Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2563
 
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
18 พฤษภาคม 2563
 
All Blogs
 

"......: เมื่อเพื่อนบ้านเมาแล้ว เธอตรงดิ่งมาก่อกวนเราถึงสวนของเราเอง :......"

Date :: May 17, 2020

 



เมื่อวาน วันที่ "16 พ.ค. 2563 เวลาราว ๆ หกโมงเย็น" แต่จำไม่ได้ว่าหกโมงกี่นาทีเพราะตอนนั้นเราไม่ได้ใส่นาฬิกาด้วย เลยไม่ได้ดูว่าเวลาหกโมงเย็นกี่นาที ซึ่งปกติทุก ๆ สัปดาห์พวกเราสามคนพ่อแม่ลูกจะพากันขึ้นเขาไปบ้านสวนเพื่อไปทำงาน เพราะบ้านสวนนี้พวกเราแพลนไว้ว่ารอให้ลูกจบไฮสคูลและถ้าเค้าเลือกเรียนต่อปริญญาตรี ถ้าถึงเวลาลูกเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว ฝ่ายพ่อกับแม่ก็จะพากันย้ายไปอยู่บ้านสวนกัน และก็จะพากันขายบ้านที่อยู่ในเมืองนี้ไป ตอนนี้พากันเก็บเงินโดยการผ่อนบ้านสวนไว้ก่อน และก็ค่อย ๆ ปรับปรุงบ้านและสวนไปเรื่อย ๆ ก็พากันขึ้นไปทำสวนอยู่เรื่อย ๆ เราต้องการทำให้สวนนี้เป็นสวนที่สามารถสร้างรายได้ให้เราได้ในอนาคต ไม่ใช่แค่ขึ้นสวนไปตัดหญ้ากันเฉย ๆ ดังนั้นจึงพยายามพากันปรับปรุงทั้งตัวบ้าน และทั้งสวนไปเรื่อย ๆ และเลือกทำกันเองแบบสองตายายช่วยกันไป อย่างในตัวบ้านพวกเราเปลี่ยนพื้นบ้านที่ห้องรับแขกใหม่ พวกเราก็เลือกทำกันเอง ก็ดูในยูทูปและก็พากันทำกันเอง และผนังห้องนอนลูกก็พากันเปลี่ยนผนังกันเอง จากผนังปูนพลาสเตอร์ที่แบบดั้งเดิม เพราะบ้านหลังนี้แก่มาก เป็นฟาร์มเฮาส์สไตล์ยุค 1900 และบ้านหลังนี้ก็สร้างตั้งแต่ปี 1900 เรียกว่าอายุบ้านหลังนี้ ณ วันนี้ก็ 120 ปีเข้าไปแล้ว แต่สภาพถึงจะไม่ได้ใหม่ แต่ก็ไม่ได้เก่าหนักแบบเลวร้ายนักเพราะคนที่เคยอยู่คงจะดูแลดี และพอพวกเรามาซื้อต่อก็พยายามปรับปรุงกันในแบบของพวกเราเอง ทำกันเองเพราะเรางบน้อยก็เลือกลงมือทำกันเอง ซื้อแค่วัสดุต่าง ๆ ส่วนค่าแรงก็ไม่ต้องจ่ายเพราะทำกันเอง ปีแรกเปลี่ยนพื้นห้องรับแขกจากพื้นพรมเป็นพื้นไม้ลามิเนต พื้นบ้านดั้งเดิมเป็นพื้นไม้และเจ้าของคงจะเปลี่ยนมาเป็นพื้นพรมในปี 1960+ เพราะจากที่พวกเรารื้อพรมออกเพื่อที่จะปูพื้นไม้ลามิเนต ได้เห็นหนังสือพิมพ์เก่าที่เค้าเอาไว้รองพื้นก่อนปูพรม ซึ่งหนังสือพิมพ์นั้นพิมพ์ในช่วงปี 1960+ แต่ตอนนี้ก็พากันเปลี่ยนเป็นพื้นไม้ลามิเนตเรียบร้อยแล้ว และพอปีที่สองก็พากันเปลี่ยนผนังห้องนอนของลูก เปลี่ยนจากผนังเดิมที่เป็นผนังแบบผนังปูนพลาสเตอร์ที่คนยุคนั้นเค้าใช้กันพวกเราก็มาทุบผนังเดิมทิ้งไปและปรับปรุงเปลี่ยนเป็นผนังไม้สนแทน สองตายายช่วยกันทำไปเรื่อย ๆ จะจ้างเพื่อนบ้านที่เป็นช่างมาช่วยก็ตรงการทำขอบหน้าต่าง เพราะพวกเรามือใหม่เลยไม่กล้าทำกันเอง กลัวออกมาไม่สวย และพอจ้างเพื่อนบ้านมาทำขอบหน้าต่างให้นี่ออกมาสวยเลย เพราะเค้าทำงานนี้เป็นงานเค้าอยู่แล้ว ฝีมือดีมากเลย ส่วนอะไรที่สามารถทำกันเองสองคนก็จะพยายามทำกันเองไป และก็มีแผนจะปรับปรุงไปเรื่อย ๆ ถ้ายังมีแรงและถ้าเก็บเงินกันได้อีก ไม่ได้พากันรีบร้อน ทะยอยทำไปพร้อม ๆ กับรอเวลาที่ลูกจบไฮสคูลแล้วค่อยพากันย้ายไปอยู่ที่นั่นเป็นการถาวรจริง ๆ ตอนนี้ก็ไปแค่ช่วงเสาร์-อาทิตย์และก็ช่วงวันหยุดยาว ใช้เวลาเดินทางแค่ชั่วโมงสิบกว่านาที เพราะไม่ได้ไกลกันจากบ้านที่อยู่ปัจจุบัน ยังอยู่ในรัฐเดียวกันแต่แค่อยู่คนละเคาน์ตี้เท่านั้นเองเลยพากันเดินทางไปทำสวนได้สะดวกหน่อย

