|
| 1 | 2 |
3 | 4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 |
10 | 11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 |
17 | 18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 |
24 | 25 | 26 | 27 | 28 | 29 | |
|
|
|
|
|
|
|
ช้อกโกแลต (2008)
หลังจากได้ยินเพื่อนๆ รอบข้างเอ่ยปากบอกว่า "ช้อกโกแลต" ของพี่ปรัชญา ปิ่นแก้ว สนุกสนานมากมาย นางเอกของเรื่อง "น้องจีจ้า" ก็น่ารัก วันนี้ก็เลยอดไม่ได้ที่จะยอมเสี่ยงเสียเงินกับภาพยนตร์ไทยอีกสักเรื่อง หลังจากที่ผมยอมรับว่าประทับใจกับ องค์บาก และ ต้มยำกุ้งจากผู้กำกับคนเดียวกันมาแล้ว
ก่อนเข้าโรงหนัง ผมตั้งความคิดไว้เต็มเหนี่ยวว่า "ช้อกโกแลต" จะต้องขายแอ็คชั่น ไม่แพ้หนัง 2 เรื่องของ มร.โทนี่ จา วันนี้ก็เลยไม่คิดอะไรมาก ก่ะเข้าโรงหนังเอามันส์อย่างเดียว แต่แล้ว "ช้อกโกแลต" ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด
ภาพยนตร์เรื่องนี้เล่าเรื่องราวของผู้หญิงของมาเฟียเมืองไทย ที่ไปตกหลุมรักยากูซ่าหนุ่ม จนยอมทิ้งชีวิตอันแสนหวือหวามีเงินจับจ่ายอย่างไม่ต้องอั้น มาใช้ชีวิตแบบชาวบ้านธรรมดาที่หาเช้ากินค่ำ แถมต้องเสี่ยงกับการอาฆาตของหัวหน้ามาเฟียที่ตนเองถอนตัวออกมา ที่สำคัญเธอกำลังตั้งครรภ์ และให้กำเนิดบุตรสาวคนนึงในท้ายที่สุด แต่เด็กคนนั้นก็เกิดมาพร้อมกับ "ความพิเศษ"
เซน คือชื่อของเด็กน้อยที่เกิดจากความรักของพ่อแม่ ที่จำต้องพลัดพรากจากกัน แต่ผู้เป็นแม่ก็ยินดีที่จะเลี้ยงเธอด้วยความรัก แต่สุดท้าย โรคมะเร็งก็ได้มาสร้างปัญหาให้กับชีวิตของเธอ แต่ "เซน" ผู้เป็นเด็กพิเศษ ที่เติบโตขึ้นมาในบ้านที่เป็นค่ายมวย ทำให้เธอจดจำทุกอย่างเกี่ยวกับศิลปะการต่อสู้ได้ เมื่อผสานกับความสามารถพิเศษด้านการได้ยิน ทำให้ "เซน" กลายเป็นเด็กสาวที่พิเศษกว่าใครๆ
เธอได้มีโอกาสหาเงินรักษาแม่ด้วยการตาม "ทวงหนี้" ที่คั่งค้างตั้งแต่อดีตของแม่เธอนับตั้งแต่สมัยเป็นมาเฟียสาว ด้วยศิลปะการต่อสู้ที่เธอจดจำจากค่ายมวย และวิดีโอ "องค์บาก" และ "ต้มยำกุ้ง" ที่เธอดูทุกวัน สุดท้าย ศิลปะการต่อสู้เหล่านั้นที่ถูกบันทึกอยู่ในสมองพิเศษของ เซน ก็ทำให้เธอเดินไปในเส้นทางที่เธอเลือกได้เอง
ความรู้สึกหนึ่งที่ผมได้ตลอดการดูหนังเรื่องนี้ก็คือ ผมเข้าใจสิ่งที่พี่ปรัชญาเขียนไว้ก่อนเริ่มหนัง นั่นก็คือเรื่องของ "เด็กพิเศษ" ผมเข้าใจสิ่งที่พ่อแม่ของ เด็กพิเศษมุ่งหวัง นั่นก็คือความหวังที่จะให้ลูกดำเนินชีวิตอยู่ได้
แต่...
