Group Blog
 
 
ตุลาคม 2560
 
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
20 ตุลาคม 2560
 
All Blogs
 
สโลว์ไลฟ์กันดีกว่า :: เก็บลูก Black Walnuts ไว้ตากแห้ง กินเมล็ดข้างในและใช้ประโยน์อื่น ๆ ด้วย



Date :: Oct 19, 2017











เมื่อสัปดาห์ที่แล้วพากันเก็บลูกแบล็ควอลนัทนี้ไว้ กะว่าจะเอามาตากแห้งแล้วแกะเอาเมล็ดมากินเป็นของกินเล่น หรือมาทำพวกอาหารผสมกับสลัด หรือเอาไปผสมและอบกับพวกขนมหวานอื่น ๆ ได้ และที่ทำเอาเราอึ้งและทึ่งในสรรพคุณของเจ้าลูกแบล็ควอลนัทนี่ก็คือหลังจากที่เราเสริชในอากู๋หาดูเรื่องราวของเจ้าลูกแบล็ควอลนัทแล้วทำให้ได้รู้ว่าเจ้าลูกไม้และต้นไม้นี้มีประโยชน์เหลือหลาย

- เนื้อผลไม้หรือเปลือกผลไม้ และใบของแบล็ควอลนัทนั้นเอามาทำเป็นสีย้อมผ้า สีย้อมผมได้ด้วย แค่เอาเปลือกหรือใบมาต้มและเคี่ยวก็จะได้สีย้อมผ้าหรือสีย้อมผม หรือบางคนก็เอาไปทำเป็นหมึกสีดำเพื่อสีวาดรูปได้อีกต่างหาก

- เนื้อผลไม้และใบของเจ้าแบล็ควอลนัทนี่สามารถเอามาทำเป็นยาฆ่าพยาธิได้ด้วย

- เนื้อไม้ของเจ้าต้นแบล็ควอลนัทนี่เป็นเนื้อไม้ที่สวยงามมาก ให้ลายไม้แบบสีน้ำตาล สวยงามมาก(ในสายตาเรา)

- เมล็ดเจ้าแบล็ควอลนัทนั้นก็เอร็ดอร่อยไม่แตกต่างจากวอลนัททั่วไป เพียงแต่เมล็ดนั้นอาจจะเล็กกว่า


จริง ๆ แล้วเกือบพากันตัดต้นไม้นี้ทิ้งไปแล้ว เพราะรู้สึกว่าลูกไม้นี้หล่นเต็มพื้น กลัวจะเป็นอันตรายเวลาเดินผ่านใต้ต้นไม้นี้กัน กะว่าจะพากันโค่นเจ้าต้นไม้นี้ทิ้งไปแล้ว ก็จนมีคนมาเห็นเจ้าต้นไม้นี้และทักว่า "โห...ปีนี้ลูกแบล็ควอลนัทเยอะมากเลย หล่นใต้ต้นเต็มเลย เก็บไว้ตากแห้งและกินเมล็ดนะ อร่อยดี" 


จากนั้นเราเลยลองทุบเจ้าลูกแบล็ควอลนัทนี้ดูและแกะเมล็ดออกมาชิมดู ปรากฏว่ารสชาติอร่อยดี รสคล้าย ๆ เมล็ดหมากเหลี่ยม(ไม้ผลป่าที่ผู้คนจะกินเมล็ด หรือบางคนก็เก็บผลสดมาดอง มาเชื่อมเป็นผลไม้เชื่อมขายก็มี) ต้นเหลี่ยมนี้จะมีทั่วไปที่โคกข่าว(ป่าเหนือหมู่บ้านเกิดเรา) ปกติคนที่เกิดใกล้ ๆ กับป่าไม้คงจะพากันคุ้นเคยกับบรรดาผลหมากรากไม้ป่า ผักผลไม้ป่ากันอยู่แล้ว ผู้เฒ่าผู้แก่จะมีการสอน บอกต่อรุ่นลูกรุ่นหลานมาอยู่แล้วว่าผักป่าและเห็ดป่าชนิดไหนกินได้และกินไม่ได้ ผลไม้ป่าชนิดไหนกินได้และกินไม่ได้ ผู้คนรุ่นต่อ ๆ มาก็จะรู้กันและก็กินผักป่า ผลไม้ป่ากันเป็นเรื่องปกติ