ส่วนตัวสวนนั้น พวกเราก็ปรับปรุงไปเรื่อย ๆ แต่ละสัปดาห์ขึ้นสวนที ฝ่ายแฟนก็จะหาตัดต้นไม้ที่ไม่ต้องการออก ตัวเราก็จัดการกับเนื้อที่สวนที่เราจะทำเป็นที่ปลูกดอกไม้และปลูกผักสวนครัวเอาไว้กินด้วย และก็พากันทะยอยถางพุ่มไม้ที่อยู่ในป่าไม้ออก เปิดป่าให้โล่งเพื่อที่จะได้เก็บต้นผลไม้ป่าที่ชื่อ Paw Paw เอาไว้ เพราะผลไม้ป่านี้เกิดในป่าไม้ของพวกเราอยู่แล้ว แต่ก่อนหน้านั้นป่านี้จะรกมาก แทบจะหาทางเข้าไปเก็บผลไม้นี้ไม่ได้เลย ต้องฝ่าพุ่มหนามเข้าไป แต่หลังจากที่พวกเราซื้อสวนนี้และพบว่าในป่านี้มีเจ้าผลไม้นี้ เราก็เลยตัดสินใจว่าเราจะรักษาผลไม้นี้ไว้และจะพยายามขยายเนื้อที่ของพวกเค้าในป่านี้ไปเรื่อย ๆ ก็เลยพากันทะยอยถางพุ่มหนามออก เปิดทางให้กับ Paw Paw Patch นี้ได้เติบโตและขยายเนื้อที่ไป ซึ่งผลดีที่เห็นคือทำให้พื้นที่ด้านล่างในป่านี้โล่ง แลดูไม่น่ากลัวเหมือนเมื่อก่อน เวลาผู้คนเดินผ่าน เดินไปไฮกิ้งที่วนอุทยานแห่งชาติ ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านและสวนพวกเรานั้นก็คงจะรู้สึกสบายใจ เพราะป่านี้โล่ง ไม่รกแล้ว จะมีก็แต่ต้นไม้ใหญ่สูง ๆ และก็ต้นผลไม้ป่า Paw Paw ปนอยู่ในป่าไม้นั้น  ส่วนฝั่งสวนครัวนั้นไม่รู้พายุเป็นใจไหม เพราะตอนแรกที่พวกเราซื้อนั้น ตรงจุดนี้จะมีต้นสนใหญ่อยู่ต้นนึงอยู่กลางลานนี้ และต่อมาพายุเข้าและเจ้าต้นสนนี้ล้มจากพายุ คราวนี้ก็เลยได้จ้างคนตัดต้นไม้ให้เค้ามาช่วยตัดและย้ายออกไปจากบริเวณนี้ ทีนี้บริเวณนี้โล่งและพอเราเห็นดินบริเวณนี้แบบดินดีมากก็เลยเกิดอยากใช้บริเวณนี้ให้เป็นประโยชน์ แทนที่จะแค่พากันขึ้นมาตัดหญ้าก็เลยมองว่าเรามาทำอะไรที่สามารถสร้างเงินได้ในอนาคตดีกว่าไหม ซึ่งจริง ๆ เพื่อนบ้านที่อยู่ไกลออกไปนั้นเค้าบอกว่าตรงบริเวณนี้ เจ้าของดั้งเดิมจริง ๆ แกจะใช้พื้นที่ตรงนี้ปลูกพืชผัก ปลูกพวกมันฝรั่งและอาหารต่าง ๆ ของเธอ ซึ่งบริเวณนี้นั้นเป็นที่เพาะปลูก เป็นสวนครัวสะสมมานานแล้วดินก็เลยร่วนดีมาก แต่เจ้าของคนต่อ ๆ มาก็ไม่ได้ใช้งานพื้นที่ตรงนี้ เพราะเจ้าของคนล่าสุดที่พวกเราซื้อบ้านสวนนี้จากเธอนั้นเธอเลี้ยงสัตว์ และเลี้ยงในโรงนา(Barn) เธอไม่ได้ทำสวนครัว แต่พอมาถึงคราวของเรา เราอยากทำสวนครัว เราอยากปลูกพืช ก็เลยตัดสินใจซื้อรั้วที่เป็นลวดตะแกรงมากจัดการล้อมรั้วของเราเอง เราทำของเราเอง และก็ค่อย ๆ ทำแปลงผักแปลงดอกไม้ของเรามาตั้งแต่ปีที่แล้ว และก็พยายามตัดหญ้าของเราเองไป เราปลูกพวกไม้ดอกที่เป็นพุ่มไว้ในนี้ พวกต้นดอก Forsynthia, ต้นดอก Lilac, ต้นดอก Mock Orange, ต้นดอก Pink Flowering Almond, ต้นดอก Pink Flowering Quince, ต้นดอก Peony, และก็เลี้ยงต้นอ่อน Japanese Red Maple ในกระถาง, เลี้ยงต้นอ่อน Cherry blossom(ซากุระ) ในกระถางไว้ ต้นอ่อนซากุระนี่จะเก็บจากสวนหลังบ้านที่บ้านในเมือง เพราะที่สวนหลังบ้านที่บ้านในเมืองนั้นเรามีต้นซากุระใหญ่อยู่สองต้น แต่ละปีในหน้าสปริงก็จะมีต้นอ่อนที่เกิดจากเมล็ดซากุระที่หล่นลงพื้นและเกิดต้นเล็ก ๆ ใต้ต้นใหญ่เยอะมาก เราทะยอยเก็บเอาต้นอ่อนเค้าไว้และเลี้ยงไว้ในกระถาง และพอโตขึ้นซักราว ๆ ฟุตสองฟุตเราก็ย้ายไปเลี้ยงไว้ต่อที่สวนที่บ้านสวน เราจะค่อย ๆ ทะยอยทำ และทำในบริเวณที่เราล้อมรั้วไว้ พวกผักต่าง ๆ เราก็ปลูกไว้ในบริเวณรั้วนี้เช่นกันเพราะไม่อยากให้กวางเข้ามากินพวกพืชเหล่านี้ของเรา ซึ่งตรงนี้เราก็จะตัดหญ้าของเราเสมอ

