Welcome to the World of Me...
Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
Red Cliff 2 (2009)

จากความประทับใจในผลงานของ John Woo จาก Red Cliff ปฐมบทของภาพยนตร์ทวิภาค ที่นำเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์จีนยุค 3 ก๊ก มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์เรื่องยิ่งใหญ่ ความยาวกว่า 6 ชั่วโมง ที่ต้องตัดแบ่งออกมาเป็น 2 ภาคจบ เพื่อให้ครบสมบูรณ์สมกับคำว่า "ยิ่งใหญ่" ได้อย่างเพียงพอ

Red Cliff มีชื่อในภาษาจีน อ่านเป็นภาษาคาราโอเกะได้ว่า "Chi bi xia: Jue zhan tian xia" เป็นภาพยนตร์ที่เป็นอีก 1 Masterpiece ของ John Woo เลยก็ว่าได้ เรื่องความสนุก เรื่องความบันเทิง คงไม่ต้องบรรยายกันว่า "มหามันส์" แค่ไหน ชนิดว่า แนะนำให้ไปดูด้วยตัวเองจะดีกว่า แต่ก็อดไม่ได้ที่จะนำบางจุด บางส่วนของ Red Cliff2 มาเล่าสู่กันฟัง ในมุมมองของผมเอง

เรื่องแรกที่ต้องบอกก็คือ นี่คือการนำ "ประวัติศาสตร์" มาดัดแปลงเป็นภาพยนตร์อย่างแท้จริง ใครคาดหวังว่าจะได้เจอ "สามก๊ก" แบบต้นฉบับ บอกได้เลยว่า อาจจะผิดหวัง โดยเฉพาะคนรุ่นอายุมากๆ ที่มีภาพของ "สามก๊ก" ในแบบต้นฉบับเดิมประทับตราตรึงอยู่ในหัว คงไม่ชอบภาพยนตร์เรื่องนี้แน่ๆ เช่น การที่ "ขงเบ้ง" ซึ่งถือเป็น "มังกรหลับ" ในตำนานฉบับจริงๆ มาเป็นเด็กหนุ่มในภาคนี้ แม้จะมีสติปัญญา แต่สุดท้าย "ขงเบ้ง" ก็ไม่ได้เป็น "ดาวเด่น" ของเรื่องเหมือนในพงศาวดาร

จิวยี่ ซึ่งในภาคพงศาวดารเป็นคนที่ต้องพ่ายทุกอย่างให้กับขงเบ้ง ต้องสู้ขงเบ้งไม่ได้ แต่มุมมองของ John Woo กลับทำให้ตัวละครตัวนี้ เป็น "พระเอก" ของเรื่อง

การฉายภาพที่ทำให้ "เล่าปี่" ดูแย่ในเรื่องนี้ ยิ่งอาจจะเป็นสาเหตุที่ทำให้ "สามก๊กแฟนคลับ" โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้อ่านสามก๊กฉบับวนิพก อาจจะแทบกระอักเลือด เมื่อ "ผู้พนมมือ 10 ทิศ" กลับกลายเป็นคนที่เห็นแก่ตัว

สรุปง่ายๆ ว่า สามก๊ก ฉบับ John Woo ตัวเอกคือ "จิวยี่" ที่เป็นตัวร้ยในภาคพงศาวดาร (จริงๆ จะเรียกตัวร้ายคงไม่ถูกนัก เรียกเป็นฝ่ายตรงข้ามเล่าปีจะถูกต้องกว่า)

Red Cliff กลายเป็นศึกระหว่าง "โจโฉ" กับ "จิวยี่" โดยมี "เสี่ยวเกี้ยว" เป็นตัวแปร มี "ขงเบ้ง" เป็นกุนซือ เป็นความร่วมมือระหว่าง "แดง" กับ "เหลือง" ที่ทำให้เอาชนะศัตรูของแผ่นดินไปได้อย่างง่ายดาย แม้จะไม่ได้จบตามพงศาวดาร แต่ก็ใกล้เคียง

หันมาดูด้าน Production บ้าง

อยากชมภาพยนตร์เรื่องนี้ในแง่ของการสร้างสรรค์บท การถ่ายภาพ และการตัดต่ออย่างมาก Shot แต่ละ Shot ร้อยเรียงให้เราค่อยๆ ซึมลึกไปกับเนื้อเรื่อง Scene แต่ละ Scene ทำให้เราค่อยๆ คล้อยตามไปกับอารมณ์ของตัวละคร การตัดสลับที่ทำให้สถานการณ์ในการรบของ 2 ฟากฝั่ง ดูเป็นเนื้อเดียวกันได้โดยไม่ต้องมานั่งย้อน ทำให้รู้ว่าเหตุการณ์ทั้ง 2 เกิดขึ้นพร้อมกัน และโต้ตอบกันทั้งในขณะบทพูด และบท Action เป็นสิ่งที่คนทำหนังทุกคนควรศึกษาเอาไว้ให้ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความปราณีตในการจัดฉาก และมุมแต่ละมุมในการถ่ายทำที่รายละเอียดทุกอย่าง ล้วนแล้วแต่มีความหมาย ไม่ได้เพียงแค่ใส่ๆ เข้าไปให้มันมีๆ เท่านั้น

เอาเป็นว่า ผมยกให้ Red Cliff 2 เป็นงานระดับ Master Piece ของ John Woo เลยก็ว่าได้


Create Date : 30 มกราคม 2552
Last Update : 1 กุมภาพันธ์ 2552 16:50:54 น. 0 comments
Counter : 670 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

J.Atthaphan
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Welcome to my Life, feel free to know me more.
Friends' blogs
[Add J.Atthaphan's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.