|
| 1 |
2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 |
9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 |
16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 |
23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 |
30 | |
|
|
|
|
|
|
|
ปืนใหญ่ จอมสลัด (2008)
อยากรู้จังว่า พี่อุ๋ย-นนทรีย์ หายไปคราวนี้จะกลับมาสร้างหนังได้ยอดเยี่ยมกระเทียมดองแค่ไหน ได้ข่าวว่าทุ่มเทแรงกายแรงใจไปให้กับภาพยนตร์ระดับ Master Piece เรื่องนี้อย่างมากมาย "ปืนใหญ่ จอมสลัด" จึงเป็นหนังที่ผมรู้สึกว่า "ไม่อยากพลาด" ด้วยเหตุผลทั้งปวง...และผลที่ได้คือ ความชื่นชมยินดีที่คนทำหนังเมืองไทย มีชายที่ชื่อ "อุ๋ย นนทรีย์ นิมิบุตร"
ยิ่งทราบว่า "ปืนใหญ่ จอมสลัด" ได้มือเขียนบทระดับนักเขียน S.E.A Write อย่าง "วินทร์ เลียววาริณ" มาเป็นผู้สร้างสรรค์จินตนาการให้ ยิ่งรู้สึกว่า หนังเรื่องนี้น่าดูมากๆ และผมก็มีโอกาสได้เข้าไปดู...
แน่นอนว่าก่อนดูก็รู้สึกกลัวความผิดหวังเหมือนกัน เพราะหนังไทยหลายเรื่องทำให้ผมรู้สึกล้มเหลวในความรู้สึกมานักต่อนัก ก่อนเข้าโรงภายนตร์จึงละวาง และไม่คาดหวังกับสิ่งที่อีก 2 ชั่วโมงต่อมา จะปรากฎแก่สายตาของผม ถ้าจะให้ข้ามไปถึงตอนเดินออกจากโรงภาพยนตร์ ผมบอกได้เลยว่า ไม่ผิดหวังกับหนังเรื่องนี้จริงๆ แม้ว่าจะมีบางจุด บางบริเวณที่ยังคาในใจผมอยู่ว่า...พี่อุ๋ย...พี่ทำไปทำไมอ่ะคับพี่??
หนังเรื่องนี้เล่าเรื่องราวของ "ลังกาสุกะ" ดินแดนทางตอนใต้ของราชอาณาจักรสยาม ที่อยู่ภายใต้การปกครองของ "รายาฮีเจา" ภายใต้การหมายช่วงชิงอำนาจภายในราชวงศ์ กับ "เจ้าชายราไว" โดยมี "จอมสลัด อีกาดำ" เป็นตัวแปร ซึ่งบนเนื้อเรื่องเรียบง่ายของการช่วงชิงราชสมบัติ กลับมีความสลับซับซ้อนจนยากที่จะเล่าความเป็นไปเป็นมาของตัวละครผ่านอักษรไม่กี่ตัวในบทความนี้ (ความน่าสนใจด้านหนึ่งของ "ปืนใหญ่จอมสลัด" ก็คือ การที่พี่อุ๋ย สามารถเล่าเรื่องที่มีความซับซ้อนแล้วค่อยๆ คลายปมออกมาได้อย่างดี มีอาการติดขัดเพียงน้อยนิด)
นอกจาก "ปืนใหญ่ จอมสลัด" จะเป็นการเล่าเรื่องการช่วงชิงราชสมบัติแล้ว ยังเป็นเรื่องราวของการค้นหา "ความหลุดพ้น" ตามแนวทางพุทธ แต่ในภาพของการก้าวจาก อวิชชา ไปสู่ความรู้แจ้งตามแบบของเมืองใต้ กับการก้าวไปสู่การฝึกฝน "วิชาดูหลำ" ที่เป้าหมายคือการหลอมรวมเป็นหนึ่งกับท้องสมุทร อันเป็นเสมือนบ้านของชาวเมืองใต้
ในแง่ของการสร้างสรรค์ผลงานต่างๆ เพื่อให้เปี่ยมความเสมือนจริง ขอยกย่องทีมงานว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยม ทั้งสถานที่ เสื้อผ้า และบรรยากาศของฉาก เรื่อง Special Effect ก็ยอดเยี่ยมในมาตรฐานภาพยนตร์ไทย ทุกสิ่งดูจะเป็นใจให้กับหนังเรื่องนี้ไปซะหมด เว้นเสียแต่...
อาจจะเป็นเพราะระยะเวลาของการฉายหนังอาจจะสั้นเกินไป ทำให้ "พี่อุ๋ย" ไม่สามารถถ่ายทอดความลึกซึ้งของเนื้อหาหนังได้อย่างเต็มที่เต็มอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็นฉากที่แสดงความผูกพันระหว่าง "ปารี" กับแฟนสาว ที่เป็นจุดหักเหให้ "ปารี" พระเอกของเรื่องต้องหันหน้ามาฝึกวิชาดูหลำ ฉากหลายๆ ฉากที่จะสามารถสร้างความรู้สึกผูกพัน ความรักของทั้ง 2 คน เช่นฉากการใช้ชีวิตร่วมกัน ฉากการแต่งงาน มีเพียงน้อยนิด ทำให้ "อารมณ์" ร่วมของหนังสร้างได้ไม่ถึงอรรถรสของเนื้อเรื่องที่แท้จริง ฉากงานแต่งงานของ "ปารี" จึงดูเหมือนกลายเป็น "ส่วนเกิน" ของเรื่อง ทั้งๆ ที่เป็นฉากที่จะให้น้ำหนักกับเนื้อเรื้องได้อย่างมาก
แต่ถ้ามองให้ลึกๆ จะเห็นคุณค่าของฉากนี้อย่างมาก...
แต่ในฉากอื่นๆ ของหนัง ทำได้อย่างแนบเนียน และดูดี ผมจึงบอกว่า อาจจะเป็นเพราะเวลาที่น้อยเกินไป ทำให้โอกาสในการ "สร้างอารมณ์ร่วม" ทำได้ไม่ถึงใจ
ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้น ผมแนะนำว่า ใครอยากดูหนัง เรื่องนี้ไม่ผิดหวังแน่นอนครับ
(จริงๆ อยากเขียนมากกว่านี้นะ แต่เวลาม่ะมีแย้ว)
Create Date : 03 พฤศจิกายน 2551 |
|
4 comments |
Last Update : 3 พฤศจิกายน 2551 18:12:39 น. |
Counter : 788 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ชวนคุย 3 พฤศจิกายน 2551 18:47:41 น. |
|
|
|
| |
โดย: อุ้มสี 3 พฤศจิกายน 2551 19:36:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: คนไกล IP: 117.47.116.36 19 พฤศจิกายน 2551 18:44:20 น. |
|
|
|
| |
โดย: ni (ชีวิตจริง ) 14 มกราคม 2552 22:52:27 น. |
|
|
|
| |
|
|