และเมื่อวานนี้(16 พ.ค. 63)ก็เช่นกัน เราก็เข้าไปตัดหญ้าในบริเวณนี้ เพราะหญ้าเริ่มสูงแล้ว ส่วนต้นดอกไม้ของเราก็สูงเช่นกันเพราะเริ่มโตแล้ว ทีนี้ตอนนั้นเราตัดหญ้าไปเรื่อย ๆ แบบหันหลังให้กับฝั่งถนน แต่ซักพักเหมือนตัวเองได้ยินเสียงใครพูดอะไรมาจากไหนก็เลยปิดเครื่องตัดหญ้าไว้และฟังว่าใครพูดอะไร พอมองหาก็เลยเห็นมีคนเดินอยู่ที่ถนน(คือถนนนี้ตัดผ่านสวนพวกเรา จะเป็นฝั่งป่าไม้กับฝั่งตัวบ้าน ส่วนเราตอนนี้เรากำลังตัดหญ้าอยู่ในสวนที่อยู่ฝั่งเดียวกันกับตัวบ้านและเราอยู่ในบริเวณรั้วสวนของเราเอง) พอเราเห็นคนเดินมาตอนแรกยังไม่ได้สังเกตุเพราะเราไม่ได้ใส่แว่นสายตาเลยดูไม่ชัดว่าเป็นใคร ก็เห็นเธอเดินดุ่ม ๆ มาและมีเสียงพูดว่า "Hey Hey" เราก็เลยมองไปเห็นเธอเดินมาใกล้(แต่เธอก็อยู่บริเวณถนน) เราก็เลยทักทายไปเพราะเห็นแล้วว่าเธอคือเพื่อนบ้านที่อยู่อีกหลัง บ้านเธออยู่ฝั่งตรงกันข้ามแต่เยื้อง ๆ บ้านเราไป พอเห็นว่าเป็นเพื่อนบ้านเราก็เลยทักทายไปว่า "Hi....How are you doing?" นางไม่ได้ตอบกลับนะ แต่ได้ยินเสียงนางบ่นอะไรแบบภาษาไม่ปกติ และลักษณะการเดินแบบเซ ๆ ก็ทำให้เราไม่อยากจะเสวนาด้วยนานแล้วล่ะ อยากจบ ๆ การสนทนาไปแล้ว แต่ก็ยังยิ้ม ๆ ให้อยู่ นางก็ยังเดินมาเรื่อย ๆ และบอกว่า "Your plant is over growing, cut these out, clear these out, cut these out, cut grasses out." นางก็ทำทั้งมือออกแนวออกคำสั่ง แบบสั่ง ๆ ด้วยน้ำเสียงนี่ดังมาก แต่เราเห็นว่านางออกจะเมา ๆ เราก็เลยไม่อยากถือสา ก็เลยตอบนางไปว่า "Yeah," คือตอนนั้นยังยิ้มให้อยู่ คิดว่าคนไทยเราจะรู้ดีว่านิสัยคนไทยเราคือส่วนใหญ่นี่ต่อให้ไม่พอใจอะไรก็จะยิ้มไว้ก่อนได้เพื่อเป็นการรักษามารยาท ตอนนั้นตัวเราเองก็เช่นกัน ยังยิ้มอยู่และก็พยายามไม่ต่อล้อต่อเถียงเพราะเห็นว่านางเมา พอยิ้มและก็ตอบไปว่า "Yeah," ก็เลยจะหันหลังมาตัดหญ้าต่อและคิดว่าคนเราถ้าเห็นอีกฝ่ายทำปฎิกิริยาตอบแบบนี้ก็น่าจะเข้าใจได้แล้วว่าเค้าไม่อยากจะยุ่งด้วยนะ ถ้าเป็นคนปกติก็คงจะเดินกลับ แต่นางนี้ไม่ฮะ นางเดินหน้าต่อและถามเราและน้ำเสียงของนางเริ่มแรง ดังขึ้นมากแล้ว นางถามเราว่า "What you mean? What you mean?" ตอนนั้นอารมณ์เราเริ่มหงุดหงิดแล้ว แต่ก็ยังพยามไม่ถือเพราะเห็นว่านางกำลังเมาอีกนั่นแหละ ก็เลยถามนางกลับว่า "What's that?" จากนั้นก็จะหันหลังมาตัดหญ้าต่อ แต่คราวนี้นางตะโกนมาว่า "Hey Hey....What's your name?...What's your name?"  ตอนนี้อารมณ์เราไม่ปกติแล้ว เริ่มโมโหแล้ว แต่ก็ยังไม่อยากแสดงอารมณ์ออกไป ก็เลยจ้องหน้านางพักนึงแล้วตอบนางไปว่า "My name is (ชื่อเรา)" คือจริง ๆ ก็ไม่รู้จะตอบมันไปทำไมล่ะนะ แต่ตอนนั้นคือเราเริ่มช็อกแล้ว อารมณ์เริ่มโมโหแล้ว แต่ยังพยายามเก็บอารมณ์อยู่เพราะเห็นว่านางไม่ปกติ นางเมา จากนั้นก็กำลังจะหันมาตัดหญ้าต่อ แต่นางตะโกนมาอีกว่า "Hey Hey...cut these out...clear these out...clear all of these out...this is shit...this is shit" เท่านั้นแหละ จากคนที่เฉย ๆ ว่าจะไม่ต่อปากต่อคำแล้ว พอได้ยินนางมาสั่งด้วยน้ำเสียงแบบนั้น แถมจะมาสั่งให้เราตัดต้นดอกไม้ที่เราเลี้ยงไว้ทิ้ง และบอกว่าที่ตรงนี้ของเรานั้นคือ "ขี้" นี่แหละทำเอาหลุดเลยทีนี้ เราหยุดตัดหญ้า จ้องหน้า จ้องตานาง และก็ถามนางกลับไปว่า "Are you commanding me?...Are you commanding me?...This is my garden and I'm working in my garden...I'm working in my place...you're not my boss." ยอมรับว่าตอนนั้นหลุดจริง ๆ น้ำเสียงเราตอนนั้นคือโมโหมาก เพราะทั้งท่าทางและคำพูดน้ำเสียงของนางนี่คือมันแสดงออกว่ามันกำลังสั่งคนใช้มันไง นี่แหละที่เราโมโห ป้าดโท้...สวนก็สวนเรา แถมเราไม่เคยไปก้าวก่ายในพื้นที่ของนางเลย ขนาดเราโต้กลับแบบนี้นางก็ยังไม่หยุดนะ นางก็ยังย้ำเสียงดัง ๆ "This is shit...this is shit" ของนางอยู่นั่นแหละ