ด้วยความที่บ้านเกิดเรานั้นติดกับป่าไม้ใหญ่(ป่าโคกข่าว)อยู่แล้ว เราก็เลยคุ้นเคยดีกับพวกผักป่า เห็ดป่า ผลไม้ป่า แต่งานนี้ป่าไม้ระแวกนี้ไม่ใช่ป่าบ้านเรา พันธุ์ไม้ก็แตกต่างจากพันธุ์ไม้ที่ป่าบ้านเรา เราก็เลยไม่รู้ว่าเจ้าลูกไม้นี้กินได้ด้วย เกือบพากันตัดทิ้งไปแล้ว (ขนาดเวลาเห็นเห็ดตามใต้ต้นไม้ ทั้ง ๆ ที่ก็คล้าย ๆ กับเห็ดที่เกิดใต้ต้นไม้ที่ป่าที่เมืองไทย เราก็ไม่กล้าเก็บมากิน กลัวจะเป็นเห็ดพิษ เพราะเราไม่คุ้นเคยกับป่าเค้าเลยก็เลยไม่กล้าเสี่ยง) เจ้าไม้ป่านี้ก็เช่นกัน ตอนแรกก็ไม่รู้คุณค่าและเกือบตัดทิ้งไปแล้ว แต่ยังดีที่มีคนเห็นและทักไว้ก่อน สุดท้ายก็เลยจะพากันเก็บรักษาเจ้าต้นนี้ไว้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะหลังจากที่เราได้ค้นพบสรรพคุณของเจ้าไม้ป่านี้จากอากู๋แล้วทำให้รู้ว่าสรรพคุณหลากหลายดีจริง ๆ ใช้ประโยชน์ได้ตั้งแต่ตัวเนื้อไม้จากต้นไม้ เปลือกของผลไม้ เมล็ดไปจนถึงใบกันเลยทีเดียว สรรพคุณเยอะจริง ๆ

*** จำได้ตอนเด็ก ๆ เคยเห็นแม่ปลูกครามแล้วเอาใบคราม ต้นครามมาหมักมาขยำ และจากนั้นก็เอาน้ำครามมาทำเป็นสีย้อมผ้าฝ้าย ซึ่งผ้าฝ้ายก็ได้จากที่แม่ปลูกต้นฝ้ายแล้วเก็บดอกฝ้ายมาตากแห้งและเอาเมล็ดออกด้วยเครื่องอิ้วฝ้าย จากนั้นก็นำดอกฝ้ายที่เอาเมล็ดฝ้ายออกแล้วไปตีและปั่นให้เป็นเส้นใยฝ้าย แล้วก็ค่อยนำไปทำขั้นตอนการทอต่อไป และจัดการเย็บมือเป็นเสื้อเองบ้าง หรือเอาไปจ้างเพื่อนบ้านที่เค้ามีจักรเย็บผ้าเย็บให้บ้าง ส่วนการย้อมสีครามก็ใช้สีจากธรรมชาติจากต้นครามที่แม่ปลูกไว้

และก็เคยเห็นพ่อตัดเปลือกต้นประดู่ที่ท้องนาของพ่อแล้วเอาเปลือกประดู่มาต้มและได้น้ำสีแดงจากเปลือกประดู่แล้วพ่อเอามาผสมกับน้ำมันก๊าด จากนั้นพ่อเอาไปทำเป็นสีทาบ้าน สีออกแดง ๆ ธรรมชาติ สวยแบบธรรมชาติ และจะว่าไปแล้วผู้คนที่อยู่ใกล้กับธรรมชาติก็จะใช้ประโยชน์จากต้นไม้ใบหญ้าจากแหล่งธรรมชาติกันทั่วไป ไม่ว่าจะอยู่ซีกไหนของโลกก็แล้วแต่การใช้ชีวิตกับธรรมชาติและประโยชน์จากธรรมชาตินั้นก็คงจะคล้าย ๆ กัน เพียงแต่ชนิดของพืชพันธุ์นั้นแตกต่างกันเท่านั้นเอง

