่อนล้า ทุกอย่างมันอ่อนเปลี้ยไปเสียทั้งหมด

มีแต่ปากอย่างเดียวที่ไม่ยอมอ่อน!

สุดท้ายก็กลับถึงหอพักด้วยสภาพไม่ต่างอะไรกับนักมวยขึ้นสังเวียนชกกับคู่ต่อสู้ที่แต้มต่อเหนือกว่า แม้ไม่โดนน็อกเอ้าท์ แต่เจ้าก็บอบช้ำหนัก ขนาดคนดูยังยกให้เป็นนักมวยอึดแห่งรอบปี เพราะยืนให้คู่ต่อสู้ตะบันหน้าจนครบยก แอนตาซิลคงต้องจ่ายค่าเย็บอีกหลายเข็มถ้าแผลแตก โชคดีที่เลือดไม่ออกเลยรอดตัวไป

แต่ฉี่ไม่ออกเนี่ยสิคุณเอ๋ย....มันทรมานอย่าบอกใครเลยล่ะ อ่านต่อ



ทดสอบสังเวียน...(ภาคร้อยกรอง)



แล้วเสือมือใหม่ จะปั่นไปบางปู
ไม่มีใครเชื่อหู คอยดูก็แล้วกัน
เช้าวันอาทิตย์ ไม่คิดไม่ฝัน
เพื่อนเพื่อนชวนกัน ปั่นสองล้อไป
จตุจักรหลักเริ่ม ทางเดิมตรงไป
ลาดพร้าวถนนใหญ่ ขวักไขว่ยวดยาน


กลัวก็กลัว กล้าก็กล้า ขายังปั่น
หวิวก็หวิว หวั่นก็หวั่น ขวัญก็หาย
กลัวโดนเสย กลัวโดนแซว กลัวจะตาย
พ่อ แม่ ยาย ย่า ตา ปู่ ช่วยหนูที
เพื่อนเพื่อนฉัน ปั่นถึงไหน ก็ไม่รู้
อย่าทิ้งหนู ให้ขวัญฝ่า รอด้วยพี่
ปั่นค่อยค่อย คอยกันบ้าง ก็จะดี
ด้วยฉันนี้ มือใหม่ เพิ่งหัดคลาน


กัดฟันปั่นต่อ เห็นเพื่อนรอท่า
อยู่ปั๊มข้างหน้า นัยน์ตายิ้มหวาน
พักกันสักหน่อย แล้วค่อยออกคลาน
แต่ห้ามพักนาน เดี๋ยวพาลง่วงนอน
ออกนอกเมืองใหญ่ รถบรรทุกรายสลอน
แล่นตะบึงบอน เข่าอ่อนทันที
สายเทพารักษ์ คึกคักเต็มที่
รถทัวร์มากมี บรรทุกมากมาย
บีบแตรไล่หลัง เสียงดังใจหาย
ตกใจแทบตาย เถือกไถลลงข้างทาง


เกือบไปแล้ว เกือบไป เกือบได้เรื่อง
ทั้งนึกเคือง นึกด่า จะบ้าไหม
หวิดได้เข้า โรงหมอ รอดูใจ
หรืออาจไป โรงจำปา คงน่าดู
กว่าจะถึง ที่หมาย ก็บ่ายกว่า
แดดร้อนจ้า เห็นแม่ค้า ขายแคบหมู
นกอยู่ไหน ไม่เห็นบิน มาให้ดู
เห็นแต่ปู ไต่อยู่ ที่รูมัน


ปั่นทางไกล แสนเหนื่อย เมื่อยและล้า
ตั้งใจว่า ก่อนกลับ จะหลับฝัน
งีบสักนิด พักสักหน่อย คอยตะวัน
แล้วชวนกัน โบกรถรับ กลับบ้านเรา
แล้วจู่จู่ ก็เปลี่ยนใจ ไม่ดีกว่า
มีเวลา เหลือเฟือ เดี๋ยวเบื่อเหงา
“ปั่นกลับนะ” อ้าว!สวย ซวยล่ะเรา
ใยเพื่อนเจ้า หักหลัง กันอย่างนี้
เมื่อทุกคน ยืนยัน จะปั่นต่อ
ฉันก็พอ เห็นงาม ตามวิถี
ปั่นมาได้ ต้องกลับได้ ทำไมมี
คงดูดี เป็นฮีโร่ โก้จะตาย


ทนกัดฟัน เฮือกสุดท้าย ให้ฮึดสู้
คอยดูดู ฉันด้วย นะสหาย
แล้วเสือใหม่ ก็กลายเป็น เสือตีนปลาย
อยู่รั้งท้าย ระทม อมน้ำตา
จากปากน้ำ ข้ามเรือที่ เจดีย์สมุทรฯ
เพื่อนพามุด ลุยทาง อย่างในหนัง
ออกทุ่งนา ลุยฝ่า ทางลูกรัง
ก้นแทบพัง จะขาดใจ อยู่หลายครา
กลับมาถึง หอพัก สักหนึ่งทุ่ม
เตียงนุ่มนุ่ม อยู่ไหน จ๊ะนายจ๋า
เหมือนมีไข้ ไปหาหมอ ขอพารา
หมอยังว่า ซ่าเกินไป ไม่เจียมตัว


ร้อยกิโล ที่ไป ให้ระลึก
เป็นบันทึก บทใหม่ จำใส่หัว
อย่าได้ท้อ ทางไกล อย่าได้กลัว
หากว่าตัว กับใจ ไปด้วยกัน.

ตุลาคม ๒๕๓๗





 

Create Date : 26 สิงหาคม 2552
1 comments
Last Update : 30 สิงหาคม 2552 8:22:45 น.
Counter : 369 Pageviews.

 

ตามไปบางปูค่ะ ปั่นไกลขนาดนั้นต้องมีตัวช่วยอีกเยอะค่ะ

เคยเหมือนกัน บางครั้งปั่นขึ้นดอย (คนเดียว) ปั่นไปก็เหนื่อยแสนเหนื่อย ก็ถามตัวเองว่า เคยปั่นทางราบดี ๆ แล้วชั้นจะปั่นขึ้นดอยให้เหนื่อยทำไมเนี่ย

คิดแล้วก็วกรถกลับลงมาค่ะ อิอิ คือไปคนเดียวไม่ต้องเกรงใจใคร

เคยปั่นไปหลายหนแล้วค่ะ แต่ไม่รอดสักที ไว้วันหลังจะลองอีกสักที

 

โดย: aicm 3 กันยายน 2552 15:11:16 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


แบกเป้เที่ยว
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




อยากให้โลกในวันที่ฉันจากไป
สดใสกว่าวันที่ฉันเกิดมา
อยากให้วันในบางเวลา
ยาวนานกว่าที่เคยเป็น
อยากให้ฟ้าสีฟ้าที่ว่าฟ้า
สวยกว่าฟ้าที่เคยเห็น
อยากให้น้ำใสใส ยิ่งใสเย็น
อยากให้เป็นเช่นนี้ทุกวัน
Friends' blogs
[Add แบกเป้เที่ยว's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.