ก็จนแฟนเราได้ยินเสียง สองพ่อลูกอยู่ในบ้าน คงจะได้ยินเสียงดังโหวกเหวก และก็เห็นว่าอีกฝั่งคือนางเพื่อนบ้าน ก็เลยเดินออกมาดู และพอแฟนเราเดินมาดูและแฟนเราถามว่า "What's happening? What's happening?" เราก็เลยบอกแฟนเราไปว่า "She is drunk...stay away...she is drunk" นางก็ยังไม่หยุด แต่คราวนี้นางหันไปทางแฟนเรานางบอก "J..(ชือแฟนเรา), this place was shit, before you bougt this place, this place was shit, you make it better J..(ชื่อแฟนเรา)." มาถึงตรงนี้ คือเมื่อกี้มันเพิ่งบอกว่า "This is shit" แต่พอพูดกับแฟนเรา นางบอก "This was shit" มันยังมาบอกว่าก่อนที่พวกเราจะซื้อที่นี่เคยเป็นขี้ พวกเราทำให้ดีขึ้น คือคนละเรื่องแล้ว มันเมาแต่มันยังมีสติเปลี่ยนเรื่องให้เป็นสองหน้า และพอนางเห็นแฟนเราออกมาจากบ้านนั่นแหละนางจึงเริ่มถอยและเดินกลับบ้าน แต่ในระหว่างเดินกลับนางก็ยังพ่นของนางไป นางบอก "I love you J..(ชื่อแฟนเรา), you seems nice person, but your wife and your daughter are not." เราก็เลยบอกแฟนเราไปว่า "She is drunk, just walk away, and now you're clear right, she doesn't like me and she targets me...I knew that." แฟนเราก็เลยบอก "She is so bold, she came to fight with you in your place. ก็เลยพูดกับแฟนไปว่า "What the heck of that, she came to attack me in my own place...in my own backyard...I think that she thinks I'm a minority and that's why she was threatening me, came to commanding me in my own place....well, it doesn't work though...I'm human being just like her...I hope she know that..So if she is drunk and being bad likd this, then she should not drink since the first place." 

