Welcome to the World of Me...
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2551
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
 
1 ตุลาคม 2551
 
All Blogs
 
Eagle Eye (2008)

ถ้าตรงหน้าของเราคือเด็กที่กำลังจะกดปุ่มนิวเคลียร์ถล่มโลก และทุกๆ คนอยู่ห่างออกไป มีเพียงคุณเท่านั้นที่มีปืนอยู่ในมือ และเป็นคนเดียวในที่แห่งนั้นที่จะหยุดหายนะของโลกได้...ถ้าคุณคือคนๆ นั้น ระหว่างชีวิตคนทั้งโลก กับชีวิตของเด็ก...คุณจะทำอย่างไร?? Eagle Eye หยิบยืนคำถามที่เคยเลือนไปจากความทรงจำของผมให้กลับมาอีกครั้ง

Official Site: //www.eagleeyemovie.com/
Synopsis: //www.imdb.com/title/tt1059786/synopsis

เมื่อเด็กเอื้อมมือไปจะกดระเบิด ผมเชื่อว่าชนชาติแรกที่จะเหนี่ยวไกปืนก็คือ อเมริกันชน โดยเฉพาะ ชนชั้นนำของอเมริกัน และเราได้เห็นบทพิสูจน์ในภาพยนตร์หลายต่อหลายเรื่อง ว่าในท่ามกลางความสงสัย และลังเลใจ ผู้นำอเมริกัน พร้อมที่จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะแลกกับคำว่า "Patriot" แม้ว่าจะมีอุปกรณ์ที่จะช่วยประเมินความเสี่ยง ลดความผิดพลาดแล้วก็ตาม หากอะไรที่จะสะกิดต่อมของชนชั้นนำของอเมริกันได้ พวกเขาก็พร้อมที่จะสละทุกอย่างเพื่อให้ USA Always Stay forever.

Eagle Eye เป็นเรื่องราวของการนำเทคโนโลยีสุดยอดอัจฉริยะมาใช้เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อยในประเทศอเมริกา เป็นเครื่องมือสุดไฮเทคที่จะประเมินและวิเคราะห์ความเสี่ยง แต่แล้วสิ่งที่สร้างปัญหาที่สุดก็คือ มนุษย์เรานี่เองที่มักจะทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกโปรแกรมไว้ ถูกเปลี่ยนแปลง

Plot ของเรื่อนี้จะว่าไปแล้ว ก็แทบจะไม่แตกต่างจาก Plot ของหนัง Sci-Fi หลายๆ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการนำเทคโนโลยีมาปรับใช้กับเรื่องมาตรการป้องกันประเทศ เช่น iRobot / Stealth ที่มนุษย์ใช้เทคโนโลยีล้ำยุคในการปกป้องตนเอง แล้วจู่ๆ ความผิดพลาด ความเป็นปัจเจก ความมีอิสระ ความมีอัตตาของมนุษย์เองที่ทำให้ "โปรแกรม" ที่ถูกตั้งไว้ ถูกประมวลผลใหม่และกลับมาทำร้าย "เสรีภาพ" ของเราเอง

แต่ความสนุกของเรื่องนี้ก็คือ ตลอดเวลาการดำเนินเรื่อง ผู้ชมไม่รู้เลยว่า "ผู้บงการ" คือใคร และใช้อำนาจอะไรในการสั่งการ

และที่สำคัญคือการนำเอาจุดเด่นของภาพยนต์แนว Thriller เข้ามานั่นก็คือ ผู้ชมไม่อาจจะรู้เลยว่า ตัวละครแต่ละตัว มีความเกี่ยวเนื่องกันอย่างไร จนกระทั่งมาถึงตอนแก้ปมในตอนท้าย ศูนย์รวมของเรื่องทั้งหมดก็ปรากฎออกมาว่าทุกสิ่ง ทุกเรื่องราว ทุกการกระทำ ทุกมุมหักของภาพยนตร์ ล้วนแล้วแต่เกี่ยวเนื่องกันทั้งหมด เป็นการนำเสนอเรื่องราวที่ชาญฉลาดทีเดียว

จะมีเสียอารมณ์นิดหน่อยก็คือตอนจบของเรื่องหักมุมให้จบแบบ Happy Ending ซึ่งไม่ได้ทำให้ความหมายของคำว่า "Patriot" ที่อเมริกันชนภูมิใจนักหนา มันเด่นชัดและเข้มข้นอย่างที่ภาพยนคร์พยายามจะบอกเรา

อย่างไรก็ตาม ตอนจบของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้ตอบคำถามที่คาใจผมมาตลอด ว่าถ้าผมอยู่ตรงนั้น และมีปืนอยู่ในมือ ผมจะยิงเด็กคนนั้นที่กำลังจะกดปุ่มนิวเคลียร์หรือไม่....

ผมตอบได้แล้วครับว่าผมคง...ยิง...ปืนขึ้นฟ้า เพื่อให้เด็กตกใจและหันไปทำอย่างอื่น เหมือนที่พระเอกของเรื่องยอมแลกชีวิตกับความสุขของนางเอกและลูกน้อย

แนะนำว่าไปดูได้ไม่เสียหลายครับ ฉาก Action มันส์ๆ ของเรื่องนี้มีให้ชมไม่น้อย แค่นี้ก็คุ้มแล้วครับ


Create Date : 01 ตุลาคม 2551
Last Update : 1 ตุลาคม 2551 23:00:45 น. 1 comments
Counter : 638 Pageviews.

 

อยากดูนะไม่มีเงินซื้อตั๋ว ..อะนะ

แย่จัง


โดย: คนไกล IP: 117.47.113.222 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:20:47:57 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

J.Atthaphan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Welcome to my Life, feel free to know me more.
Friends' blogs
[Add J.Atthaphan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.