หลังจากได้จากบ้านเกิดมา และเข้าไปเผชิญชีวิตในเมืองใหญ่ ได้เห็นโลกศิวิไลซ์ในเมืองใหญ่อย่างกรุงเทพมหานคร ใช้ชีวิตทำงานอยู่ที่นั่นสิบกว่าปี ทีี่ก็มีทั้งประทับใจเราและไม่ประทับใจเรา จนตัดสินใจลาออกจากงานทิ้งทุกอย่างย้ายมาอยู่ในประเทศที่เค้าเรียกว่าดินแดนแห่งความศิวิไลซ์ ดินแดนแห่งเสรีอย่างอเมริกาได้สิบกว่าปีอีก อยู่ในเมืองที่ไม่ใหญ่นักแต่ก็มีสิ่งท้าทายให้ได้เรียนรู้ ซึ่งบางครั้งความวุ่นวายแบบคนเมืองก็มีให้ได้สัมผัสเช่นกัน บางครั้งก็อยากจะหันไปหาชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ อยากใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติ และคราวนี้ก็ได้สัมผัสชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ที่อเมริกาบ้าง ในเมื่อกลับไปใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์ที่เมืองไทยไม่ได้เพราะติดเรื่องลูก เพื่ออนาคตของลูกที่เธอเกิดที่นี่ พ่อและปู่ย่าของเธอก็เกิดที่นี่ แล้วเราจะเห็นแก่ตัว เห็นแก่ความรู้สึกเราเองและจะพากันย้ายกลับไปอยู่แบบสโลว์ไลฟ์ที่เมืองไทยก็ดูกระไรอยู่ ในเมื่อลูกและพ่อของลูกคุ้นเคยกับชีวิตที่นี่เพราะพวกเค้าเกิดที่นี่ตัวเราก็ต้องเลือกอยู่ที่นี่เพื่อลูก ก็เลือกมาใช้ชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์(แบบพาร์ทไทม์)กันที่นี่ก็แล้วกัน...อิอิ..






มีบางส่วนที่ยังหล่นจากต้นไม่หมด เลยต้องใช้เชือกคล้องกิ่งแล้วเขย่า ๆ ให้ลูกแบล็ควอลนัทหล่นลงพื้น


















ลูก Black Walnuts ที่เก็บได้ เอามารวมกันและผึ่งไว้ที่ลานหญ้า































จากนั้นก็นำมาทำการทุบเปลือกที่เป็นเนื้อผลไม้ออก แยกเอาแต่ลูกข้างในที่เป็นเปลือกแข็งที่หุ้มเมล็ด และล้างให้สะอาดเท่าที่จะทำได้ และจะบอกว่าขั้นตอนนี้แหละเป็นขั้นตอนที่ยากที่สุด นั่งทุบเอาเนื้อเปลือกผลของเจ้า Black Walnuts จนหลังขดหลังแข็ง วันนั้นเราใช้เวลาครึ่งวัน ปวดเอวมากถึงมากที่สุด แถมต้องมาล้างพวกเนื้อออกจากตัวเปลือกแข็งอีกที(ที่เค้าเรียก Nutshell นั่นและ)  แถมน้ำจากเนื้อเปลือกผลของเจ้า Black Walnuts นี่ดำมากและเป็นน้ำยาย้อมผ้าได้ดีเลย(เห็นบางคนเค้าเอาไปทำเป็นน้ำยาย้อมผมก็มีนะ) ที่สำคัญน้ำดำ ๆ นี่ติดมือเป็นสองสัปดาห์กันเลยทีเดียวกว่าจะล้างออกหมด เราจึงได้เก็บเนื้อเปลือกของเจ้านี่ตากแห้งไว้ด้วย เผื่อจะเอาไปต้มและทำเป็นน้ำยาย้อมผ้า(อยากจะลองดูด้วย เลยจัดการซื้อเสื้อยืดสีขาวมาไว้ ไว้มีเวลาก็จะต้มเปลือกเจ้านี่แล้วเอามาย้อมเสื้อยืดสีขาวดู อยากจะดูว่าจะได้เสื้อสีอะไร สีดำหรือสีเทากันแน่) ส่วนเจ้าลูก Black Walnuts ที่เอาเนื้อเปลือกออกเหลือแต่ Nuts Shell หรือจะเรียกว่า "Black Walnuts In NutShell" เราก็นำไปตากแห้ง ผึ่งทิ้งไว้แบบนั้นแหละ