เอาจริง ๆ คือนางร่วมเกมส์ประสาทร่วมอยู่ในกลุ่มเกมส์ "Organized Gang Stalking" อยู่แล้ว เรารู้อยู่ ตอนแรกนางก็ได้เพื่อนบ้านร่วมด้วย เดี๋ยวก็ใส่เสื้อสีแดงมั่ง สีเขียวสดมั่ง เวลาพวกเราไปบ้านสวนทีนางก็จะออกมาจ้อง มาสตอล์กอยู่แล้ว เราดูอยู่ แต่พยายามมองผ่าน ๆ ไปเพราะเราเริ่มเข้าใจเกมส์ของพวกนี้แล้ว มีช่วงนึงเหมือนเพื่อนบ้านออกแนวต่อต้านพวกเรานิด ๆ ซึ่งตอนนั้นเราเข้าใจแล้วว่าเราเป็น "Targeted Individual" ของแก็งค์นี้อยู่แล้ว แต่หลัง ๆ ก็เห็นเพื่อนบ้านกลับมาปฎิบัติกับพวกเราปกติ เพราะคงจะดูไปเรื่อย ๆ และเห็นว่าพวกเราก็แค่คนธรรมดา ๆ ที่เทียวขึ้นไปทำสวนเท่านั้น และจริง ๆ นางเคยมาชวนแฟนเราให้ไปร่วมปาร์ตี้อยู่ แฟนเรามาถามว่าจะไปร่วมปาร์ตี้ที่บ้านนางไหม แฟนเราบอกถ้าเราไม่ไปเค้าก็ไม่ไปนะ ให้ไปคนเดียวเค้าไม่ไป ซึ่งตอนนั้นเรารู้ตัวแล้วว่านางกำลังเล่นเกมส์นี้กับเราอยู่ เราเลยบอกแฟนว่าเราไม่ไปนะ ถ้ายูจะไปก็ไปได้ แต่สุดท้ายเค้าก็ไม่ไป คือนางจะพยายามเป็นมิตรกับแฟนเราตลอดส่วนกับเรานั้นเซ้นส์เราบอกอยู่ว่านางไม่ชอบเรา ตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่ด้วยมารยาทและด้วยคำว่า "เพื่อนบ้าน" อีกอย่างเราเป็นคนหัวดำไปปน ๆ กับเค้าก็ไม่อยากมีปัญหา ก็พยายามเฟรนด์ลี่เข้าไว้ แต่ลึก ๆ มันดูออกว่ามันขัด ๆ กันอยู่ ฝืน ๆ กันอยู่ และส่วนตัวคือเราไม่ค่อยจะชอบสไตล์ชีวิตแบบนาง คือนางเสียงดัง และชอบจัดปาร์ตี้ที่บ้านนางนั่นแหละและก็เห็นดื่มกันเป็นเรื่องปกติ ซึ่งตรงนี้เราก็ไม่ว่าอะไร ก็อยู่ใครอยู่มัน เราก็ไม่เคยก้าวไปเหยียบบริเวณบ้านนางอยู่แล้ว แต่ถ้าพากันขับรถผ่านมีการโบกไม้โบกมือทักทายก็ทักทายไป แต่เท่าที่สังเกตุคือนางจะมองข้ามเราแต่จะไปทักแฟนเรามากกว่า ซึงเราก็ไม่ถือเพราะคิดว่าเค้าคนขาวด้วยกัน นางคงจะเห็นเราเป็นคนหัวดำ ๆ ก็เลยมองข้าม ตอนนั้นเราคิดแบบนั้นจริง ๆ ก็เลยมองผ่าน ๆ ไป แต่กับเพื่อนบ้านคนอื่น ๆ ส่วนใหญ่เค้าก็อยู่ใครอยู่มันกัน เพราะคนที่อยู่บ้านสวน อยู่บ้านไร่คือจะอยู่กันในที่ของตัวเองจริง ๆ จะไม่ค่อยมาจุ้นจ้านกันและที่สำคัญเนื้อที่สวน เนื้อที่ไร่ของแต่ละคนก็จะกว้างกันอยู่แล้วเลยอยู่ใครอยู่มันไป ส่วนเพื่อนบ้านที่อยู่เหนือสวนเราไปอีกนั้นดีเลย เจอกันก็แลดูเป็นมิตรดีมากเลย เป็นครอบครัวดั้งเดิมของที่นี่ ถนนก็เป็นชื่อครอบครัวนี้ ดูเป็นคนดี ไม่ได้แสดงออกว่าเหยียดอะไรเราเลย อีกอย่างเราไปที่นั่นเราไปทำสวนจริง ๆ และคนที่เค้าทำไร่ทำสวนเห็นคนที่ชอบทำสวนเหมือนกันคงจะเข้าใจความรู้สึกนี้ได้ดี ก็เลยค่อย ๆ ยอมรับพวกเราแบบกลมกลืนไปเรื่อย ๆ เพราะพวกเราไม่ได้ขึ้นไปสวนเพื่อไปปาร์ตี้ ไปสังสรรแบบทำตัวเหนือใคร พวกเราไปสวนเพื่อไปทำสวนกลมกลืนกันไป ถึงจะไปจากในเมืองแต่ด้วยพื้นฐานเราคนที่เกิดมากับบ้านไร่บ้านนา กับการไปอยู่แบบนั้นไม่ได้เป็นปัญหาอะไรเลยสำหรับเรา และเราเน้นการทำสวนของเรา เน้นไปที่เป้าหมายของเราว่าเราจะพัฒนาสวนนี้ให้เป็นที่ที่สร้างรายได้ให้พวกเราในอนาคตให้ได้ นี่คือสิ่งที่เราโฟกัส ต่อให้เจอปัญหาจากเพื่อนบ้านขี้เมามาข่มขู่ มาออกคำสั่งแบบนางนี้ก็ไม่ได้ทำให้เรารู้สึกกลัวนะ กลับท้าทายเราซะอีก กลับทำให้เราอยากทำสวนนี้ให้ดีขึ้นเข้าไปอีก 