ความคาดหวังที่จะดูหนังเอามันส์ของผมไม่สมดังหวัง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะการที่ "จีจ้า" เป็นผู้หญิง เลยทำให้คนเขียนบทไม่กล้าที่จะใส่ความเป็นแอ็คชั่นได้เต็มที่ (เหมือนกับหนังไม่ว่าไทยหรือเทศ ที่เมื่อไหร่ตัวแสดงขึ้นเป็นผู้หญิง การ Action ก็จะไม่ได้หนักหนา สาแก่ใจเหมือนชาย) หรือเป็นเพราะว่าใส่ความแอ็คชั่นเข้าไปเต็มเหนี่ยวแล้ว แต่ฟิกเกอร์ของผู้หญิงก็ไม่สามารถขับดัน "ความแข็งแกร่ง" ให้ออกมาอย่างเด่นชัดเหมือนผู้ชายได้ ทำให้การดู ช้อกโกแลต ของผม ไม่สมใจเท่าที่ควร
อีกปัจจัยหนึ่งที่อาจจะเกี่ยวกันด้วยก็คือ การที่หนังเรื่องนี้มีเรื่องของ Drama สอดแทรกเข้าไป ทั้งจากความเป็น "เด็กพิเศษ" ของบทนำ หรือการปกป้องลูกของผู้เป็นแม่ ความรักของมาเฟียสาวกับยากูซ่าหนุ่ม ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่อง Dramatic ที่ถูกอัดเข้ามาในหนังเรื่องนี้จนเหมือนหนังไทยหลายๆ เรื่องที่สุดท้ายแล้วก็ ฟุ้งซ๋าน จะหาความแข็งกร้าวของแอ็คชั่นก็ไม่สุด หาความอ่อนโยนจากดราม่าก็ไม่สุด
แถมปัญหาใหญ่ของหนังไทยที่ไม่ว่ายุคไหนสมัยไหนก็แก้ปัญหาไม่เสร็จนั่นก็คือเรื่องของ "บทภาพยนตร์" ที่สุดท้ายแล้วก็ทำให้หนังดูแปลกๆ (จะเรียกว่าดูเหวอๆ หรือ ดูไม่เสร็จ) ก็ว่าได้
อย่างเช่น ฉากบางฉากที่โผล่เข้ามาในหนัง อย่างเช่นฉากที่กระเทย 4 คนไปที่บ้านของนางเอก แล้วลูกน้องของพ่อของเซน (ที่อยู่ๆ ก็โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้) ก็เข้ามาจัดการ "ยิงกระเทย" ที่ฉากนี้ไม่ว่าผมจะคิดยังไงก็ตาม ก็คิดไม่ออกว่าฉากนี้มาเพิ่มน้ำหนักอะไรให้กับเนื่องเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ แอ็คชั่น หรือ ดราม่า นอกจากความตลกของการเปิดตัว 4 กระเทย (ที่ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ และมีค่าอะไรกับเรื่อง) แล้วออกมาแล่นแตร๊ได้แวบนึงก็โดนยิงตายทั้งหมด (สรุปว่าได้ความสะใจที่กระเทยโดนยิง -- ด้วยความเคารพ ผมไม่ได้เกลียดหรือไม่ชอบกระเทยนะครับ แต่มันรู้สึกเยี้ยงนั้นจริงๆ)
สรุป ณ ตรงนี้ได้ว่า โดยความเห็นส่วนตัวของผมแล้ว "ช้อกโกแลต" ไม่สร้างความประทับใจให้กับผมเท่าที่ควรทั้งๆ ที่เข้าไปดูแบบไม่หวังอะไรแล้วก็ตาม
สรุปสุดท้ายอีกครั้ง ทั้งหมดนี้คือความเห็นส่วนตัวของผมคนเดียว ใครจะเห็นแตกต่างอย่างไร วิพากษ์วิจารณ์กันได้เสมอครับผม
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2551 |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2551 21:49:31 น. |
|
0 comments
|
Counter : 491 Pageviews. |
|
|
|
| |
|
|