พอเห็นว่าลุกแบล็กวอลนัทเริ่มแห้งแล้วก็เก็บใส่ถังไว้ได้ 7 ถัง เตรียมเอามาเก็บใส่ถุงตาข่ายเพื่อเก็บไว้ต่อไป(วันนั้นแบ่งให้เพื่อนบ้านไป 1 ถัง เยอะจัดกลัวกินไม่หมด)












เราสั่งซื้อถุงตาข่ายเพื่อเก็บผลไม้ หรือไว้เก็บพวก Nutshell ต่าง ๆ มาเพื่อเก็บเจ้าลูก Black Walnuts In NutShell นี้ (สั่งซื้อจากเว็บ Amazon)














จากนั้นก็จัดการเก็บ Black Walnuts In Nutshell นี้ไว้ในถุงตาข่าย ผึ่งไว้ เห็นเค้าบอกเก็บไว้กินได้เป็นปีสองปีกันเลยทีเดียว วันนั้นได้ 14 ถุง (จาก 6 ถังพอเก็บใส่ถุงตาข่ายก็ได้ 14 ถุง)
















เมล็ดของ Black Walnuts ที่รสชาติอร่อยจริง ๆ


เพื่อความสะดวกในการแกะเมล็ดเจ้า Black Walnuts เราเลยสั่งซื้อ Nut Cracker นี้จากเว็บอเมซอนมาไว้ เห็นเค้าบอกใช้ได้กับสาระพัดกับพวก Nuts ต่าง ๆ โดยเฉพาะกับเจ้า Black Walnuts นี่ต้องใช้เจ้าตัวนี้เท่านั้นจึงจะเอาอยู่ ไม่อย่างงั้นต้องใช้ค้อนทุบจึงจะแกะเมล็ดออกมากินได้เพราะเปลือกแข็งมาก แต่พอแกะออกมาแล้วคุ้มเลย เพราะเมล็ดเค้ารสชาติอร่อยมาก ต่างจาก Walnuts ธรรมดา หรือที่เค้าเรียกว่า "English Walnuts" ปกติเราไม่ค่อยชอบกิน English Walnuts เพราะรสชาติจืด ๆ ยังไงไม่รู้ ไม่ค่อยถูกปากเรา แต่กับเจ้า Black Walnuts นี่ บอกเลยว่าถ้าได้ลองแล้วจะติดใจ รสชาติแตกต่างกันมากเลย แต่ก็อย่างว่าน่ะแหละ ขั้นตอนการที่จะได้กินเจ้านี่นั้นยุ่งยากมาก ผู้คนเลยไม่ค่อยจะเก็บมากินมั๊ง

ส่วนท่านใดที่เผลอคลิกมาอ่านบล็อกนี้แล้วอาจจะไม่รู้ว่าบ้านตัวเองมีต้นไม้นี้รึเปล่าก็ลองเสริชหาดูข้อมูลจากอากู๋ได้นะคะ เราเองก็หาจากอากู่เพิ่มเติม หลังจากที่เพื่อนบ้านทักเกี่ยวกับเจ้าต้นไม้นี้และลูกไม้นี้ เลยทำให้เราเก็บเจ้าลูกนี้มาไว้กินเมล็ดน่ะ แค่เสริชคำว่า Black Walnuts หรือ Black Walnuts Tree ก็จะได้ข้อมูลเกี่ยวกับต้นไม้และลูกไม้นี้เยอะแยะไป หรือลองเข้า Youtube ก็จะเห็นว่ามีคนทำคลิปการเก็บและการเตรียมเจ้าลูก Black Walnuts นี้ไว้กิน จะมีคลิปเยอะแยะเลย ตัวเราก็ได้วิธีจากในยูทูปด้วย  