และก็มาปรึกษากันกับแฟนว่าถ้านางมาหาเรื่องอีกนี่คงต้องพกกล้องไว้บันทึกหลักฐานไว้บ้างแล้ว ซึ่งถ้านางมาก้าวก่ายพวกเราอีก คราวนี้คงไม่แค่ปล่อยให้ผ่านไปแล้ว คงต้องทำอะไรซักอย่าง ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรก ก็เอาแค่บันทึกเหตุการณ์ไว้(ก็บันทึกไว้ในบล็อกนี่แหละ) แต่ถ้าครั้งต่อไปคงต้องทำอะไรบ้างแล้ว เราก็คนเหมือน ๆ กันกับนางนั่นแหละ และก็เป็นเหตุให้เราเสริชหาว่ามันมีกฏหมายอะไรไหมที่จะช่วยป้องกันกรณีที่มีคนเข้ามาจุ้นจ้าน เข้ามาหาเรื่องถึงในพื้นที่ของพวกเราเอง ก็เลยได้เจอกฏหมายที่ว่า "Maryland Peace Order Laws  - https://statelaws.findlaw.com/maryland-law/maryland-peace-order-laws.html " ก็ถือว่าเป็นประโยชน์เลย โดยเฉพาะคนเอเชียแบบเรา ๆ ที่หัวดำ ๆ ไปอยู่ปน ๆ กับคนขาวเค้า บางทีก็เจอปัญหาแบบนี้นี่แหละ เพราะคนที่ใจเปิดก็มี คนที่ใจปิดและคิดว่าตัวเองแน่กว่าเราและกะจะมาข่มขู่เรานั้นก็มี ถ้าเราอยู่แบบถูกกฏหมาย เราก็เป็นซิติเซ่นเหมือน ๆ นาง มีสิทธิ์มีเสียงพอ ๆ กันกับนางนั่นแหละ ครอบครัวพวกเราเสียภาษีให้รัฐตามปกติ เราไม่ได้ไปสร้างความเดือดร้อนให้ใคร เราก็ใช้ชีวิตอยู่ในที่ของเรา แล้วอยู่ ๆ จะมาหาเรื่อง จะมาข่มขู่ จะมาออกคำสั่ง จะมาทำตัวเหมือนเจ้านายเรา ถ้ามันเกินเหตุเกินผลมากไป โต้กลับบ้างก็ดีน่ะ 

ปล. 1 จริง ๆ ตอนที่นางมาออกคำสั่งแป้ด ๆ นั้น กะว่าจะหยุดตัดหญ้าไปแล้ว เพราะโมโหว่านางเป็นใคร จะมาสั่งเราแปร้ด ๆ ให้เราตัดหญ้า ตัดต้นไม้ในสวนเราทิ้ง แต่มาคิดอีกที เฮ้ย...นี่เรากำลังจะทำของเรา อย่าไปเอาอารมณ์คนขี้เมามามีผลเลยน่า พอสงบอารมณ์ได้ก็ทำงานของเราต่อ ตัดหญ้าของเราจดเสร็จทั้งบริเวณ แต่กับเพื่อนบ้านขี้เมานางนี้คือ "พอกันที" ต่อไปให้เจอกันก็จะไม่โบกไม้โบกมือทักทายแล้ว พอแล้ว อยู่ใครอยู่มัน โฟกัสไปที่เพื่อนบ้านคนอื่น ๆ ที่เค้าใช้ชีวิตปกติ ทำไร่ทำสวนกันปกติของเค้าดีกว่า โฟกัสไปที่คนดี ๆ เราก็มีกำลังใจดี ๆ ไป

ปล. 2 นี่แหละค่ะว่ากับการที่ว่าถ้าใครเป็น "Targeted Individual" ของ "Organized Gang Stalking" คุณจะเจออะไรแปลก ๆ อยู่เรื่อย ๆ ถ้าอยากสบายใจก็คือต้องเข้มแข็ง ใจต้องแกร่ง สู้กลับบ้างหากมันเกินไป แต่ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงก็ปล่อยวางไป เพราะเกมส์ของคนพวกนี้คือต้องการทำลายสุขภาพจิตของเป้ามัน ถ้าเราเอาใจไปโฟกัสไปที่พวกมันทุก ๆ วินาที จิตใจเราเองนี่แหละจะหดหู่ แต่ถ้าไม่สู้เลยพวกนี้มันก็จะคิดว่าเรากลัว ก็เอาพอประมาณก็แล้วกัน ให้มันรู้ว่าเราไม่ได้กลัวแต่เราก็ไม่ได้ตกอยู่ในเกมส์พวกมันอะไรแบบนี้น่ะ และเลือกโฟกัสไปที่คนดี ๆ สิ่งดี ๆ ในโลกนี้ โดยเฉพาะเป้าหมายที่เราต้องการจะทำในชีวิตเรา แล้วเราจะหลุดพ้น Mind Game, Mind Control ของพวกนี้น่ะ  อีกอย่างคนที่ตกเป็น "Targeted Individual" ของ "Organized Gang Stalking" นี้นั้นไม่ได้มีแค่คนเอเชีย คนสีผิวนะ ฝรั่งขาวเองที่ตกเป็นเป้าของเกมส์นี้ก็มีเยอะมาก ถ้าหาดูคลิปในยูทูปนี้จะเห็นว่าฝรั่งขาวเองก็ตกเป็นเหยื่อของเกมส์เยอะจริง ๆ เกมส์นี้กำลังระบาดหนัก ก็ระบาดกันทั่วโลกนั่นแหละ ตอนนี้ผู้คนที่เป็นเหยื่อเกมส์นี้กำลังรวบรวมหลักฐานกัน กำลังหาทางเปิดโปงความชั่วร้ายของเกมส์นี้ของคนพวกนี้กันอยู่ และผู้คนก็เริ่มรู้จักกันเยอะแล้ว และผู้คนบางส่วนที่เคยร่วมเกมส์นี้ที่เคยตามสตอล์กเหยื่อ พอรู้และเข้าใจเกมส์ความชั่วร้ายของเกมส์นี้และก็รู้ว่ามีคนที่บริสุทธิ์ได้ตกเป็นเหยื่อของเกมส์นี้เยอะมาก พอเค้ารู้แบบนี้คนบางส่วนก็เลิกร่วมเกมส์นี้ไปไปก็มี แต่กับคนที่มีความสุขกับการได้บูลลี่คนอื่น สนุกกับการข่มขู่คนอื่น คนที่สนุกกับสิ่งเหล่านี้ก็จะยังสนุกกับเกมส์นี้และยังร่วมเกมส์นี้ต่อ แต่ถ้าคนปกติทั่ว ๆ ไป พอเค้าเข้าใจเกมส์นี้และถ้าจิตใจเค้าปกติเค้าจะไม่มาเสียเวลาทำมาหากินร่วมเกมส์นี้เพื่อทำร้ายทำลายคนอื่นอยู่แล้วน่ะ 