ต้นผลไม้ป่า PawPaw Trees หรือ PawPaw Fruit Trees















และบล็อกในกลุ่ม "ชีวิตไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป :: สโลว์ไลฟ์กันดีกว่า" บล็อกต่อไปก็จะไปลุ้นต่อกับเจ้าผลไม้ป่าที่ชื่อว่า "PawPaw" พอดีเห็นต้นเค้าในป่าเยอะมาก แต่ปีนี้เจ้าต้น PawPaw ไม่มีลูกผลไม้ให้ได้ชิมเลย คงเป็นเพราะความหนาวฆ่าดอกเค้าในหน้าสปริง จริง ๆ ปี้นี้ขนาดต้นผลไม้ที่เราปลูกไว้ก็ไม่ออกผลให้ได้กินเพราะความหนาวฆ่าดอกพวกเค้า และต้นผลไม้ป่านี้ก็เช่นกัน ปีนี้เลยอดได้เห็นผลไม้นี้ แต่เห็นแค่ใบและต้นเค้าในป่านี้ก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีแล้ว ไว้ปีหน้ามาลุ้นต่อว่าจะได้เก็บผลไม้ป่านี้มาลิ้มลองรสชาติของเค้าหรือไม่

ปล. ท่านใดอยากรู้ว่าผลไม้ป่าที่ชื่อ PawPaw นี้หน้าตาเป็นยังไงก็ลองถามอากู๋กันได้เลยค่ะ ส่วนตัวเรานั้นรู้จักต้นผลไม้นี้เพราะบังเอิญมีคนโพสต์รูปผลไม้นี้ลงบนเฟสบุ๊คในกลุ่มคนทำสวน เลยได้ข้อมูลมาบ้าง จากนั้นก็จัดการถามอากู๋ต่อเช่นกัน ต่อมาก็เลยซื้อต้นอ่อนเค้าจากเว็บอเมซอนมาเพาะในกระุถางไว้ กะว่าปีหน้าพอต้นเค้าเริ่มโตและแข็งแรงกว่านี้ก็จะเอาปลูกลงดินปกติ และก็ไม่คาดคิดว่าจะได้เจอต้นผลไม้ป่านี้จริง ๆ ในป่าแบบนี้ เรียกว่ามีอยู่เต็มป่าเลย ตอนนี้เลยไม่ต้องรอชิมผลจากเจ้าสองต้นเล็กที่ซื้อมาแล้ว ปีหน้าถ้าความหนาวไม่ฆ่าดอกไม้ของต้นผลไม้นี้อีก คาดว่าคงได้มีโอกาสลิ่้มลองรสชาติผลไม้ป่านี้จริง ๆ จากต้นที่อยู่ในป่าจริง ๆ แล้ว (ถ้ารอเจ้าสองต้นที่เราซื้อมาเลี้ยงไว้คิดว่าคงรออีกหลายปี คาดว่าอย่างต่ำคงสี่หรือห้าปีน่ะแหละเพราะซื้อต้นเล็กแค่ฟุตมาเลี้ียงไว้ในกระถาง)











Create Date : 20 ตุลาคม 2560
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2560 21:05:15 น. 0 comments
Counter : 2147 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณโอพีย์, คุณnewyorknurse


JC2002
Location :
MTH :: Maha Sarakham, Thailand
MUS :: Maryland, United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]






"......: ใครมองเรา :: เรามองเรา :......"

ใครมองเรา อย่างไร ใช่เรื่องใหญ่
เรามองเรา อย่างไร เรื่องใหญ่แน่
ใครมองเรา อย่างไร ร้อยตัวแปร
มันไม่แน่ นอนเท่า เรามองเรา

มีคนตัด สินเรา เท่าตาเห็น
แต่มันเป็น เพียงส่วนหนึ่ง ความคิดเขา
มันไม่ได้ ชัดเจน เหมือนตัวเรา
ที่มองเข้า ไปข้างใน ใจเราเอง

"......: JC2002 :: ดอกตะไคร้ป่าสีฟ้า :: 10 ก.พ. 51 :......"

Friends' blogs
[Add JC2002's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.