ปล. 3 จริง ๆ นึกย้อนว่าถ้า ณ สถานการณ์นั้น ไม่มีรั้วกั้น นางจะมาตบเราจริง ๆ รึเปล่าก็ไม่รู้นะ เพราะตอนนั้นคือนางเมา หรือแกล้งเมาเราก็ไม่รู้ได้ แต่นางตั้งใจมาหาเรื่องเราโดยเฉพาะจริง ๆ เรียกว่าตรงดิ่งมาเลย จบเรื่องนางก็เดินกลับบ้านนางเฉ้ย...ปัดโธ่...(เอาจริง ๆ ไม่แน่ใจว่าเพราะนางไม่ชอบใจที่เราเป็นผู้หญิงเอเชียแล้วแต่งงานผู้ชายฝรั่งขาวรึเปล่าไม่รู้นะ แต่มีจริง ๆ นะที่มีกลุ่มผู้หญิงผิวขาวบางส่วนเค้าไม่ชอบที่ผู้หญิงในกลุ่มสีผิว(ก็รวมทั้งอาฟริกัน-อเมริกัน หรือเอเชียน หรือเชื้อชาติอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ผู้หญิงฝรั่งขาว)แต่งงานกับผู้ชายฝรั่งขาว มีจริง ๆ ที่แสดงอาการต่อต้านเลย เพราะเค้ามองว่าไปแย่งผู้ชายผิวขาวเค้า ถ้าทำลายครอบครัวคนกลุ่มนี้ได้นี่พวกนางทำเลย อีกอย่างกรณีนี้คือ "นางโสด" แต่ไม่รู้ว่าโสดเพราะหย่าร้างหรือโสดเพราะนางเลือกโสดเอง เพราะไม่เคยไปสุงสิงกับนาง รู้แต่ว่านางโสด นางอยู่คนเดียว บ้านหลังใหญ่หรูเลย แต่บุคคลิกนางนี่กร่างน่าดู เสียงดังโหวกเหวก คือเราเห็นครั้งแรกเราก็รู้สึกแล้วว่าไม่ใช่ทางเราเลย รู้สึกไม่อยากไปสุงสิงด้วยเลยน่ะ)

 



https://pantip.com/topic/39916131/comment24
 




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2563
0 comments
Last Update : 29 มิถุนายน 2563 21:50:38 น.
Counter : 1998 Pageviews.


JC2002
Location :
MTH :: Maha Sarakham, Thailand
MUS :: Maryland, United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]






"......: ใครมองเรา :: เรามองเรา :......"

ใครมองเรา อย่างไร ใช่เรื่องใหญ่
เรามองเรา อย่างไร เรื่องใหญ่แน่
ใครมองเรา อย่างไร ร้อยตัวแปร
มันไม่แน่ นอนเท่า เรามองเรา

มีคนตัด สินเรา เท่าตาเห็น
แต่มันเป็น เพียงส่วนหนึ่ง ความคิดเขา
มันไม่ได้ ชัดเจน เหมือนตัวเรา
ที่มองเข้า ไปข้างใน ใจเราเอง

"......: JC2002 :: ดอกตะไคร้ป่าสีฟ้า :: 10 ก.พ. 51 :......"

Friends' blogs
[Add JC2002's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.